ศึกเดือด มหากาฬ – บทที่ 96 ของที่ระลึกของนายท่านซู

บทที่ 96 ของที่ระลึกของนายท่านซู

สำหรับเฉินฝู สำหรับหลี่เจ๋อ และสำหรับคนมากมายแล้ว ลุงจงเป็นบุคคลสำคัญที่เก่งมาก

แต่สำหรับเฉินอีแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเก่งขนาดไหน แต่เขาก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น

ถึงคนแซ่อื่นจะเก่งขนาดไหน มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา สิ่งที่เฉินอีต้องการคือครอบครองอำนาจของตระกูลเฉินอย่างแท้จริง

 ตัวอย่างเช่น ลูกพี่ลูกน้องหลายคนของผม ถ้าคราวนี้พวกเขาเหล่านั้นมาเอง ผมจะยินดีเป็นที่สุด 

รอยยิ้มที่หยอกเย้าปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินอี

เขาเริ่มเกมนี้นานแล้ว โดยรอให้อีกฝ่ายติดกับดัก แต่น่าเสียดายคราวนี้คนที่มานั้นเป็นลุงจงที่ไม่อยู่ในระดับ

ถูกต้อง ในสายตาของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นลุงจงที่อยู่ข้างผู้หญิงคนนั้น ก็ไม่ต่างไปจากเฉินฝู อย่างมากที่สุดเขาก็เป็นได้แค่มดที่มีความสามารถเท่านั้นเอง

 ผมเข้าใจแล้ว 

หยางเหลียนหลงแสดงให้เห็นว่าตนเองเข้าใจ และถามต่อไปว่า  แล้วสมบัติของชาติที่พวกเราจับตา พวกเราจำเป็นต้องค้นหาและส่งกลับหรือไม่? 

มีสมบัติของชาติมากมาย ซึ่งบางพิพิธภัณฑ์ที่เห็นแก่ทรัพย์สินเงินทอง จึงนำสมบัติของชาติไปขายในตลาดมืดที่ตระกูลมังกรสร้างขึ้น ตอนนี้คดีของพิพิธภัณฑ์ที่ขโมยสมบัติของชาติไปขายเหล่านั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี

 ต้องส่งกลับคืนแน่นอน แม้ว่าเกมนี้มีความสำคัญมาก แต่ก็ไม่สามารถนั่งดูสมบัติเหล่านั้นของประเทศต้าถังถูกส่งไปต่างประเทศได้ 

เฉินอีไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวที่ไม่คำนึงถึงสถานการณ์ของประเทศ

แม้ว่าการแก้แค้นจะมีความสำคัญ แต่สมบัติพวกนั้นเป็นของประเทศ และจะต้องไม่ถูกขายออกไปต่างประเทศ

ไม่เห็นหรือว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศต้าถังได้จ่ายเงินไปเท่าไรสำหรับการทวงคืนสมบัติที่สูญหายไปในสงครามเมื่อร้อยปีก่อน

สมบัติเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงวัตถุโบราณเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกทางจิตวิญญาณของอารยธรรมตะวันออกอีกด้วย!

ดังนั้นเฉินอีจึงหยุดสักครู่และกล่าวว่า  คืนนี้ผมจะไปกับคุณ เพราะยังไงผมก็เป็นผู้ซื้อจากตะวันตก และข้างกายจำเป็นต้องมียอดฝีมืออยู่ นอกจากนั้นผมอยากรู้ว่าใครจะกล้าใช้ประโยชน์จากสมบัติแห่งอารยธรรมตะวันออกของผม ซึ่งมันเป็นการรนหาที่ตาย! 

 ตกลง ผมจะรอการมาเยือนของเจ้าพ่อเฉินด้วยความยินดี! 

หยางเหลียนหลงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

หลังจากวางสายแล้ว ฉินปิงหลันที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องถามด้วยความงุนงงว่า  เมื่อสักครู่คุณพูดถึงสมบัติอะไร? 

 ไม่มีอะไร? 

เฉินอียิ้ม พยายามเปลี่ยนประเด็น แต่ไม่คิดว่าฉินปิงหลันจะพูดหัวข้อนี้ต่อ

 เมื่อพูดถึงสมบัติของชาติและโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมแล้ว ตอนนั้นคุณปู่ทิ้งจี้หยกไว้ให้ฉัน แต่เมื่อสองปีก่อนผู้หญิงจากตระกูลหลินคนนั้นเอาไป จนถึงตอนนี้ยังสาบสูญไร้ร่องรอย 

ขณะที่กล่าวนั้นเธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เฉินอีเลิกคิ้วและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า  สามารถเอามันกลับคืนมาได้แน่นอน 

 ช่างมันเถอะ ไม่ว่าตระกูลหลินจะตกอับหรือไม่ ก็ไม่สามารถเอาจี้หยกของฉันกลับคืนมาได้แล้ว เพียงแต่นั่นเป็นของที่ระลึกชิ้นสุดท้ายที่คุณปู่ทิ้งไว้ เฮ้อ… 

ฉินปิงหลันโศกเศร้าจนเกือบจะร้องไห้ออกมา แต่ยังดีที่เธอเป็นคนเข้มแข็ง

เฉินอีขมวดคิ้วอีกครั้งและกล่าวว่า  ผมมีธุระจะต้องออกไปข้างนอก 

เขาติดต่อหลินเจิ้นหู่อย่างรวดเร็ว

 คุณคือ…… 

หลินเจิ้นหู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 ผมคือเฉินอี คุณอยู่ที่ไหน? 

 โอ้! 

หลินเจิ้นหู่กำลังแบกอิฐที่ไซต์งานก่อสร้าง ไม่มีภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามดังเช่นเมื่อก่อน

เมื่อเขาเห็นเฉินอี เขารีบเดินไปข้างหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า  เจ้าพ่อเฉิน 

 อึม 

เฉินอีพยักหน้าเล็กน้อย และมองไปรอบ ๆ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในไซต์งานก่อสร้างนี้ เป็นคนของตระกูลหลินและคนตระกูลอื่นที่เคยก่อกรรมทำชั่วไว้ และได้รับคำสั่งจากเฉินอีให้ยึดทรัพย์สินของคนร่ำรวยพวกนี้

ไม่ว่าเมื่อก่อนพวกเขาจะถูกเลี้ยงมาเหมือนไข่ในหินเพียงใด แต่ขณะนี้สิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญคือดินสีเหลือง

 ผมถามคุณประโยคหนึ่ง คุณรู้หรือไม่ว่าหลานสาวของคุณมีจี้หยกชิ้นหนึ่งซึ่งแย่งชิงมาจากภรรยาของผม 

เฉินอีถาม แต่เขายังคงสังเกตคนรวยที่ตกอับอย่างตระกูลหลินและคนตระกูลอื่น

 เรื่องนี่! 

ทันใดนั้นหัวใจของหลินเจิ้นหู่ก็กระตุก

เขารีบโทรถามหลานสาวของตนเอง ผู้หญิงคนนั้นที่เมื่อก่อนนั้นหยิ่งยโส ตอนนี้เธอทำงานอยู่ในร้านสะดวกซื้อของตระกูลหลิน

 เจ้าพ่อเฉินหลานสาวของผมบอกว่า เมื่อปีที่แล้วเธอได้มอบจี้หยกชิ้นนั้นให้คนอื่นไปแล้ว 

หลังจากวางสายแล้ว สีหน้าของหลินเจิ้นหู่นั้นขาวซีดเผือด

นี่มันเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

ถ้าไม่ใช่เพราะจี้หยกชิ้นนั้นสำคัญกับเฉินอีและคุณนายเฉินแล้ว เฉินอีจะมาสถานที่นี่ด้วยตนเองได้อย่างไร

หรือว่าตระกูลหลินจะต้องเจอวิบากกรรมอีกครั้ง?

ทันใดนั้นเขาอยากจะคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอโทษ แต่ถูกเฉินอีขวางไว้

 คุณไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น พวกคุณถูกลงโทษมาพอแล้ว แล้วเธอมอบจี้หยกนั้นให้กับใคร? 

 คือ คือคนดังอันดับหนึ่งของเมืองฉือ หลานสาวของท่านผู่ 

 อ้อ? 

เฉินอีผงะอยู่ครู่หนึ่ง

เขารู้แน่นอนว่า คนที่สามารถถูกเรียกว่าอาจารย์นั้นเป็นต้องบุคคลชั้นนำในเมืองฉือแน่นอน

ไม่ว่าจะเป็นแวดวงราชการหรือสถานที่อื่น จะต้องมีสาวกของอีกฝ่ายอยู่ไม่มากก็น้อย ถ้ากล่าวถึงทรัพย์สินแล้ว พวกเขาอาจจะร่ำรวยไม่เท่าตระกูลหลินและตระกูลหลี่ หรืออย่างมากสุดอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลฉินเท่านั้น

แต่ถ้ากล่าวถึงอิทธิพลแล้ว พวกเขานั้นสามารถบดขยี้ตระกูลหลินลงบนพื้นได้

 โอเค 

ดูเหมือนว่าเฉินอีนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาตบไหล่ของหลินเจิ้นหู่และกล่าวว่า  ความจริง โทษของตระกูลหลินไม่เกี่ยวข้องกับคุณ คุณไม่อยากทำงานให้ผมจริงหรือ? 

เมื่อเห็นว่าเฉินอีไม่ถือโทษเอาผิดหลินเจิ้นหู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบตอบว่า  ขอบคุณเจ้าพ่อเฉินสำหรับความชื่นชม แต่ตระกูลหลินไม่มีผู้นำไม่ได้ พี่ชายคนรองของผมนั้นสุขภาพไม่แข็งแรง ดังนั้นอำนาจทั้งหมดต้องอาศัยผมประคับประคองอยู่ ถ้าผมไม่ดูแลควบคุมพวกเขาดี ๆ เกรงว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาให้กับเมืองฉือ และเจ้าพ่อเฉิน 

เฉินอีเงียบ และหลังจากนั้นก็จากไป

ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้พูดตามมารยาท แต่เขาก็ไม่ได้บีบบังคับ ถ้าพูดไปครั้งหนึ่งแล้วถูกปฏิเสธ ย่อมจะไม่พูดเป็นครั้งที่สองอีก

หลังจากที่เขามาถึงค่ายฝึก ก็ได้ยินเสียงโหยหวนอยู่ข้างใน เฉินอีจำได้ว่าคืนนั้นไม่มีการฝึกพิเศษให้มังกรเขียว

เมื่อเดินเข้าไป เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เขาเห็นมังกรเขียวข่มเหงคนยี่สิบกว่าคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 พวกกลุ่มคนไร้ประโยชน์ เข้ามาต่อ แค่กระบวนท่าเดียวก็ไม่สามารถผ่านได้ แล้วยังคิดที่จะยืนหยัดต่อสู้กับเจ้ามังกรให้ได้หลายกระบวนท่าอีก มันเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดี! 

คนยี่สิบกว่ารู้สึกโกรธเมื่อได้ยินประโยคนี้ และพวกเขาก็พุ่งไปหามังกรเขียวอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแตกต่างจากพวกเขามาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะบุกเข้ามาพร้อมกัน ก็อาจจะยืนหยัดได้ไม่ถึงสิบวินาที

 คุณมังกรเขียวแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้ว เจ้าพ่อเฉินจะแข็งแกร่งขนาดไหน? 

ขณะนี้ พวกเขารู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นกับเรื่องที่จะต้องต่อสู้กับเฉินอีแล้วถึงจะผ่านการ มีเพียงเจ้าดำเท่านั้นที่รู้ดี

 เขาคือเจ้ามังกรแห่งสำนักมังกรลับเชียวน่ะ ในแง่ของพลังการต่อสู้ ถึงแม้ว่าจะมีคนอีกสิบกลุ่มเหมือนพวกเราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา 

 ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ เจ้าพ่อเฉินจะจริงจัง อย่างน้อยเขาก็จะไม่จริงจังเหมือนกับคุณมังกรเขียว 

ความจริงแล้วตอนนี้มังกรเขียวไม่ได้จริงจัง แต่ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นมันแตกต่างกันมาก การที่มังกรเขียวใช้พลังเช่นนี้เหมือนเป็นการรังแกคน

ดังนั้นจึงทำให้เฉินอีไม่สามารถทนเห็นได้เล็กน้อย

เขาเดินเข้าไป และเหลือบมองมังกรเขียวอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง

 มังกรเขียว มา มาต่อสู้กับผม 

ก่อนหน้านั้นมังกรเขียวไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงเฉินอี และยืนหันหลังให้เฉินอีอยู่ เมื่อเขาได้ยินประโยคนี้ ร่างกายของเขาก็เฉื่อยชาทันที

 ฉิบหาย 

ตอนนี้ในใจของเขาด่าคำหยาบขึ้นมา

 

ศึกเดือด มหากาฬ

ศึกเดือด มหากาฬ

Status: Ongoing

เขาเป็นเจ้าแห่งสำนักมังกรลับ เป็นเทพสงครามที่ภาคภูมิ แต่ลูกสาวทั้งสองของเขากลับถูกกระทำทารุณ ภรรยาถูกรังแกข่มเหง เขากลับมาจากชายแดนพร้อมกลับความน่ากลัว ทุกคนต่างรู้ว่า คนบ้าเลือดเหล่านั้น จุดจบจะมาพร้อมกับความตาย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท