ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 101 ศิษย์หล่นจากฟ้า

ตอนที่ 101 ศิษย์หล่นจากฟ้า

อวิ๋นเจี่ยวตกใจ รีบวิ่งออกไปดู เห็นเพียงเมฆดำปรากฏขึ้นอยู่บนท้องฟ้ามากมาย อีกทั้งยังสามารถมองเห็นสายฟ้าสีขาววิ่งพล่านอยู่บนชั้นเมฆในบางครั้ง ส่วนตรงกลางระหว่างชั้นเมฆนั้น มีร่างสีขาวร่างหนึ่งยืนอยู่ รอบตัวของเขาห่อหุ้มด้วยแสงสีขาว เห็นเพียงแต่ชายผู้นั้นสวมชุดสีขาวราวหิมะ รอบตัวของเขาเต็มไปด้วยพลังเทพ ถึงแม้ผมและหนวดเคราเป็นสีขาว แต่กลับไม่ทำให้เขาดูชรา เขายืนหลังตรงอยู่กลางอากาศ เห็นเพียงลางๆ ก็รู้สึกถึงพลังอำนาจที่กดทับลงมาท่วมท้น

นี่คือ…การลงมายังโลกของท่านเทพ!

อวิ๋นเจี่ยวหัวใจหล่นวูบ รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา ทันใดนั้นความรู้สึกเหมือนถูกผู้ปกครองของลูกคนอื่นมาหาถึงหน้าประตู หลังจากที่ลูกของตนเองไปสร้างปัญหาข้างนอกมาอย่างนั้น

 เจ้า…เจ้าหนู!  ไป๋อวี้ก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้า เขาวิ่งออกมาจากห้องตำราอีกด้าน  ตกลงคือเรื่องอะ… 

เขายังพูดไม่ทันจบ คนทั้งคนก็รู้สึกเหมือนถูกของหนักบางอย่างทับลงมา ทำให้คุกเข่าลงไปกับพื้นทันที ทันใดนั้นรู้สึกเพียงเลือดภายในร่างกายพลุ่งพล่าน ก่อนที่กลิ่นคาวปนหวานจะส่งขึ้นมาจากหน้าอก

 ชายแก่!  อวิ๋นเจี่ยวตะลึง รีบวิ่งเข้าไปพยุงคนเอาไว้  ท่านเป็นอย่างไรบ้าง 

 พลัง…พลังแข็งแกร่งมาก  ไป๋อวี้หอบหายใจ ก่อนจะเงยหน้ามองอย่างหวั่นเกรง  เกิดอะไรขึ้น ข้างบนส่งใครมา 

อวิ๋นเจี่ยวไม่ทันได้อธิบาย ได้ยินเพียงแต่เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่สายฟ้าจะผ่าลงมา คราวนี้ไม่ได้ผ่าลงที่นอกอาราม แต่กลับผ่าลงภายในอารามแทน เสียงดังก้องไม่ขาดสาย ตำหนักภายในอารามที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่หลังถูกผ่าจนพังทลาย

 เจ้าหนู ระวัง!  ทันทีที่ตาเห็นว่ามีสายฟ้าขนาดเท่าแขนกำลังจะผ่าเข้ามา ไป๋อวี้รีบลากอวิ๋นเจี่ยวให้หลบไปด้านข้าง

นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่ห้องตำราของพวกนางถูกผ่าจนแหลกละเอียด เศษไม้และก้อนอิฐปลิวว่อน ตำแหน่งที่ยืนเมื่อสักครู่ปรากฏหลุมขนาดใหญ่

 ไปจากที่นี่!  อวิ๋นเจี่ยวพูดเสียงดัง ลากไป๋อวี้หันหลังวิ่งไปอีกทิศทางหนึ่ง

เห็นเพียงแต่สายฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมผ่าลงมายังตำแหน่งห้องของนาง

 อาจารย์ปู่!  นางร้องออกมา อาจารย์ปู่ยังอยู่ในนั้น! เสียดายที่ไม่ทันการแล้ว เห็นเพียงแต่สายฟ้านั้นกำลังจะผ่าเข้าที่ด้านบนห้อง

ทันใดนั้นแสงสีทองประกายขึ้น ครอบคลุมห้องเอาไว้ ราวกับเป็นการสร้างเกราะป้องกันไว้อย่างนั้น อีกทั้งยังห่อหุ้มอวิ๋นเจี่ยวและชายชราที่วิ่งเข้าไปด้วย

สายฟ้าที่น่าหวาดเกรงนั้นผ่าลงบนแสงสีทอง แต่ก็ไร้ผลราวกับสะเก็ดไฟที่โดนน้ำ

 ฮึ! ที่แท้ก็หลบซ่อนอยู่ที่นี่!  เสียงนั้นดังขึ้นจากบนท้องฟ้าอีกครั้ง ทันใดนั้นรู้สึกถึงพลังยิ่งกดทับลงมามากขึ้น

เห็นเพียงแต่ร่างที่ทอประกายไปด้วยพลังนั้นค่อยๆ ลอยลงมาทางนี้ เขาลอยอยู่เหนือด้านบนของห้องราวสองสามเมตร ท่าทางเหมือนกำลังโกรธจัด กวาดตามองทั้งสองคนอย่างเย็นชา จากนั้นมองเข้าไปภายในห้อง ก่อนจะพูดขึ้น

 คนบาปที่บังอาจบุกเข้าไปในสวรรค์ยังไม่รีบออกมารับโทษอีก!  เสียงของเขาราวกับถูกส่งมาจากแดนไกล ทั้งที่ไม่ได้ออกแรงมาก แต่กลับดังก้องไปทั่วผืนป่า ส่งผลให้คนฟังรู้สึกกดดันและไม่อาจต่อต้านได้ สีหน้าของเขาดำทะมึน ความโกรธและความอาฆาตแผ่ออกมาจากตัวอย่างไม่ขาดสาย  ส่งสมบัติที่เจ้าแย่งชิงออกมา มิเช่นนั้น… 

 มิเช่นนั้นอย่างไร  เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงเย็นชาของอาจารย์ปู่ก็ส่งออกมาจากภายในห้อง ทันใดนั้นราวกับมีอะไรบางอย่างแตกสลายไป ทั้งสองคนที่อยู่ภายใต้หลังคารู้สึกเพียงแรงกดดันที่ไร้รูปร่างหายไปทันที

อาจารย์ปู่ก้าวเท้าออกมาจากห้อง

 มิเช่นนั้น…  เสียงที่ส่งมาจากกลางอากาศชะงักไปทันที ท่านเทพที่มีสีหน้าโกรธเคืองในตอนแรกเบิกตาโพลง จ้องมองคนที่เดินออกมา คนทั้งคนราวกับถูกสะกดเอาไว้ สีหน้าเหลือเชื่อ

 มิเช่นนั้นอย่างไร  อาจารย์ปู่ถามขึ้นอีกรอบ

 มิ…เช่น…  คนผู้นั้นเอาแต่พูดวนไปวนมา นาทีต่อมา เขาก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศและคุกเข่าลงไปก่อนจะโค้งคำนับอย่างแนบชิดกับพื้นไปทางเยี่ยยวน มิเช่นนั้น…เขาก็คุกเข่าลง!

อวิ๋นเจี่ยว  … 

ไป๋อวี้  … 

เอ๊ะ?

อะไรกัน

(⊙_⊙)

ทั้งสองคนยังไม่ทันเข้าใจเหตุการณ์ ก็ได้ยินท่านเทพที่เปลี่ยนโหมดเรียกขึ้นด้วยเสียงสะท้าน  อา…อาจารย์?! 

!!!

อวิ๋นเจี่ยวและไป๋อวี้ต่างตกตะลึง ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เฮ้ย!

ท่านเทพที่วิ่งลงมาเพื่อหาเรื่องที่โลกมนุษย์เป็นศิษย์ของอาจารย์ปู่?!

 อย่าเรียกข้าว่าอาจารย์!  สีหน้าของเยี่ยยวนเย็นชากว่าเดิม คิ้วของเขาขมวดมุ่น สายตาที่มองไปยังคนบนพื้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ ก่อนจะพูด  พูดต่อ ถ้าข้าไม่ให้ เจ้าจะทำอย่างไร 

 ศิษย์…ศิษย์…ศิษย์ไม่กล้า!  ท่านเทพที่เมื่อสักครู่แทบจะร้องไห้ออกมา ท่าทางของความเป็นเทพหายไปจนหมดสิ้น แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทาขึ้นมา

 ฮึ!  เยี่ยยวนส่งเสียงในลำคอทีหนึ่ง จ้องมองศิษย์โง่ด้วยสีหน้าโกรธเคือง ก่อนจะพูดด้วยความเย็นชา  ไม่เจอหลายหมื่นปี เจ้านับวันยิ่งเก่งกาจขึ้น? 

 อา…อาจารย์…  ท่านเทพตัวสั่นหนักมากขึ้น เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะพูดว่า  ศิษย์…ศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นท่านที่มาเอาเส้นชีพจรเสวียนของข้าไป ดังนั้นจึง…ขออภัยท่านอาจารย์! 

เขายิ่งคิดยิ่งน้อยใจ เรื่องนี้โทษเขาไม่ได้นะ อาจารย์ท่านจะมาก็มา แม้แต่คำทักทายยังไม่มี ก็หยิบเอาเส้นชีพจรเสวียนของเขาไปเฉยๆ เดิมทีเขากำลังจะนั่งสมาธิ พอลืมตาขึ้นพบว่าขาดเส้นชีพจรเสวียนไป เป็นใครก็ต้องตามสืบหน่อย ดังนั้นเขาถึงตามมาถึงที่นี่ ใครจะรู้ว่า…

ไร้ความยุติธรรมโดยสิ้นเชิง!

 อาจารย์  เขายกตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่หลังของเขายังคงโก่งราวกับกุ้ง  เส้นชีพจรเสวียนมีกันทุกคน เพียงแต่ใช้เพื่อชักนำพลังเข้าร่างกาย ศิษย์ไม่เข้าใจว่าท่านเอาเส้นชีพจรเสวียนไปทำอะไร 

เยี่ยยวนกวาดตามองเขาหนึ่งที ก่อนจะตอบอย่างเย็นชา  ใช้!  ท่าทางจริงจังเคร่งขรึม ไม่เหมือนกับคนที่ไปดึงเส้นชีพจรเสวียนของลูกศิษย์ตนเอง

 …  เอ่อ คำตอบอะไรกัน!

 เจ้าเป็นเทพแล้ว เส้นชีพจรเสวียนไม่มีประโยชน์อะไรกับเจ้า  อาจเป็นเพราะสีหน้าของอีกฝ่าย เยี่ยยวนจึงพูดเสริมขึ้นอีกประโยค

 เอ่อ…  สีหน้าของท่านเทพยิ่งแข็งทื่อ

 ทำไม เจ้าไม่ยอม?  สายตาของเยี่ยยวนมืดลงไป

 ไม่ๆๆ !  เขารีบส่ายหัวทันที ก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง เขากล้าที่จะพูดว่าไม่ที่ไหนกัน  แค่เพียง…แค่เพียง…  เขาแค่เพียงอยู่ครึ่งวันก็ไม่มีประโยคตามหลังหลุดออกมา สายตาของเขาลอยไปลอยมา ไม่รู้เป็นเพราะกำลังหาวิธีพูด หรือไม่กล้าพูด

กลับเป็นอวิ๋นเจี่ยวที่ตั้งสติได้ก่อน ทันใดนั้นนางรีบก้าวขึ้นหน้าพูดปราม  ช่างเถอะ อาจารย์ปู่ ท่านคืนเส้นชีพจรเสวียนให้เขาไปเถอะ  ดูท่าทางน่าสงสาร

ทันทีที่พูดจบ ท่านเทพที่หวั่นเกรงอาจารย์ปู่นั้นเงยหน้ามองนางอย่างตกตะลึง ราวกับได้ยินอะไรบางอย่างที่เหลือเชื่อ

เอ๊ะ? บนโลกนี้มีคน…กล้าปรามอาจารย์?!

(⊙o⊙)

รีบมาดูเร็ว ตรงนี้มี ‘หญิงใจกล้า’ คนหนึ่ง!

 

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing

คำโปรย

อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย

เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบินขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่งรัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท