คุณทนาย จดทะเบียนสมรสกัน – ตอนที่ 17 ความสัมพันธ์ของเราสองคน

ตอนที่ 17 ความสัมพันธ์ของเราสองคน

เย็นวันนั้นจรรยาพาปณิตาไปดูเตียงกับโซฟาใหม่ เพราะหลังจากที่ดวิษกับนัชชาตกลงจะหย่ากันเธอก็ไปดูดวงมา หมอดูบอกว่าถ้าอยากให้บ้านมีแต่เรื่องดีๆต้องเปลี่ยนเตียงกับโซฟาใหม่ทั้งหมด

จรรยาไม่อยากให้นัชชาหย่าเพราะการหย่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและอาจจะเสื่อมเสียชื่อเสียงของตระกูลตัวเองได้ บางทีอาจต้องมีการแบ่งทรัพย์สมบัติอีกด้วยถึงแม้เธอจะไม่ค่อยชอบนัชชาแต่นัชชาก็เป็นคนที่เรียบร้อยเชื่อฟังไม่เคยขัดคำสั่ง

ปณิตาถามจรรยา  คุณป้า เรามาทำอะไรที่นี่เหรอคะ 

จรรยาโกหกเธอ ตอบแบบหน้าตาย  จะได้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับหนูไงจ๊ะ ถึงเวลาเปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้ในบ้านแล้วละ โดยเฉพาะโซฟากับเตียง 

ปณิตาดีใจยิ้มจนแก้มแทบปริ  เกรงใจจังเลยค่ะ คุณป้า 

จรรยาปฏิเสธ  ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้า 

ทั้งสองคนดินดูของเกือบทั้งวัน สุดท้ายได้เตียงคู่สไตล์ยุโรปและโซฟาหุ้มด้วยหนังทั้งชุด ระหว่างคิดเงินพนักงานบอกว่าของเข้าพรุ่งนี้เพื่อเป็นการขอโทษจะมีการขนส่งและติดตั้งทุกอย่างให้ฟรี

จรรยาไม่ได้เร่งรีบ เดินออกจากร้านอย่างพอใจหลังจ่ายเงินทุกอย่างเสร็จ

หลังจากตรัณรู้เรื่องก็ส่งข่าวสารต่างๆให้เตชิตรู้  ไปหาคนที่เราสนิทเชื่อใจได้ แล้วให้คนนั้นเอาไอ้นี่ติดตัวไปด้วย 

เขาหยิบกล้องเล็กๆ ที่เอาซ่อนไว้ออกมา กล้องเล็กจนไม่สามารถมองเห็นหรือตรวจจับได้และราคาก็ค่อนข้างสูงมากด้วย

ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเป็นถึงสำนักงานกฎหมายที่ดีที่สุดในประเทศ นี่อาจเป็นวิธีที่ไม่ค่อยสะอาดแต่ก็เป็นเรื่องที่ให้คนนอกรู้เรื่องไม่ได้เด็ดขาด

ปกติเตชิตไม่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้แต่ครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น ตรัณรับของมาในใจแอบคิดว่าจะต้องจดจำคนที่ชื่อนัชชาเอาไว้ เผื่อเจอคราวหน้าจะได้ไม่ทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าเธอ

 คุณเตชิตครับ การสอบสัมภาษณ์พรุ่งนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า จนถึง 3 โมงเย็น คุณโอเคมั้ยครับ  ตรัณหยิบตารางงานขึ้นมาดู

เตชิตตอบรับ หลังจากที่ตรัณออกจากห้องเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและวางลงเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเดินไปที่ตู้หนังสือ หยิบหนังสือขึ้นมา 2 เล่มที่มันเกี่ยวกับคุณสมบัติของคนที่จะรับเข้าทำงาน เป็นหนังสือที่ไม่หนามาก

ภาพที่หน้าปกเป็นรูปผู้หญิงกำลังยืนหันหลังอยู่เธอใส่เสื้อสีขาวกางเกงขายาวสีดำตามแบบเกณฑ์การประเมินมาตรฐานสากล OL เขาคิดไปถึงภาพว่าถ้านัชชาใส่ชุดนี้จะออกมาเป็นยังไง

พอคิดได้ดังนี้ เขาก็กดโทรหาร้านแบรนด์เสื้อผ้าดังที่เขาสั่งตัดชุดเป็นประจำ  เอาชุดของผู้หญิง เสื้อ กระโปรงอย่างละตัวที่เข้าใหม่ล่าสุด ไปส่งที่ไวโรจน์วิลล่า 

……

ระหว่างที่นัชชากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องรับแขกก็มีคนกดกริ่งที่หน้าประตู เธอเดินไปดูที่ประตูและไม่คิดว่าจะเห็นว่าเป็นผู้หญิง 2 คนที่เข็นราวเสื้อผ้าคนละราวเข้ามาในบ้าน

 สวัสดีค่ะคุณนัชชา พวกเราเป็นพนักงานมาจากร้านซีซี่ในดาวรุ่งสแควร์ นี่เป็นเสื้อผ้าของคุณ กรุณาเซ็นรับด้วยค่ะ 

นัชชามองไปยังราวเสื้อผ้าแบบงงๆ  ฉันไม่ได้สั่งนะคะ พวกคุณมาผิดที่รึเปล่าคะ 

พนักงานตอบแบบยิ้มๆ  ไม่ผิดแน่นอน เพราะคุณเตชิตเป็นคนสั่งเองค่ะ 

คุณเตชิตเหรอ

นัชชามองไปยังเสื้อผ้า เป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อแต่เธอก็ยิ้มตอบแบบงง  รอแปปนะคะ 

นัชชาเดินไปข้างหน้าต่าง กดโทรหาเตชิต  เตชิต คุณสั่งเสื้อผ้าให้ฉันเหรอ 

ปลายสายตอบกลับมานิ่งๆ  อืม 

นัชชาหันกลับมามองพนักงานแบบยิ้มๆ  แต่ฉันคงใส่ไม่หมดหรอกเยอะขนาดนั้น 

 ใส่ไม่หมดก็เอาไปทิ้ง  เหมือนมีเสียงเรียก ไม่นานเขาก็ถามด้วยเสียงไม่สบอารมณ์  มีเรื่องอะไรอีกมั้ย 

 ไม่ ไม่มีแล้ว ขอโทษที่รบกวน บาย…  ยังไม่ทันได้พูดจบสายก็ถูกตัดไป

นัชชากัดฟันมองสายที่ถูกตัดทิ้ง

อายุแค่ 32 นี่เข้าสู่วัยทองแล้วเหรอ

นัชชาเก็บโทรศัพท์แล้วหันหลังเดินไปเซ็นรับชุด พนักงาน 2 คนนี้ก็จัดการเอาชุดขึ้นไปจัดเก็บไว้ที่ห้องให้เธอให้เรียบร้อย

หลังจากนั้นนัชชาก็ส่งพวกเธอออกไปที่ประตูหน้าบ้าน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนออกมาส่งพวกเธอถึงหน้าบ้าน พวกเธออดเอ่ยปากชมไม่ได้  คุณนัชชาโชคดีมากเลยนะคะ มีสามีที่รักและดูแลคุณดีขนาดนี้ 

นัชชาเขินอาย  เขาไม่ใช่สามีของฉันค่ะ 

พนักงานได้ยินดังนี้ ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก  เป็นแค่แฟนเหรอคะ ถ้างั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ 

เธอถอนหายใจหลังปิดประตู

เป็นแฟนที่ไหนละ สำหรับเตชิตเธอก็เป็นได้แค่ของเล่นที่เขาใช้ระบายอารมณ์ทางกามแค่นั้นเอง

นัชชาสะบัดหัวเพื่อให้ตัวเองหยุดคิดเรื่องไร้สาระ เธอเดินเข้าห้องแต่งตัวไปแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาดูเห็นราคาที่ป้ายก็ต้องตกใจตาแทบหลุดออกมา

เจ็ดพันแปดร้อยบาท

เนื้อผ้าบางขนาดนี้ คุ้มราคาที่ไหนกันละกับเจ็ดพันแปด

นัชชาหยิบชุดกระโปรงขึ้นมาดู สองหมื่นสาม… เธอพูดไม่ออก นี่ไม่ใช่เสื้อผ้าแต่เป็นกองเงิน

เตชิตเขาต้องรวยขนาดไหนถึงขั้นที่ซื้อชุดให้เธอมากมายได้ขนาดนี้และเขาก็ใจกว้างมาก

นัชชาคิดแค่ว่าเตชิตคงไม่มีอะไรหรือไม่ก็เขาคงไม่พอใจรสนิยมในการแต่งตัวของเธอ แต่เธอคิดไม่ถึงว่ามันมีเหตุผลสำคัญอีกข้อที่มากกว่านั้น

เตชิตกลับถึงบ้านตอนสามทุ่มครึ่งและบอกข่าวที่เธอไม่คาดฝัน

 เธอต้องสัมภาษณ์งาน  นัชชาคิดว่าตัวเองฟังผิด

 พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า ที่ห้องประชุม B-201 อย่าไปสายละ 

นัชชายืนอึ้งสักพัก เธอเห็นเขาเดินขึ้นบันไดเธอก็เดินตามขึ้นไปพร้อมกับถามไม่หยุด  คุณเอาฉันไปฝากงานที่บริษัทคุณเหรอคะ 

 อืม 

 สำนักงานกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ทำไมถึง… 

เขาหยุดเดินแล้วหันมาถามเธอด้วยสายตาที่กดดัน  ไม่อยากไปเหรอ? 

นัชชากลืนน้ำลาย  อยากไป แต่… มีตัวเลือกอื่นอีกมั้ย 

เตชิตไม่สนใจเดินต่อเข้าไปยังห้องแต่งตัว ปกตินัชชาไม่เคยเดินตามเขาเข้าไปถึงห้องแต่งตัว แต่วันนี้เธอลืมตัวเดินตามเข้าไปถึงในห้อง

นัชชาเห็นเขาไม่แสดงออกอะไรเลยเธอเลยพูดขึ้นอ้อมๆ  คุณเตชิตคะ ที่ทำงานดีขนาดนั้นฉันก็ต้องอยากไปอยู่แล้ว แต่ฉันกลัวคุณจะมีปัญหาเพราะเรื่องระหว่างเรามัน… 

เขาหยุดแล้วหันมามองเธอเล็กน้อย  เราสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน? 

นัชชาตกใจกับคำพูดของตัวเอง รีบส่ายหัวปฏิเสธ

เตชิตไม่คิดที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วผลักเธอให้ไปชิดกับตู้เสื้อผ้า  หืม ว่าไง 

 

คุณทนาย จดทะเบียนสมรสกัน

คุณทนาย จดทะเบียนสมรสกัน

Status: Ongoing

“นัชชา ฉันไม่สามารถทำเรื่องนั้นได้”ผัวที่เพิ่งแต่งใหม่พูดกับเธออย่างนี้ เธอเชื่อ หลังสามปีเธอกลับเห็นเพื่อนรักของเธอกับผัวเธอทรยศเธอ“นัชชา ฉันไม่สามารถทำเรื่องนั้นได้ แค่ทำกับเธอไม่ได้เท่านั้น”สายตาที่เสียดสีของเขาทำให้ความอดทนของเธอในสามปีนี้ล้มละลายเธอออกไปดื่มเหล้าแล้วได้เจอกับชายแปลกหน้า คิดว่าเป็นแค่คืนหนึ่งยืน แต่กลับคิดไม่ถึงชายคนนั้นเป็นทนายที่ด่งดังเขาช่วยเธอไปฟ้องร้อง ทำให้ผัวเก่าของเธอหมดตัวไปหลังทุกอย่างจบสิ้น เธอคิดว่าจะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบเงี่ยบสงบ แต่เขากลับบีบเธอไปที่มุม“ปัญหาของเธอแก้ไขแล้ว ตอนนี้ถึงปัญหาของผมแล้ว”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท