ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ – บทที่ 146 หนึ่งต่อสาม

บทที่ 146 หนึ่งต่อสาม

 เย่เทียน! ไม่ต้องสนใจฉัน รีบหนีไป! 

เมื่อเดินออกมาจากโกดังและเห็นร่างที่คุ้นเคยนั้น เหลียงเยว่หรูก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนร้องลั่นออกมา

แต่ เย่เทียนที่เร่งมาอย่างรีบร้อนคนนี้จะไปไหนได้?

เมื่อเห็นเหลียงเยว่หรูที่กระวนกระวาย เย่เทียนได้แต่แสดงรอยยิ้มอันลึกซึ้งแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า  คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? 

เหลียงเยว่หรูถึงกับผงะไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นก็ตะโกนต่อไป

 เย่เทียน คุณอะไร? ไม่ต้องสนใจฉันหรอก พวกมันจะฆ่าคุณนะ คุณรีบหนีไปสิ! 

เย่เทียนได้แต่พยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก

 พอแล้ว พอแล้ว ผมรู้แล้ว 

เมื่อเห็นสีหน้าเฉยเมยของเย่เทียน เหลียงเยว่หรูถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

 ไม่ เย่เทียน ฉันหมายความว่าพวกเขาจะ…… 

หวางซานไม่สามารถทนฟังได้อีก เขาจึงตะคอกด้วยเสียงเย็นชาว่า  หุบปาก! ถ้ายังไม่หุบปากผมจะฆ่าคุณตอนนี้เลย! 

เหลียงเยว่หรูตกใจจนสั่นไปทั้งตัว เธอได้แต่ปิดปากของเธอไว้แน่นๆ แล้วมองไปที่เย่เทียนอย่างน่าสงสารและหวังให้เย่เทียนรีบหนีไป

แต่อันที่จริงแล้ว หลังจากที่หวางซานตะคอกใส่เธอ เย่เทียนก็แทบจะต้องขอบคุณหวางซานคนนี้ด้วยซ้ำ

ถ้าไม่อย่างนั้น เธอก็จะส่งเสียงตะโกนอย่างไม่หยุด มันช่างน่ารำคาญเหมือนกับยุงที่บินไปมาจริงๆ!

แต่แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้เย่เทียนทำได้แค่คิดเท่านั้น ถ้าขืนพูดออกไป เกรงว่าไม่ต้องรอให้คนของหวางซานมาจัดการเขา เหลียงเยว่หรูคนนี้ต่างหากที่จะฆ่าเขาก่อน

และหลังจากนั้นเย่เทียนก็เปลี่ยนความสนใจไปที่หวางซานที่เพิ่งพ่ายแพ้ให้กับเขา และในที่สุดก็มองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสามคนนั้น

ทั้งสามคนสวมเสื้อคลุมยาวสีเทาย้อนยุค ซึ่งทำให้คนมองแล้วเหมือนฤๅษีหรือเป็นเหมือนเซียนในคราบมนุษย์

แทบจะในแวบแรก เย่เทียนก็เข้าใจถึงฝีมือของพวกเขาทั้งสาม ดังนั้นมุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มอันเย้ยหยันออกมา

แค่ระดับดำสามคน ต่อให้เป็นระดับดำตอนปลาย ขอแค่ไม่ใช่ฝีมือระดับดิน พวกเขาไม่มีทางอยู่ในสายตาของเย่เทียนอยู่แล้ว!

หวางซานสังเกตเห็นสายตาที่ไม่แยแสของเย่เทียน จึงทำให้เขายิ่งหงุดหงิดและเขาก็กัดฟันพูดว่า  เย่เทียน ไม่คิดเลยนะว่าแกจะโง่ขนาดนี้ ถึงได้เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่! 

เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็หันมองไปที่หวางซานแล้วทำท่าเหมือนเพิ่งมองเห็นเขาและพูดอย่างติดตลกว่า  เจอไอ้คนขี้แพ้อีกแล้วเหรอ? ยังไง? รอบนี้คุณจะเอากระสอบทรายสามกระสอบมาให้ผมซ้อมมวยอีกแล้วเหรอ? 

 แก……  หวางซานถึงกับหัวร้อนขึ้นมาทันที

แต่เย่เทียนไม่ได้ให้โอกาสเขาพูดเลย ได้แต่ชี้ไปที่เหลียงเยว่หรูแล้วพูดต่อ  จะแกอะไรนักหนา รีบปล่อยเธอเดี๋ยวนี้ จากนั้นพวกคุณก็ไปหักแขนของตัวเองทิ้งซะ แล้วผมจะพิจารณาว่าจะปล่อยพวกคุณไปหรือไม่ 

ผู้อาวุโสใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าสุดแสยะยิ้มออกมาทันที  เป็นเด็กที่ช่างหยิ่งผยองอะไรขนาดนี้ น้องรอง น้องสาม ดูเหมือนว่าพวกเราจะอยู่ในสำนักนานไปหน่อยนะ คนข้างนอกคงลืมพวกเราไปหมดแล้ว ดูสิ ไอ้เด็กน้อยคนหนึ่งยังกล้าสั่งให้พวกเขาหักแขนของตัวเองได้! 

 พี่ใหญ่ จะเสียเวลากับมันทำไม เดี๋ยวข้าจะระเบิดหัวสุนัขของมันด้วยหมัดเดียว แล้วเอาศพของมันไปแขวนอยู่บนเขา จะได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าไม่ใช่ใครหน้าไหนก็จะมาสร้างปัญหากับสำนักหวู่หันของเราได้! 

แม้อายุของผู้อาวุโสสามใกล้จะถึงเจ็ดสิบแล้ว แต่กล้ามเนื้อที่แข็งแรงบนร่างกายของเขาไม่ด้อยกว่าโค้ชในยิมฟิตเนสเลย

 เจ้าสาม เอ็งจะใจดีกับมันมากไปนะ ถ้าเป็นข้า ข้าจะตัดลิ้นมัน ตัดหูมัน ตัดทั้งแขนทั้งขาของมัน จากนั้นให้มันกลายเป็นคนพิการแล้วทิ้งให้มันเป็นขอทานไป! 

ผู้อาวุโสรองมีความคิดเห็นต่างกันออกไป น้ำเสียงที่เคร่งขรึมของเขาเหมือนกับเสียงผีหอนที่ทำให้เด็กๆ ได้ยินแล้วต้องตกใจจนร้องไห้ออกมา

แต่เย่เทียนจะใส่ใจกับคำข่มขู่ของพวกเขาได้อย่างไร ได้แต่ยิ้มตอบอย่างเย้ยหยัน

 เหอะ ๆ ตาแก่ทั้งสามคงคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลกแล้วสินะ? กล้าคิดร้ายกับผมได้ยังไง ใครเอาความกล้าให้พวกคุณ? เหลียงเยว่หรูเหรอ? 

ผู้อาวุโสทั้งสามสีหน้าหม่นหมองและตอบด้วยความโกรธว่า  ไอ้เด็กปากคอเราะราย! ฆ่าลูกศิษย์ของพวกเรายังกล้าดูหมิ่นผู้อาวุโสเราอีกเหรอ ไม่สมควรให้อภัยจริงๆ! 

 เอาล่ะ ๆ พูดแค่นี้ก็พอ ผมยังมีธุระต้องไปจัดการต่อ อย่าเสียเวลาผมให้มากนัก 

เย่เทียนกวักมืออย่างไม่แยแส  พวกคุณรีบหน่อย ปล่อยคนแล้วรีบไปหักแขนทั้งคู่ของตัวเองซะ แล้วผมจะไว้ชีวิตพวกคุณ 

ผู้อาวุโสใหญ่โกรธจนควันพ่นออกจากจมูกและจ้องเขม็งไปข้างหน้า  ที่ผ่านมาข้าบำเพ็ญตนอยู่และไม่อยากจะฆ่าใครอีก เดิมทีก็คิดจะตัดเส้นเอ็นของแกก็เท่านั้น แต่แกมันเย่อหยิ่ง ไม่เห็นคุณค่า ฉะนั้นอย่าโทษพวกข้าสามคนรังแกคนน้อยกว่านะ! 

 ถุย! บำเพ็ญตนอะไรกัน ถ้าคิดจะตัดเส้นเอ็นของผม พวกคุณฆ่าผมทิ้งเลยดีกว่า! 

เย่เทียนถึงกับถ่มน้ำลายใส่ จะให้เขายอมรับว่าผู้อาวุโสหวังดีต่อเขาได้อย่างไร?

 ได้ ๆ ๆ! ในเมื่อแกอยากตายขนาดนั้น ข้าจะสมทบแกเอง! 

ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะด้วยความโกรธ และเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและเจตนาฆ่าที่รุนแรง

ในเวลาเดียวกัน กำลังภายในของเขาเริ่มทำงานอย่างชัดเจน เสื้อคลุมสีเทาของเขาขยับโดยไม่ต้องมีลมพัดเข้ามา และพลังอันแข็งแกร่งในตัวเขาค่อยๆ แผ่ขยายออกไปกระทบกับเย่เทียน

ไม่เพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ผู้อาวุโสรองกับผู้อาวุโสสามก็เช่นเดียวกัน คลื่นพลังของทั้งสามผสานเข้าหากัน และแรงกดดันอันมหาศาลที่ราวกับพายุหมุนก็พุ่งตรงไปที่เย่เทียน

เมื่อสัมผัสถึงรัศมีอันทรงพลังนี้ หวางซานที่ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาถึงกับต้องถอยหลังออกไปด้วยความหวาดกลัว ในขณะนี้เขาสั่นไปทั้งตัว ดูเหมือนภาพหลอนบางอย่างได้ผุดขึ้นมาในความคิดเขาอีกครั้ง

ในเส้นทางของศิลปะการต่อสู้ ซึ่งมันขัดกับกฎของธรรมชาติอยู่แล้ว ยิ่งคนที่ฝึกฝนวิชาศิลปะการต่อสู้อารมณ์ร้อนเมื่อไหร่ ภาพของการต่อสู้ครั้งใหญ่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

หวางซานในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสำนักหวู่หัน แม้เขาจะอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหลิวเป็นเวลาส่วนใหญ่ แต่เขาจะไม่รู้ถึงประสบการณ์การต่อสู้อันล้นหลามของผู้อาวุโสทั้งสามคนนี้ได้อย่างไร?

การที่ทั้งสามสามารถยืนอยู่เหนือสาวกทุกคนและยังขึ้นเป็นตำแหน่งผู้อาวุโสของสำนักได้ ถ้าไม่เคยผ่านการต่อสู้ด้วยการนองเลือดอันนับไม่ถ้วน และข้ามศพของศัตรูมากมาย แล้วพวกเขาจะยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างไร?

แต่แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือทั้งสามเชี่ยวชาญในการผสมผสานพลังเข้าหากันมากกว่า ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาสามารถเดินอยู่ในเส้นทางการต่อสู้อันโหดร้ายได้นานขนาดนี้!

นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือในวงการนักบู๊ว่า ถ้าทั้งสามร่วมมือกัน มันเพียงพอที่จะแสดงถึงพลังของผู้แข็งแกร่งระดับดินได้ แล้วมันจะเป็นพลังที่แข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน!

ดังนั้น แม้แต่หวางซานยังรู้สึกแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงที่อ่อนแออย่างเหลียงเยว่หรู

ภายใต้พลังแรงกดดันของผู้อาวุโสทั้งสามที่รวมตัวกัน เธอรู้สึกแค่แน่นหน้าอกและหายใจลำบาก

แต่ในทางกลับกันสำหรับเย่เทียนที่รับแรงกดดันของพลังนี้ด้วย สีหน้าของเขากลับเฉยเมย ซึ่งดูเหมือนไม่มีการกระทบกระทั่งใดๆ ทั้งสิ้น และเขายังคงมองผู้อาวุโสทั้งสามคนนี้ด้วยรอยยิ้มจางๆ

นอกจากนี้ เย่เทียนยังสังเกตเห็นสีหน้าความผิดปกติของเหลียงเยว่หรู จึงรีบเตือนเธอว่า  เยว่หรู คุณกลับเข้าไปในโกดังก่อน 

เหลียงเยว่หรูที่ได้ยินเช่นนี้ แม้ในใจเป็นห่วงเย่เทียน แต่ความแน่วแน่ของเย่เทียนทำให้เธอมั่นใจ และเธอก็ค่อยๆ เดินถอยหลังแล้วเข้าไปในโกดังจนกระทั่งอาการแน่นหน้าอกและอาการหายใจลำบากดีขึ้น

 ลุย! 

ผู้อาวุโสใหญ่ตวาดอย่างเย็นชา ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวก่อนเพื่อพุ่งเข้าใส่เย่เทียน

ผู้อาวุโสรองกับผู้อาวุโสสามก็ตามกันไปติดๆ จากนั้นทั้งสามก็ยืนเป็นสามเหลี่ยมเพื่อล้อมเย่เทียนอยู่ตรงกลาง

แม้ยังไม่ได้เริ่มต่อสู้กัน แต่บรรยากาศที่น่าตึงเครียดนี้ได้แผ่ขยายไปทั่วบริเวณแล้ว และหวางซานก็กลัวจนต้องถอยห่างออกไปเพราะเกรงจะถูกลูกหลงไปด้วย

เพราะนี่อาจเป็นการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับดำทั้งสี่ ไม่ใช่ใครหน้าไหนจะสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ได้

และฝีมือของหวางซานอยู่แค่ระดับเหลืองเท่านั้น ต่อให้เป็นขบวนท่าพื้นฐานของพวกเขา หวางซานก็ไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน!

 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน