The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 24 เริ่นเสี่ยวซู่ คนขายยา

ตอนที่ 24 เริ่นเสี่ยวซู่ คนขายยา

ตอนแรกเริ่นเสี่ยวซู่ไม่แน่ใจนักว่าอวี่ถง เจ้าของคลินิกนั้นเห็นเขาออกนอกเมืองไปจริงๆ หรือแค่คิดจะใส่ร้ายเขาทั้งๆ ที่ไม่เห็นอะไรกันแน่

แต่ให้หลังฉุกคิดขึ้นได้ว่าตอนนั้นตนไม่เห็นอวี่ถงเลย หลังจากแย่งชิงกิจการจากอวี่ถงมา เริ่นเสี่ยวซู่ก็ระมัดระวังการล้างแค้นจากเขาอยู่ อย่างไรเสียช่วงเวลาแบบนี้ ระวังแผนการร้ายจากผู้อื่นไว้ก่อนล้วนเป็นเรื่องจำเป็นเสมอ ด้วยเหตุนี้เอง หากเริ่นเสี่ยวซู่ไม่มีความทรงจำของ ‘ตัวอันตราย’ นี่ในสมอง ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นตนออกจากเมืองจริงๆ แต่อวี่ถงน่าจะตั้งใจใส่ร้ายเริ่นเสี่ยวซู่มากกว่า

ส่วนเรื่องที่ว่าอวี่ถงได้คิดไหม หากแผนการตัวเองล้มเหลวจะเกิดอะไรขึ้นนั้น เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกว่าเจ้าหมอนั่นคงไม่ฉลาดพอที่จะคิดได้หรอก

ก่อนหน้านี้เริ่นเสี่ยวซู่ยังพอทนกับอวี่ถงได้ อย่างไรเสียตนก็ไปช่วงชิงกิจการจากเขามา จะทำลายล้างเขาเสียให้สิ้นก็เกินไปหน่อย เลยเตือนสติให้อวี่ถงกลับไปตั้งใจศึกษาตำราแพทย์เสีย แต่สุดท้ายคนผู้นี้นอกจากไม่ยอมฟังคำแนะนำแล้ว ยังคิดวางแผนแทงข้างหลังเขา

เริ่นเสี่ยวซู่มองอวี่ถงที่วิ่งหนีหางจุกตูดกลับเข้าเมืองไปอย่างเหยียดหยาม ตรงที่เขายืนก่อนหน้านี้มีน้ำอยู่แอ่งหนึ่ง

ข้างๆ เขา หวังฟู่กุ้ยหัวเราะว่า  ดูเหมือนฉันไม่ต้องเข้ามาสอดก็ได้นะเนี่ย ยังไงเธอก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว 

เริ่นเสี่ยวซู่หันไปขอบคุณหวังฟู่กุ้ยอย่างใจจริง เขาจะจดจำใส่ใจไว้เสมอว่าใครบ้างที่พร้อมออกมาพูดจาแทนเขาในสถานการณ์เช่นนี้

 ไอหยา ไม่ต้องเกรงใจๆ  หวังฟู่กุ้ยยิ้มสดใส  ถ้าไม่ใช่ว่าเถ้าแก่หลัวชื่นชมในตัวเธอ ฉันก็คงขลาดกลัวเกินกว่าจะกล้าออกมาพูดแทนเธออยู่ดีแหละน่า เถ้าแก่หลัวถึงกับส่งคนมาบอกกับผู้ดูแลของเมืองให้ดูแลเธอโดยเฉพาะเชียวนะ 

เริ่นเสี่ยวซู่ผงะ  เถ้าแก่หลัวคือใคร แล้วเขารู้จักฉันได้ยังไงเหรอลุง 

หวังฟู่กุ้ยเล่นหูเล่นตาใส่เริ่นเสี่ยวซู่แล้วกระซิบ  ยาของเธอ…เถ้าแก่หลัวแกอย่างชอบแน่ะ! 

เริ่นเสี่ยวซู่  … 

ตระหนักได้ทันทีว่ายาดำที่หวังฟู่กุ้ยซื้อไปคือส่งไปให้ในป้อมปราการ

 เถ้าแก่หลัวฝากมากบอกว่า ตราบใดที่เธอสามารถส่งยาดำให้เขาทุกเดือน เขาจะทำให้มั่นใจว่าปัญหาภายนอกป้อมปราการทำอะไรเธอไม่ได้  หวังฟู่กุ้ยยิ้ม ในความเป็นจริงแล้วที่ทำอย่างนี้เขายังมีจุดประสงค์เบื้องลึกเบื้องหลังอื่นอีก อย่างไรเสียการที่เขาทำหน้าที่เป็นคนกลางส่งยาดำของเริ่นเสี่ยวซู่ให้เถ้าแก่หลัว ก็เท่ากับเป็นการรับประกันความปลอดภัยของตัวเองเหมือนกัน

ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็คิดอะไรได้  เถ้าแก่หลัวทรงอำนาจอิทธิพลในป้อมมากเลยเหรอ 

 เธอยังไม่รู้สินะ  หวังฟู่กุ้ยประกาศก้องอย่างภาคภูมิ  เขาเป็นตัวแทนของสมาคมตระกูลชิ่งในป้อมปราการ 113 

 ถ้าเขาเป็นตัวแทนของสมาคมตระกูลชิ่ง ทำไมนามสกุลเขาถึงไม่ใช่ ‘ชิ่ง’ ล่ะ  เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล

 ฉันบอกเธอแล้วอย่าปากโป้งไปล่ะ  หวังฟู่กุ้ยกดเสียงต่ำ กระซิบ  ได้ยินว่าเขาเป็นพี่ชายนอกสมรสของผู้มีอำนาจในสมาคมตระกูลชิ่งคนหนึ่ง เขาเป็นลูกนอกสมรสน่ะ 

 งั้นลุงขอให้เถ้าแก่หลัวช่วยพาพวกเราเข้าไปในป้อมได้ไหม  เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าถ้าผู้ทรงอำนาจในป้อมปราการอย่างเถ้าแก่หลัวพร้อมช่วยพวกเขา แบบนั้นการจะเข้าไปในป้อมปราการก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว

 พวกเราเป็นผู้ปนเปื้อน จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในป้อมได้ยังไง  หวังฟู่กุ้ยว่าเสียงเศร้า  แถมนะ ถ้าเธอเข้าไปในป้อมปราการได้ แล้วใครจะออกไปเก็บสมุนไพรป่าให้เถ้าแก่หลัวล่ะ 

เริ่นเสี่ยวซู่พลันเข้าใจ เหตุผลแท้จริงที่เขาเข้าไปในป้อมปราการไม่ได้คือประโยคหลังสินะ? เถ้าแก่หลัวไม่มีเหตุผลอะไรต้องพาพวกเริ่นเสี่ยวซู่เข้าไป เขาเลยปล่อยให้เริ่นเสี่ยวซู่อยู่นอกป้อมปราการ คอยส่งยาดำให้เขาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

คืนเดียวกันนั้น เหยียนลิ่วหยวนเกิดอาการไข้ขึ้นสูง เริ่นเสี่ยวซู่แลกยาดำมาขวด ลองนำไปทาที่หน้าผากของเหยียนลิ่วหยวน แต่ไข้ก็ไม่ได้ลดลงเลย

เริ่นเสี่ยวซู่นั่งอยู่ข้างเตียง มองเหยียนลิ่วหยวนที่ร่างอ่อนระโหยโรยแรง แล้วถอนหายใจออกมา  นายไม่ต้องอธิษฐานก็ได้ ต่อไปถ้าฉันไม่ขอก็อย่าอธิษฐานอะไรอีก เข้าใจไหม อาการไข้ข้างเคียงแบบนี้อาจจะถึงชีวิตได้นะ 

เหยียนลิ่วหยวนลืมตาแทบไม่ไหว พูดเสียงอ่อนแรง  แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ ผมจะอยู่ยังไง 

เริ่นเสี่ยวซู่ก้มศีรษะลงต่ำ ตกอยู่ในภวังค์  อย่าโง่น่า สักวันหนึ่งฉันจะทำให้พวกเรามีชีวิตที่สุขสบายได้อย่างแน่นอน 

 อื้อ… 

……

เช้าวันต่อมา ยามเริ่นเสี่ยวซู่ออกไปตักน้ำ ก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินข่าวเรื่องหนึ่ง อวี่ถงเก็บข้าวของเงินทองตัวเองหนีไปกลางดึกแล้ว เขายอมไปเผชิญอันตรายที่หลบซ่อนอยู่ในแดนรกร้างดีกว่าต้องเผชิญหน้ากับเริ่นเสี่ยวซู่

มีคนพูดว่าอวี่ถงไปป้อมปราการ 114 เพราะมันใกล้กับป้อมปราการ 113 ที่สุด แถมยังอยู่คนละทิศกับทางที่ฝูงหมาป่าปรากฏตัว ตราบใดที่ใช้ถนนเส้นหลักก็น่าจะไม่เป็นไร

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเลยทีเดียว อวี่ถงผวาขนาดหนักจนหนีเตลิดเปิดเปิงไปซะแล้ว…

ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่ประหลาดใจกว่าเดิม เฉินไห่ตง ผู้ดูแลที่ถูกส่งมาจากในป้อม มาเคาะประตูกระท่อมเขาถึงที่ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสุภาพว่า  เริ่นเสี่ยวซู่ ฉันได้ยินว่านายรู้วิธีรักษาและช่วยชีวิตคนใช่ไหม 

เริ่นเสี่ยวซู่ชะงัก  รักษาได้แต่แผลจากมีดแล้วก็อาการบาดเจ็บภายนอก 

 ไม่เป็นไรๆ  เฉินไห่ตงยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม  แค่นั้นก็ทำให้เป็นหมอได้แล้ว ตอนนี้เมืองของเราไม่มีแพทย์ประจำอยู่อีก สนใจจะมาเป็นไหม 

เหยียนลิ่วหยวนที่นอนซมจากไข้ลืมตาโพลงด้วยความตกตะลึง พี่ชายเขาแค่อยากได้เงินกับเหรียญคำขอบคุณเท่านั้นเอง ไหงกลายเป็นหมอไปได้ล่ะเนี่ย! แถมที่สำคัญคือกำลังจะได้กลายเป็นหมอคนเดียวของเมืองอีก เขายังไม่ทันได้อธิษฐานขอพรอะไรเลยนะ!

หรือเพราะการอธิษฐานแบบสูญเปล่าเมื่อคืนมันไปเปลี่ยนแปลงโชคชะตาบางอย่างของเริ่นเสี่ยวซู่

ถึงอย่างนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเพราะผู้ดูแลเฉินไห่ตงอยากได้รับความชอบจากเถ้าแก่หลัว

อำนาจทำให้ผู้คนรอบกายท่านพยายามทุกวิถีทางเพื่อรับใช้ท่าน

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้โง่ รับคำทันที  แล้วบ้านที่คลินิก ฉันสามารถ… 

 ได้ ได้เลย  เฉินไห่ตงยิ้มแสดงความเป็นมิตร  ได้อย่างแน่นอน! ในเมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว นายย้ายเข้าไปวันนี้เลยก็ได้ 

จากนั้นเฉินไห่ตงก็เดินเอามือไพล่หลังจากไป ฮัมเพลงในลำคอ แล้วก็เป็นเหล่าหวังมาหาพร้อมกับหนีบกล่องบางอย่างมาด้วย หลังจากเหล่าหวัง ก็ยังมีกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุดของเมือง ซึ่งพวกเขาล้วนอาศัยในบ้านอิฐ พอได้ยินข่าวก็ต่างแวะมาด้วย

บางคนก็เปิดบ่อนพนันเล็กๆ บ้างเปิดร้านขายผ้า บ้างเปิดร้านธัญพืช…

เหล่าหวังพูด  ยินดีด้วยนะเริ่นเสี่ยวซู่! แบบนี้ก็ได้มีบ้านอิฐของตัวเองแล้ว!  ระหว่างพูดเหล่าหวังก็ยื่นกล่องของขวัญให้เริ่นเสี่ยวซู่  ฉันเอาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้เธอกับลิ่วหยวน ในเมื่อพวกเธอต่างกำลังโตกันทั้งคู่ ต้องบำรุงร่างกายเสียหน่อย! 

เริ่นเสี่ยวซู่เปิดออกดูอย่างสนใจใคร่รู้ แล้วก็ประหลาดใจที่เห็นก้อนอะไรบางอย่างสีขาว  เจ้านี่คือ? 

 เธอไม่รู้จักสินะ ฉันเก็บรังนกนี่มาหลายปีแล้ว  หวังฟู่กุ้ยว่า  ดีกับร่างกายมากเลยนะ! 

เริ่นเสี่ยวซู่เคยได้ยินเรื่องรังนก แต่ไม่เคยเห็นกับตา แถมยังข้องใจกับมันมาตลอด  คุณจางบอกว่ารังนกทำจากน้ำลายนกนางแอ่น แต่ไม่คิดเลยว่าน้ำลายจะข้นจนหนาได้ขนาดนี้ ทำเอาคิดว่ามันน่าจะทำจาก…เสมหะมากกว่ามั้ง? 

หวังฟู่กุ้ยรู้สึกเซ็งขึ้นมา อย่าทำเอาของขวัญฉันฟังดูน่ารังเกียจแบบนั้นสิเฟ้ย เขาว่าอย่างไม่สบอารมณ์  งั้นรังนกแดง[1]ทำจากอะไร 

เริ่นเสี่ยวซู่คิด ก่อนจะตอบ  เสมหะแซมเลือด? 

[1] รังนกแดง สีแดงนั้นเกิดจากปฏิกิริยาเคมีกับสารประกอบประเภททองแดงบนผนังถ้ำ ซึ่งจะทำให้รังนกบนเกาะนั้นเป็นสีแดงทั้งหมด แต่รังนกแดงนี้ไม่เป็นที่นิยมเท่าไรนักสำหรับคนไทย

 

The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

Status: Ongoing

นิยายแฟนตาซี-ระบบที่จะพาคุณไปผจญภัยและเอาชีวิตรอดในสมรภูมิโลกหลังภัยพิบัติที่เต็มไปด้วยอันตราย เมื่อตกอยู่ในอันตราย ความหวังคืออาวุธ ‘ลำดับแรก’ ของมนุษย์ หลังภัยพิบัติผ่านพ้นไป สิ่งที่เหลืออยู่คือความเสื่อมโทรมของอารยธรรมมนุษย์ ไร้ธรรมเนียม ไร้กฎเกณฑ์ ไร้ซึ่งคุณธรรม มนุษย์ไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอีกต่อไป … ‘เริ่นเสี่ยวซู่’ เด็กหนุ่มวัย 17 ปีผู้อพยพแห่งป้อมปราการ 113 ความเป็นมาของเขาไม่แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ เขาเป็นนักล่ามือฉมัง หลังจากผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายใน ‘แดนรกร้าง’ มาได้ก็เกิดหมอกดำประหลาดขึ้นในห้วงจิต และนั่นเป็นสาเหตุของอาการป่วยทางสมองของเขา แต่อยู่มาวันหนึ่งหมอกดำในห้วงจิตก็มลายหายไป เผยให้เห็น ‘พระราชวัง’ ปริศนา ที่น่าแปลกคือหลังจากนั้นเขาก็มักจะได้ยินเสียงลึกลับจากพระราชวังที่สั่งให้เขาทำภารกิจช่วยเหลือผู้อื่น?! หลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้ว เขาจะยังได้รับรางวัลจากพระราชวังอีกด้วย ทว่ายังไม่ทันได้สำรวจพระราชวังนั้นให้ละเอียดดี เขาก็จับพลัดจับผลูต้องไปเป็นคนนำทางเข้าไปในแดนรกร้างที่เขาพยายามเลี่ยง และนี่คือจุดเริ่มต้นการผจญภัยในแดนรกร้างของเริ่นเสี่ยวซู่ เด็กหนุ่มที่อาจกลายเป็นผู้นำพาความหวังและแสงสว่างมาสู่มนุษยชาติ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท