นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ตอนที่ 395 ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้า

ตอนที่ 395 ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้า

ตอนที่ 395 ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้า

 พวกเจ้าว่านางมาทำอันใดที่ซีซานกันล่ะ ?  

ฉีซื่อถามอนุทั้งห้าที่บัดนี้กำลังตกตะลึง

การกระทำของต่งชูหลานก็เพื่อมารับช่วงต่อดูแลซีซาน มิว่าจะเป็นโรงงานหรือที่นาเหล่านั้น !

 นางกับฟู่เสี่ยวกวนยังมิได้สมรสกันสักหน่อย แม้แต่เรื่องหมั้นหมายก็ได้ล่าช้าออกไปเนื่องจากไทเฮาทรงสวรรคตแล้ว แล้วนางไปรับช่วงต่อที่ซีซานในฐานะอะไรกัน ?  

 ในฐานะสะใภ้ตระกูลฟู่ !  

ทุกคนต่างตกตะลึงอีกครา  แต่นางมิเคยแม้แต่มาเหยียบธรณีประตูจวนของตระกูลฟู่เลยด้วยซ้ำ !  

ฉีซื่อหัวเราะออกมา  ดังนั้นข้าเองก็กลัดกลุ้ม นี่มันเหตุผลอะไรกัน ? เมื่อยามที่นายท่านอยู่ที่นี่ ก็ได้ห้ามข้าไถ่ถามทุกเรื่อง เรื่องทั้งหมดนายท่านเป็นคนจัดการด้วยตนเอง แต่ยามนี้นายท่านก็ยังมิกลับมา คนนอกเยี่ยงต่งชูหลานมีสิทธิ์อันใดมากุมชีวิตของจวนฟู่ไว้ในมือ ?  

 ความหมายของท่านพี่รองคือ ?  

ฉีซือเงียบไปสักพัก  พวกเจ้าจะคลอดลูกแล้ว รักษาตัวให้ดีรออยู่ที่นี่เถอะ พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปซีซานเพื่อพบกับต่งชูหลานสักหน่อย !  

ชวูหลิงหลงหัวเราะขึ้นมาทันใด  ข้าคิดว่าเชิญต่งชูหลานเดินทางมาที่หลินเจียงจะดีกว่า พวกเราเองก็อยากรู้ว่าเหตุใดนางถึงได้กล้ากระทำเช่นนี้ ? หากนางมิมีเหตุผล…การค้าทั้งภายในและภายนอกนั้น ตอนที่นายท่านยังมิกลับมา ก็ควรให้พวกเราทั้งหกคนดูแลด้วยกัน ท่านพี่ทุกท่านว่าคำเอ่ยของข้ามีเหตุผลหรือไม่ ?  

คำเอ่ยนี้ดูมีเหตุผล ใครจะรู้ว่าฉีซื่อไปหาต่งชูหลานที่ซีซานแล้วจะเจรจากันเรื่องอันใด ?

ยามนี้ในใจพวกนางกลับไม่ไว้ใจ ครึ่งปีมานี้ฟู่ต้ากวนมิมีข่าวคราวใดส่งกลับมา ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ตายไปแล้ว หากฟู่ต้ากวนเกิดอุบัติเหตุไปด้วย จะกำจัดเด็กที่อยู่ในครรภ์ออกตอนนี้ก็คงมิทันการเสียแล้ว แต่หากถึงยามที่จะต้องจากไป ทรัพย์สมบัติของตระกูลฟู่ก็ยังคงมีอยู่มากมาย

ฉีซื่อคาดมิถึงว่าอนุห้าจะมีความคิดเห็นมาเช่นนี้ นางหัวเราะน้อย ๆ  ในเมื่อพวกเจ้ามิไว้ใจข้า ก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปเชิญต่งชูหลานมา ถึงตอนนั้นมาดื่มชาด้วยกันเถิด แล้วเจรจาเรื่องราวให้ชัดเจน 

 ข้ากลับคิดว่ามิมีอันใดต้องเจรจา ในเมื่อนางมิใช่สะใภ้ของตระกูลฟู่ อีกอย่าง…ฟูเสี่ยวกวนเองก็มิใช่ลูกชายของนายท่าน หรือต่อให้นางสมรสกับฟู่เสี่ยวกวนแล้วมันเกี่ยวอันใดกับตระกูลฟู่ ? นางควรไปที่แคว้นอู๋ถึงจะถูก !  

คำเอ่ยของอนุสามมีเหตุผลนัก สตรีที่เหลือครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน เป็นเช่นนั้นอย่างแท้จริง

ดังนั้นกิจการมหาศาลของตระกูลฟู่ คงต้องขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดจะให้กำเนิดบุตรชายได้ !

ฮูหยินรองฉีซื่อหมดโอกาสไปแล้ว เช่นนั้นอีกห้าคนที่เหลือคงต้องดูความพยายามของเด็กในครรภ์แล้ว !

……

ณ เรือนซีซาน

บนต้นไม้ใหญ่ในเรือนแขวนไปด้วยโคมไฟ

ต่งชูหลาน หยูเวิ่นเหวิน และเยี่ยนเสี่ยวโหลวในขณะนี้กำลังนั่งอยู่ในศาลา

ด้านข้างของโต๊ะมีสุราซีชานเทียนฉุนวางอยู่หนึ่งลัง บนโต๊ะวางอาหารเย็นแกล้มสุรา

ต่งชูหลานรินสุราให้กับหยูเวิ่นเหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลว พร้อมกับกล่าวว่า  กิจการของตระกูลในปัจจุบันก็ประมาณนี้ ของที่นำเข้าไปยังการค้าหลวงยังมีอีกสองยอดยังมิได้กลับมา รวมทั้งหมด 63,000 ตำลึง เขตเหยามีโรงงานทั้งหมด 6 แห่ง ขอบเขตพอ ๆ กันกับที่นี่ ผลผลิตของโรงงานทุกแห่งในเขตเหยา ข้าวางแผนไว้ว่าจะนำสินค้าทั้งหมดขายให้กับเมืองกวนหยุนของราชวงศ์อู๋ พี่รองของข้าถึงที่นั่นแล้วเมื่อเดือนก่อน และได้ส่งจดหมายมาบอกว่าได้ติดต่อกับหนานกงตงเซวี๋ยแล้วเรียบร้อย 

 เมื่อเป็นเช่นนี้ สินค้าจะมิพอขายที่แคว้นหยู พรุ่งนี้ข้าวางแผนว่าจะไปเขตเหยาอีกครา ต้องจัดตั้งโรงงานเหล่านั้นเพิ่ม ในมือข้ายังเหลือเงินอยู่ 967,000 ตำลึง ข้าคิดว่าจะนำไปใช้จ่ายในส่วนของโรงกลั่นสุราและโรงงานผลิตสบู่สองโรงงานนี้ 

 เนื่องจากวัตถุดิบการทำน้ำหอม โรงงานที่ซีซานและเขตเหยาทั้งสองแห่งนี้ก็มิเพียงพอแล้ว ปีหน้าต้องเพิ่มการปลูกดอกไม้ให้มากขึ้น แท้ที่จริงแล้วน้ำหอมของที่นี่ทำกำไรได้มากที่สุด เสียดายที่จัดการช้าไปหน่อย

ผลผลิตข้าวในปีนี้ข้ายังมิได้ขายสักเมล็ด แต่เมล็ดข้าวที่เก็บมานี้ ส่วนที่เหลือจากการกลั่นสุราและใช้ในชีวิตประจำวัน ข้าวางแผนว่าจะนำทั้งหมดไปขาย 

หยูเวิ่นเหวินขัดจังหวะแล้วถามขึ้นว่าเพราะเหตุใด

ต่งชูหลานยกแก้วสุรา สตรีทั้งสามนางดื่มด้วยกันหนึ่งแก้ว นางหัวเราะแล้วตอบว่า  เพราะปีหน้านอกจากแปลงนาที่ใช้เพาะปลูกฟู่ซานต้ายแล้ว แปลงนาที่เหลือทุกแห่งจะต้องหว่านฟู่เอ้อร์ต้าย !  

เยี่ยนเสี่ยวโหลวรับฟังราวกับอยู่ในเมฆหมอก แต่หยูเวิ่นหวินนั้นทราบเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี ดังนั้นดวงตาของนางจึงทอประกายระยิบระยับ  จะได้ผลผลิตสูงถึงเพียงนั้นจริงหรือ ?  

 อือ !   ต่งชูหลานรินสุราไปพลางกล่าวไปว่า  ก่อนที่พวกเจ้าจะมา ข้าได้ไปเปรียบเทียบดูแล้ว แท้ที่จริงผลิตได้มากกว่าแต่ก่อนอย่างน้อยหนึ่งเท่า !  

เยี่ยนเสี่ยวโหลวตกตะลึง  เก่งกาจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ?  

 แน่นอน เขาย่อมเก่งกาจเป็นอย่างมาก !  

 เยี่ยงนั้นค่าเสบียงอาหารของปีหน้าจะราคาลดลงหรือไม่ ?  

หยูเวิ่นหวินเอ่ยถาม

 มิถึงกับว่าราคาลดลง ถึงเยี่ยงไรเสียพื้นที่เพาะปลูกก็มิได้ใหญ่มาก แต่ข้าวางแผนไว้ว่าจะนำเมล็ดพันธ์ที่เกินมานั้นไปขาย สองวันก่อนข้าได้ลงนามทำสัญญากับเยี่ยนซีเหวินหนึ่งฉบับแล้ว เมล็ดพันธุ์ 1 ชั่งขาย 200 อีแปะ 

เยี่ยนเสี่ยวโหลวถลึงตาโตขึ้นทันพลัน ถึงแม้ว่านางจะมิทราบว่าเมล็ดข้าวที่ตลาดขายราคาเท่าใด แต่ 1 ชั่ง 200 อีแปะเป็นราคาที่สูงลิ่วอย่างเห็นได้ชัด

หยูเวิ่นหวินจิบสุราแล้วคิดไปพลาง  ลองขายของสิ่งนี้ให้กับท่านป้าของข้าองค์หญิงใหญ่เป็นเยี่ยงไร ? นางสามารถผลักดันไปขายทั่วทั้งแคว้นได้ง่ายกว่าพวกเราขายเองมาก 

ต่งชูหลานส่ายหัว  ยามนี้ยังมิได้ ประการแรกเมล็ดพันธุ์มีมิมาก ประการที่สอง ยังมิแน่ว่าจะผลิตออกมาได้เท่าหนึ่งหรือไม่ คงต้องรอดูผลการปลูกในเขตเหยาก่อน ถ้าจะขายออกไปทั่วทั้งแคว้น ฟู่เสี่ยวกวนเคยกล่าวไว้ว่า หากเป็นไปอย่างราบรื่นต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึง 5 ปี 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รีบร้อนมิได้ หยูเวิ่นเหวินยิ้มน้อย ๆ และพยักหน้า ไม่ถามอันใดอีก

หลังจากนั้นสตรีทั้งสามนางก็ได้สนทนาเรื่องการค้ามากมาย โดยมากเป็นแผนการของต่งชูหลาน หยูเวิ่นหวินเอ่ยขึ้นบ้างเป็นบางครา ส่วนเยี่ยนเสี่ยวโหลวทำหน้าที่เป็นเพียงแค่ผู้ฟังที่ดี

ถึงยามนี้ เยี่ยนเสี่ยวโหลวถึงได้เข้าใจความสามารถของต่งชูหลาน และได้รู้ตัวว่าตนเองมิมีปัญญาแบ่งเบาหน้าที่ให้กับฟู่เสี่ยวกวนได้เลยแม้แต่น้อย

มองดูเยี่ยนเสี่ยวโหลวที่สีหน้าเหงาหงอย ต่งชูหลานจึงชนแก้วกับนาง ยกยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า  เจ้าอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย ฟู่เสี่ยวกวนเคยกล่าวว่าทุกคนต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ข้าเพียงแค่สัมผัสเรื่องเหล่านี้ได้เร็วกว่าเจ้าก็เท่านั้นเอง 

หยูเวิ่นเหวินเองก็เปลี่ยนประเด็น และเอ่ยถาม  เทศการไหว้พระจันทร์ปีนี้ เจ้ามิคิดจะไปเยี่ยมเยียนบรรดา…อาสะใภ้บ้างหรือ ?  

 บัดนี้คงยังมิต้องไป ได้ยินชุนซิ่วกล่าวว่าอาสะใภ้ทั้งห้าใกล้จะคลอดแล้ว รอให้พวกนางคลอดก่อนเถอะ ดูว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่นี่ได้นานเพียงใด หากมีเวลาเหมาะสม ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยไปเยี่ยมน้องชายน้องสาวเหล่านั้นด้วยกันเถอะ 

เอ่ยจบ ต่งชูหลานก็ได้หันไปมองเยี่ยนเสี่ยวโหลว  มีบางอย่างในใจของข้าอยากจะเอ่ยกับเจ้า เวิ่นหวินเองก็คิดทบทวนให้ถี่ถ้วนด้วยเถิด 

ต่งชูหลานเงยหน้ามองพระจันทร์บนท้องฟ้า น้ำเสียงหนักแน่น  ฟู่เสี่ยวกวน…อาจจะจากไปแล้ว ในที่สุดพวกเราก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ ดังนั้นข้าถึงมาที่นี่ เพราะข้าคิดได้เนิ่นนานแล้ว ทั้งชีวิตนี้ ข้าจะมิสมรสอีก ข้าจะอยู่ที่นี่รับช่วงต่อกิจการของตระกูลเพื่อเขา  

นางหลุบตาลง หันมองไปทางเยี่ยนเสี่ยวโหลว  เจ้าเพียงยกย่องความสามารถของเขา มิเหมือนกันกับข้า เจ้ามายังที่นี่ข้าดีใจมากยิ่งนัก แต่ข้ายังต้องบอกกับเจ้าสักคำ ค่ำคืนที่เปลี่ยวเหงา ข้ามผ่านพ้นคืนหนึ่งอย่างโดดเดี่ยวนั้นมิง่ายเลย แต่หากจะต้องโดดเดี่ยวไปทั้งชีวิต เป็นเรื่องยากอย่างแท้จริง… 

 

นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท