ตอนที่ 139
บาดตา
พี่ไป๋ เราพักกันที่เมืองหน้าก่อนดีไหม เหม่ยหลินถามขณะกำลังนั่งอยู่บนหลังของหลินหลิน แม้ระยะทางจากนครลับฟ้ากับนครร้อยอสูรจะห่างกันเป็นระยะทางไกลทีเดียว แต่สำหรับเหม่ยหลินแล้วตัวนางกลับรู้สึกว่ามันค่อยข้างจะใกล้ไปหน่อย พอเข้าเขตนครร้อยอสูรแล้วนางก็รู้สึกไม่อยากกลับขึ้นมาเสียเฉยๆ
ทำไมล่ะ เราจะถึงเมืองร้อยแปดอสูรแล้วนะ ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางเหม่ยหลิน นางมีท่าทีไม่อยากกลับเมืองมาได้สักพักแล้ว ตัวไป๋จูเหวินเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเรื่องอะไร
หลินหลินเดินมาหลายวันแล้วนางคงเหนื่อยน่าดู ให้นางพักก่อนเถอะ เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆ
ข้าไม่เป็นไรหรอก พี่เหม่ยหลินอย่ากังวลเลย หลินหลินตอบพลางเร่งความเร็วมากกว่าเดิม ทำเอาเหม่ยหลินเหงื่อตกเพราะหลินหลินไม่เล่นกับนางด้วยเสียนี่
ข้าแก่แล้ว เดินทางมากๆก็รู้สึกเหนื่อยเช่นกัน เจ้าอยู่ระดับสูงมากแล้วคงไม่รู้สึกเหนื่อยกระมัง หมิงฮุ่ยว่าพลางทุบหลังเบาๆราวกับคนแก่ ทั้งๆที่อายุจริงของมันยังน้อยกว่าหยวนหยวนเสียอีก
เช่นนั้นก็ได้ ไป๋จูเหวินรับคำพลางบอกให้หลินหลินหยุดพักที่เมืองต่อไปทำให้เหม่ยหลินแอบยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งใจ ความจริงนางไม่ได้ไม่อยากกลับไปยังกลุ่มนักล่าอสูรแต่อย่างไร เพียงแต่นางเดินทางร่วมกับไป๋จูเหวินมาพักใหญ่แล้ว นางจึงแอบรู้สึกว่าอยากจะเดินทางกับไป๋จูเหวินต่อสักพัก
พี่ไป๋ ดูเหมือนจะมีตลาดอยู่ที่ประตูตะวันออกด้วย พวกเราไปเดินชมกันดีหรือไม่ เหม่ยหลินถามพลางยื่นมือไปสัมผัสแขนของไป๋จูเหวินช้าๆ เห็นว่าไป๋จูเหวินไม่ได้ว่าอะไรนางเลยจับแขนของมันเอาไว้แบบนั้นเสียเลย
เดี๋ยวพวกเราจะไปหาที่พักให้ก่อน เจ้ากับคุณหนูไปเดินเล่นเถอะ หยวนหยวนว่าพลางขอแยกตัวไปก่อนอย่างรู้งาน ที่นี่คือเมืองวิหคเพลิง ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในเขตนครร้อยแปดอสูร ตำแหน่งนักล่าอสูรของเหม่ยหลินถือว่าเป็นคนของเจ้านครเลยก็ว่าได้ ตราบใดที่ไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินยังสวมใส่เครื่องแบบของกลุ่มนักล่าอสูรก็ไม่มีใครทำอะไรพวกนางหรอก
หลินหลิน เจ้าไปกับข้าเถอะ หงเยว่ว่าพลางเดินตามพวกหยวนหยวนไป ท่าทางเหล่าอสูรของพวกไป๋จูเหวินจะพยายามสร้างโอกาสให้เจ้านายกันไม่น้อย
ไม่เอา ข้าอยากไปเดินตลาดกับพี่ไป๋ หลินหลินท้วงพลางทำแก้มป่อง นางไม่ชอบแยกกับไป๋จูเหวินเท่าไหร่ แถมนางยังอ่านบรรยากาศไม่เป็นอีกต่างหาก ทำให้หงเยว่ได้แต่ถอนหายใจ
ไม่เป็นไรหรอกพี่หงเยว่ ให้หลินหลินมากับพวกเราก็ได้ เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มบางๆ แค่ได้โอกาสเดินเที่ยวชมตลาดก็ถือว่าดีมากแล้ว ไม่ต้องถึงกับให้ตนได้เดินกันสองต่อสองก็ได้
เย้ หลินหลินยิ้มกว้างพลางเดินเข้ามาเกาะแขนอีกข้างของไป๋จูเหวิน อาจจะเพราะโดนหลินหลินเกาะแขนจนเคยชินเช่นนี้กระมัง ไป๋จูเหวินถึงไม่ได้ว่าอะไรเหม่ยหลินที่เข้ามาเกาะแขนของมันเช่นกัน
หัวหน้า… ขณะไป๋จูเหวินกับเหม่ยหลินกำลังเดินชมตลาด อยุ่ๆชายคนหนึ่งในเครื่องแบบของกลุ่มนักล่าอสูรก็วิ่งเข้ามาในเหลาอาหารที่ตั้งอยู่ในเมือง
มีอะไร เฟยเฟิ่ง บุตรชายของอาวุโสเฟยหยางถามด้วยท่าทีไม่พอใจ มันกำลังดื่มสุรากับสหาย เหตุใดล๔กน้องมันถึงมากวนกันยามนี้
คุณหนูเหม่ยหลินมาที่เมืองนี้ขอรับ ลูกน้องของเฟยเฟิ่งรายงาน ทำเอาเฟยเฟิ่งถึงกับเบิกตากว้าง
เหม่ยหลินมางั้นหรือ นางอยู่ที่ไหน เฟยเฟิ่งถามด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะมันเขินอายที่เหม่ยหลินอยู่ใกล้ๆ แต่เพราะสุราที่มันดื่มเข้าไปต่างหาก
ที่ตลาดฝั่งประตูตะวันออกขอรับ ลูกน้องของเฟยเฟิ่งรายงาน ตั้งแต่วันที่บิดาของเฟยเฟิ่งใจกล้าหน้าด้านเข้าสู่ขอเหม่ยหลินกับหวงหลงจนโดนปฏิเสธเสียไม่มีเยื่อใย อาวุโสเฟยหยางก็ไม่ได้เข้าไปในเมืองร้อยแปดอสูรเท่าไหร่ยกเว้นงานต้อนรับองค์ชาย 4 เท่านั้น แถมพอทราบว่าหวงหลงไม่ยอมยกบุตรสาวให้หมั้นหมายกับบุตรชายมันแต่กลับยอมยกให้ศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงก็ทำเอามันโกรธแค้นหัวหน้าอย่างมาก แต่ด้วยกำลังต่ำชั้นกว่ามากทำให้มันไม่สามารถทำอะไรได้เลย
หลีก ข้าจะไปหานาง เฟยเฟิ่งไม่ได้รู้เรื่องการหมั้นหมายของเหม่ยหลินกับศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิง อันที่จริงนับตั้งแต่มันโดนปฏิเสธมามันก็แทบจะมาขลุกตัวในเหลาอาหารดื่มสุราเคล้าบทเพลงไม่ทำงานทำการเลยทีเดียว
แต่ว่า… ลูกน้องของเฟยเฟิ่งยังไม่ทันรายงาน ร่างของเฟยเฟิ่งก็ทะยานลงจากเหลาอาหารไปเสียแล้ว
ร่างของเฟยเฟิ่งทะยานวาบผ่านเมืองมาอย่างรวดเร็วราวปักษาบินถลาลม แม้จะไม่ใช่แก่นอสูรชั้นสูงเหมือนกิเลนดำของเหม่ยหลิน แต่แก่นอสูรของคุณชายเฟยเฟิ่งก็เป็นแก่นอสูรปักษาสายฟ้าที่หาได้ค่อนข้างยากทีเดียว ทำให้มันมีความเร็วเหนือกว่าผู้ฝึกฝนรพลังวิญญาณระดับเดียวกันเสมอ
….. แต่ทันทีที่มันเข้ามาในเขตตลาด ดวงตาของมันก็เห็นเหม่ยหลินที่มันตามหาในทันที เพียงแต่เหม่ยหลินที่มันเฝ้าฝันถึงกลับกำลังเกาะกุมชายหนุ่มคนหนึ่งที่มันไม่รู้จักเอาไว้ราวกับทั้งสองเป็นคู่รักกันก็ไม่ปาน
เฮ้ย เฟยเฟิ่งกระโจนลงไปตรงหน้าไป๋จูเหวินพลางคำรามเสียงดัง ตัวมันที่กำลังเมาจัดไม่สามารถควบคุมอารมเอาไว้ได้ เพียงมันยังไม่ปล่อยหมัดใส่ไป๋จูเหวินก็ถือว่าดีมากแล้ว
คุณชายเฟยเฟิ่ง เจ้ามีธุระอะไรกับข้า เหม่ยหลินถามพลางเกาะแขนไป๋จูเหวินแน่น นางทราบความรู้สึกที่เฟยเฟิ่งมีต่อนางดี ทำให้นางไม่คิดจะปล่อยแขนของไป๋จูเหวินแต่อย่างไร ในเมื่อมันเห็นแล้วนางก็จะทำให้มันเข้าใจไปเลยว่านางไม่ได้ชอบพอกับมันอย่างที่มันคิด
เจ้าเป็นใคร เฟยเฟิ่งถามพลางยื่นมือไปคว้าคอเสื้อของไป๋จูเหวินเอาไว้ เพียงแต่ไป๋จูเหวินจำได้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่มารับเหม่ยหลินในคราวก่อนมันเลยไม่ได้ตอบโต้อะไรอย่างรีบร้อน
ข้ามีชื่อว่าไป๋จูเหวิน สังกัดอยู่หน่วยที่ 7 ขอรับ ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา
หน่วย 7… เฟยเฟิ่งขมวดคิ้ว หน่วย 7 เป็นหน่วยสำรวจที่ไม่ค่อยมีบทบาทในการต่อสู้เท่าไหร่นักยิ่งทำให้เฟยเฟิ่งประมาท ยามนี้มันไม่แม้แต่จะตรวจสอบพลังของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ
ออกไปซะไอ้กระจอก เจ้าไม่คู่ควรกับคุณหนูเหม่ยหลิน เฟยเฟิ่งตะโกนก่อนจะผลักร่างของไป๋จูเหวินอย่างแรงจนร่างของไป๋จูเหวินเซไปด้านหลังเล็กน้อย
หยุดนะ เหม่ยหลินว่าพลางดันร่างของเฟยเฟิ่งออก ด้วยพลังที่เพิ่มมาหลายขั้นของนางทำให้ยามนี้นางแข็งแกร่งกว่าเฟยเฟิ่งมากมายนัก เพียงผลักออกไปด้วยแรงที่มีก็ทำเอาเฟยเฟิ่งที่เมาเละเทะอยู่แล้วล้มโครมลงไปกับพื้น
เจ้า…. เฟยเฟิ่งแทนที่จะโกรธเหม่ยหลินที่ผลักตน มันกลับหันมามองไป๋จูเหวินเสียอย่างนั้น
วี๊ดดดด!! เฟยเฟิ่งผิวปากเสียงดังลั่นก่อนจะเรียกอสูรเลี้ยงของทมันมาในทันที อสูรเลี้ยงของเฟยเฟิ่งเป็นอินทรีขาว 1 ตัวและอินทรีดำ 1 ตัว โดยพวกมันต่างอยู่ระดับหยกกันทั้งคู่
ฟิ้ววว… นกทั้งสองพุ่งมาด้วยความเร็วสูง ทำให้พลังของไป๋จูเหวินยังไม่ทำงาน ปากของนกอินทรีทั้งสองพุ่งตรงเข้ามาหมายจะแทงทะลุร่างของไป๋จูเหวินตามคำสั่งเจ้านายในทันที
เคร๊งๆ ปากของนกทั้งสองชนเข้ากับร่างของหลินหลินที่เข้ามาขวางเอาไว้ ด้วยแร่ที่หลินหลินนำมาเคลือบตัวเอาไว้ ทำให้นางมีเกราะที่แข็งแกร่งอย่างมาก จะงอยปากของอสูรระดับหยกแทบไม่สร้างความเสียหายอะไรกับผิวของนางเลย
ฟึบๆ หลินหลินเห็นเจ้านกสองตัวโจมตีใส่พี่ไป๋ของนาง หลินหลินจึงนำใยแมงมุมออกมาพันร่างของอสูรอินทรีเอาไว้จนพวกมันไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
หนอย เฟยเฟิ่งเห็นอสูรอินทรีของมันโดนจับอย่างง่ายดายก็มีท่าทีไม่พอใจ มันกระโจนเข้ามาหมายจะทำร้ายไป๋จูเหวินให้ได้
เพี๊ย! ฝ่ามือประกายอัสนีฟาดใส่ใบหน้าของเฟยเฟิ่งไปครั้งหนึ่งหมายเรียกสติ แต่เฟยเฟิ่งกลับสามารถเมาได้ลึกล้ำอย่างมาก เพียงตบทีเดียวคงเรียกสติมันกลับมาไม่ได้ ทำให้ร่างของมันรีบกลับเข้ามาหมายจะทำร้ายไป๋จูเหวินอีกครั้ง
ผลัก! ไป๋จูเหวินถอนหายใจพลางใช้ฝ่ามือธรรมดาๆผลักร่างมันออกไป ยามนี้พลังวิญญาณของเฟยเฟิ่งอ่อนกว่าตัวมันหลายเท่า ไม่ต้องพูดถึงพลังอสูรเลย เพียงผลักออกก็เพียงพอจะหยุดคุณชายเฟยเฟิ่งได้แล้ว
โอกกก เฟยเฟิ่งที่เมาเต็มที่โดนซัดไปก็เกิดอาการภาพหมุนก่อนจะก้มลงปล่อยของที่มันพึ่งกินไปออกมา ดูแล้วน่าอนาจไม่น้อย
เจ้า… เฟยเฟิ่งที่โดนซัดไปกุมหน้าอกตัวเองแน่น ตัวมันยามนี้ไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ต้องมาโดนไป๋จูเหวินเล่นงานเสียหมดท่า ทำเอามันเจ็บใจไม่มีวันลืม
เฟยเฟิ่ง หลังจากโดนซับจนกระเด็นไปแล้ว อยู่ๆร่างของชายคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามอยู่ตรงหน้าเฟยเฟิ่งอย่างรวดเร็ว
ท่านอาวุโส 2 เหม่นหลินพูดพลางมองเฟยหยางที่เข้ามาดูอาการของลูกชายตนเอง
คุณหนูเหม่ยหลิน เหตุใดชายคนนั้นถึงลงมือทำร้ายลูกชายข้า เฟยหยางพึ่งมาถึง ไม่ทราบเรื่องจึงสอบถามออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว
อาวุโส 2 ข้าจะอธิบายให้ท่านฟัง เหม่ยหลินว่าพลางเดินออกมาข้างหน้า
ไม่…ทำร้ายคนต้องรับโทษ อาวุโส 2 ว่าพลางผลักร่างของเหม่ยหลินออกไปข้างๆ ความจริงมันโกรธแค้นมาตั้งแต่เรื่องการหมั้นหมายแล้ว ยามนี้มันไม่ใช่แค่เข้าข้างลูกอย่างเดียวเท่านั้น มันเองยังอยากระบายความแค้นของตนเองอีกต่างหาก ในเมื่อเหม่ยหลินเลือกที่จะควงแขนชายหนุ่มคนนี้ ก็ถือว่ามันซวยไปที่บังอาจมาชิงเนื้อหงส์ของบุตรชายมันก็แล้วกัน
เปรี้ยง! หมัดของอาวุโส 2 ปะทะกับฝ่ามือของไป๋จูเหวินอย่างรุนแรง แต่ทั้งสองกลับไม่ถอยห่างจากกันเสียด้วยซ้ำ ทำเอาอาวุโส 2 อย่างเฟยหยางตกตะลึงอย่างมาก พลังวิญญาณของมันอยู่ระดับ ตี้เซียน ขั้นปลาย เหตุใดถึงโจมตีเสมอกับเด็กที่อยู่ระดับชำระกระดูกได้
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 139 บาดตา