ศึกเดือด มหากาฬ – บทที่ 92 เจ้าพ่อเฉิน

บทที่ 92 เจ้าพ่อเฉิน

 ต้องขอโทษด้วย ที่ทำให้ประธานวังรู้สึกขบขัน อาทั้งสองคนของฉันเป็นเช่นนี้เสมอ เฒ่าทารก 

จิ่งหลิงยิ้มอย่างขมขื่น แต่ยังคงสนทนากับวังจ่างหลิน

อีกฝ่ายหัวเราะแล้วกล่าวว่า  เฒ่าทารกก็ไม่เห็นจะมีอะไรไม่ดี คนแบบนี้เวลาอบรมสั่งสอนให้ความรู้คนอื่นแล้วจะไม่มีความรู้สึกกดดัน ผมไม่ชอบคนหัวโบราณ และใช่ว่าจะไปสอนผู้ใหญ่พวกนั้นสักหน่อย พวกเด็ก ๆ ต้องการผู้อำนวยการแบบนี้แหละ ฮ่า ๆ ๆ! 

จากนั้นเขาก็มองตรงไป  ไปเถอะ ถึงเวลาที่พวกเราจะพูดถึงเรื่องต่อไปแล้ว 

เขามีหลายเรื่องที่จะต้องพูด และยังมีเรื่องต้องไปคุยกับเฉินอี แต่ฉินปิงหลันอยู่ที่นั่น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปรากฏตัวได้

สีหนาของจิ่งหลิงเคร่งขรึมเช่นกัน และขณะเดียวกันก็ในใจก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้น

ก่อนที่จะมาที่นี่ พ่อได้กำชับเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้จะไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินอีได้ แต่ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับวังจ่างหลินให้ได้

 ในสายตาของคนส่วนใหญ่ในเมืองฉือแล้ว คิดว่าตระกูลหลี่นั้นมีความเจริญรุ่งเรือง แต่หารู้ไม่ว่าความจริงแล้ววังจ่างหลินต่างหากที่จะเป็นคนที่สามารถเลื่อนฐานะได้อย่างรวดเร็ว และทั้งหมดนี้ต้องอาศัยเจ้าพ่อเฉิน 

สรรพนามที่เขาใช้เรียกเฉินอีก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

คุณเฉิน เจ้าพ่อเฉิน

ดูเหมือนมีความแตกต่างเพียงแค่คำเดียว แต่ความจริงแล้วมันแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

เฉพาะบุคคลที่สำคัญเท่านั้น ที่สามารถได้รับความเคารพจากพวกเขา แต่ไม่ใช่เพราะว่าเกรงกลัว บุคคลสำคัญเช่นนี้ถึงจะถูกเรียกว่าเจ้าพ่อ!

นี่ไม่ใช่สิทธิพิเศษ แต่เป็นสรรพนามที่แสดงถึงเคารพอย่างที่สุด

ตัวอย่างเช่น เล่าปี่ก็เรียกจูเก่อเลี่ยงเช่นนั้นเหมือนกัน ซึ่งอยู่เหนือประเพณีและกฎหมาย และมีสถานะที่สูงส่ง

และคราวนี้ตระกูลจิ่งของพวกเขาได้เข้าตาเจ้าพ่อเฉินอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งมาจากการแนะนำของวังจ่างหลิน และมีแผนจะเข้าร่วมกองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธออดไม่ได้ที่จะมองทิศทางที่เฉินอีเดินจากไป และแววตาอยากรู้อยากเห็นก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ

 เพียงแต่ไม่คิดว่าเจ้าพ่อเฉินซึ่งเป็นคนที่พ่อของฉันกล่าวถึงตลอด จะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว และรักภรรยาของตนเองมาก คุณฉินโชคดีจริง ๆ ที่ได้ผู้ชายแบบนี้มาเป็นสามี 

 ฮ่า ๆ ๆ ไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ไปกันเถอะ 

วังจ่างหลินไม่กล้าพูดถึงเรื่องครอบครัวของเฉินอีมากนัก ดังนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงหัวข้อนี้

เฉินอีที่ไม่รู้เรื่องอะไรได้จามอย่างแรง

 ทำไมช่วงนี้ถึงได้ชอบมีคนพูดนินทาผมอยู่ลับหลัง 

เขาถูจมูกของตนเอง

ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา ไม่มีทางที่จะเป็นหวัดได้ จะต้องมีคนพูดนินทาเขาอยู่ลับหลังแน่นอน และเงาหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมองของเฉินอี

 มังกรเขียว หลังจากกลับมาแล้วมาสู้กับผมสักตั้ง 

 ฉิบหาย! 

ทันใดนั้นมังกรเขียวผู้ซึ่งฝึกฝนผู้อื่นอย่างมีความสุขก็รู้สึกไร้อารมณ์

ฉินปิงหลันตำหนิเฉินอี

 อย่ารังแกมังกรเขียว การที่เขาช่วยคุณนั้นเป็นไมตรีจิต อย่าไปเหยียบย่ำน้ำใจของเขา 

เธอคิดเสมอว่ามังกรเขียวเป็นเพื่อนของเฉินอี ดังนั้นเธอจึงกล่าวเช่นนี้

ผลลัพธ์—

 ไม่ ๆ ๆ พี่สะใภ้ อย่าช่วยผมพูด ผมอยากจะต่อสู้กับเจ้ามังกร เพราะอย่างไรเสียทุกครั้งที่ต่อสู้นั้นมันรู้สึกสุดยอดมาก 

เมื่อกล่าวถึงตอนท้าย ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องไห้ของมังกรเขียวที่โทรศัพท์อีกฝั่งหนึ่ง

เขาได้ไปล่วงเกินใคร?

เมื่อคิดถึงตอนท้าย เขาก็ชี้ไปที่นักเรียนคนหนึ่งและกล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า  มา มาต่อสู้กับผมสักตั้ง 

นักเรียน  ??? 

ในรถยนต์ เฉินอีวางสาย และเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของฉินปิงหลัน

 คุณภรรยา…… 

 หุบปาก 

 อ้อ 

เฉินอีหุบปากทันที

ฉินปิงหลันถามอีกครั้งว่า  คุณเรียนเปียโนกับใคร 

เหตุการณ์นั้นยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของเธอ แม้ว่าบทเพลงนั้นเฉินอีจะเป็นคนที่แต่งขึ้นมาชั่วคราว แต่บทเพลงนั้นมีเสน่ห์มาก และอารมณ์ของฉินปิงหลันก็ถูกบทเพลงนั้นกระตุ้น

เฉินอียิ้มและกล่าวว่า  เมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่ในตระกูลเฉินผมได้พบกับปรมาจารย์เปียโนระดับโลก ชื่อซิน ลอเดอร์ ปิงลันคุณน่าจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้ใช่ไหม?  

ฉินปิงหลันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเปียโนเลย ดังนั้นเธอจึงหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตทันที และในที่สุดดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง

 ซิน ลอเดอร์เป็นปรมาจารย์เปียโนแห่งพระราชวังสวิส และยังเป็นหัวหน้าอีกด้วย! 

เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ

จากนั้นก็ถามต่อไปว่า  แม้ว่าคุณเคยเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเฉิน แต่ก็ไม่น่าจะรู้จักบุคคลดังกล่าวใช่ไหม? 

ฉินปิงหลันยังคงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ตระกูลเฉินนั้นยอดเยี่ยมก็จริง แต่ก็แตกต่างจากราชวงศ์สวิสราวฟ้ากับดิน

ถึงแม้ว่าราชวงศ์จะเสื่อมถอยแต่ยังไงมันก็ยังเป็นราชวงศ์ ปัจจุบันในโลกนี้มีราชวงศ์ไม่มากนัก และประเทศข้าง ๆ ก็มีราชวงศ์ และก็เป็นราชวงศ์ที่ไม่เคยเสื่อมถอย และมีบางราชวงศ์ที่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ราชวงศ์สวิสนั้นเป็นราชวงศ์อันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นราชวงศ์แห่งศิลปะ

อาจกล่าวได้ว่า การที่สามารถดำรงตำแหน่งนักดนตรีของพระราชวังสวิสนั้น ซึ่งเดิมทีเขาก็อยู่ในอันดับต้น ๆ ของวงการนักดนตรีอยู่แล้ว ซึ่งมันมีอิทธิพลมากกว่าชื่อเสียงของนักเปียโนระดับโลก

เฉินอีรู้จักคนประเภทนี้ได้อย่างไร?

 เอ่อ เป็นการรู้จักกันโดยบังเอิญ เขาบังเอิญมาที่เมืองอสูร และผมไปเจอเขาระหว่างไปกินบาร์บีคิว 

เฉินอีตอบอย่างตรงไปตรงมา

สีหน้าของฉินปิงหลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที

 คุณคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง? 

 เปล่า 

 หรือคุณคิดว่าฉันเป็นคนที่หลอกง่าย? 

 เปล่า ผมไม่ได้คิดเช่นนั้น อย่าปรักปรำผมอีกเลย 

เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสงสารของเฉินอี ฉินปิงหลันจึงหยุดพูดทันที

 เอาล่ะ 

เธอไม่คิดที่จะถามต่อไป ในเมื่อเฉินอีมีความลับก็มีความลับไปเถอะ และนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

หลังจากส่งฉินปิงหลันแม่ลูกกลับไปแล้ว เฉินอีก็ลงมาชั้นล่าง และก็เห็นวังจ่างหลินกับจิ่งหลิง

 มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ? 

วังจ่างหลินแสดงสีหน้าประหลาด และหลังจากผ่านไปสักพักใหญ่เขาก็กล่าวว่า  เถ้าแก่ เมื่อสักครู่พวกเราเพิ่งได้ข่าวว่าเฉินฝูกำลังเตรียมตัวที่จะบุกตลาดมืดแล้ว 

 อ้อ เขาเตรียมที่จะเคลื่อนไหวแล้ว ผมคิดว่าเขาจะถ่วงเวลา หลังจากโค่นผมก่อนแล้วค่อยทำเรื่องนี้ ไม่คิดว่าเขาจะใจร้อนขนาดนี้ 

เฉินอีแตะจมูกของเขา และยิ้มอย่างราบเรียบ

วังจ่างหลินยังกล่าวย้ำอีกว่า  ผมไม่เคยคิดว่าเขาจะเลือกเวลานี้ หรือว่าเขายังไม่สามารถเดาสถานะที่แท้จริงของเถ้าแก่ได้ และคิดว่าคุณเป็นเจ้าหน้าที่ธรรมดาของกองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่? 

 ไม่ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้ อย่างไรเสียการปรากฏตัวของกองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่นั้นกะทันหันเกินไป ซึ่งมันเหมือนกับการปรากฏตัวของผม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อกัน พวกเขาก็คิดว่าผมเป็นสมาชิกธรรมดาของกองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่คนหนึ่งเท่านั้น สามารถถือว่าได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญ แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตาหรอก ฮ่า ๆ 

เมื่อคิดถึงเฉินฝู เฉินอีก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น

ไม่ใช่ว่าเขาคุยโวโอ้อวด แต่คนอย่างเฉินฝูไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องอะไรได้ และก็ไม่ใช่คนที่น่าหวาดกลัว

 เพียงแต่เรื่องของตลาดมืดนั้น สามารถสันนิษฐานว่าอธิบดีหยางคงจะเริ่มดำเนินการเร็ว ๆ นี้ พวกคุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้  เฉินอีหยุดครู่หนึ่งและถามว่า  ก่อนหน้านั้นที่ผมขอให้คุณซื้อกิจการของตระกูลหลี่ เรื่องดำเนินการไปถึงไหนแล้ว? 

 คุณเฉินโปรดวางใจเถอะ ว่าแม้ว่าทรัพย์สินของตระกูลหลี่ที่ผมกำลังดำเนินการซื้อนั้นจะไม่สำคัญ แต่ทรัพย์สินเหล่านั้นรวมกันแล้ว คิดเป็นเกือบหนึ่งในห้าของทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหลี่ 

 

ศึกเดือด มหากาฬ

ศึกเดือด มหากาฬ

Status: Ongoing

เขาเป็นเจ้าแห่งสำนักมังกรลับ เป็นเทพสงครามที่ภาคภูมิ แต่ลูกสาวทั้งสองของเขากลับถูกกระทำทารุณ ภรรยาถูกรังแกข่มเหง เขากลับมาจากชายแดนพร้อมกลับความน่ากลัว ทุกคนต่างรู้ว่า คนบ้าเลือดเหล่านั้น จุดจบจะมาพร้อมกับความตาย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท