“นี่มัน… ล้อกันเล่นใช่ไหม? พวกเจ้านั้นตายลงไปแล้วแท้ๆ!” ต้วนเถากล่าวขึ้นมาด้วยปากที่อ้าค้าง
โดยเฉพาะตัวตู้เฉียนนั้นที่เขาเป็นคนตรวจสอบดูเองกับตาว่าเขานั้นหมดสิ้นชีวิตไร้ลมหายใจใดๆ มีหรือที่ซากศพเช่นนั้นจะลุกกลับมาเป็นคนได้?
ตู้เฉียนหัวเราะขึ้น “ข้านั้นก็นึกว่าตัวเองจะตายไปแล้วเช่นกัน แต่ข้านั้นถูกอาจารย์เย่ท่านช่วยไว้! ชีวิตของพ่อเจ้านี้จะขอมอบมันให้แก่อาจารย์เย่!”
หม่าเหลียงกล่าวขึ้นตาม “ใช่แล้ว! พ่อเจ้านี้คือคนที่ได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ชีวิตนี้ข้าจะขอมอบมันให้แก่อาจารย์เย่!”
คนทั้งสี่นั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งทำให้ท่าทางของพวกเขานั้นเปลี่ยนไปสิ้นเชิง
พวกเขานั้นรู้ตัวดีว่าบาดแผลของตัวเองมันสาหัสแค่ไหน
ไม่แปลกหรอกที่คนทั้งหลายจะตัดสินว่าพวกเขาตายไปแล้ว!
แต่เย่หยวนนั้นกลับมากฝีมือถึงขั้นชุบชีวิตคนขึ้นมาได้ ลากพวกเขานั้นกลับมาจากประตูยมโลก
ต้วนเถาและคนทั้งหลายนั้นต่างต้องหันมามองเย่หยวนด้วยความตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
พวกเขานั้นคิดว่าเย่หยวนเป็นแค่คนขี้ขลาดชอบเล่นสนุก
แต่ไม่นึกฝันว่าเขาคนนี้กลับจะกลายเป็นยอดคนจริงๆ!
อาจารย์หลินที่พวกเขานับถือนั้นกลับเป็นแค่ศิษย์ของเย่หยวนคนนี้!
หากไม่ได้เห็นกับตาแล้วพวกเขาย่อมจะไม่มีวันเชื่อมันได้อย่างเด็ดขาด!
“ที่แท้แล้วน้องเย่นั้นกลับเป็นยอดหมอมากฝีมือ! ไม่แปลกเลยว่าทำไมท่านหลัวจึงได้เดินทางออกไปนำทางมาเอง! น้องเย่และศิษย์นั้นช่วยเหลือเมืองกระทิงเขียวของเราไว้อย่างมากล้นจริงๆ” เหยาชิงกล่าวขึ้นมาพร้อมก้มหัวให้เย่หยวน
“อะไรกัน! ท่านเหยา ท่านหลัวที่ท่านพูดถึงนี้มันหรือว่า… นักดาบหน้าหยกท่านหลัวหยุนชิง?” ต้วนเถากล่าวขึ้นถาม
เหยาชิงพยักหน้ารับ “แล้วจะยังมีท่านหลัวไหนอีกเล่า?”
“เป็นเขาจริง!”
“ท่านหลัวนั้นกลับไปนำทางอาจารย์เย่กลับมาด้วยตัวเอง!”
“นี่มันเป็นเกียรติอย่างสูง!”
…
ปกติแล้วคนที่จะออกไปทำหน้าที่เป็นผู้นำทางนั้นย่อมจะมีแค่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่เท่านั้น
นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำที่จะออกไปเป็นผู้นำทางนั้นมันแทบจะไม่มี
แต่มันไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่หลัวหยุนชิงนั้นออกไปเชิญผู้บรรลุสวรรค์กลับมาด้วยตัวเอง!
แต่เย่หยวนนั้นกลับทำให้ท่านหลัวหยุนชิงนั้นต้องออกไปรับมาเอง แค่นี้มันก็เป็นสัญญาณบอกถึงความยิ่งใหญ่แล้ว!
เหล่าผู้บรรลุสวรรค์ที่อยู่ในเมืองกระทิงเขียวนี้ต่างเคยได้ยินชื่อเสียงของหลัวหยุนชิงมาสิ้น
เขานั้นคือยอดฝีมือที่ทำให้นิกายสวรรค์หยกแท้ทั้งนิกายต้องยำเกรง!
แค่จะเห็นตัวจริงของหลัวหยุนชิงนั้นยังนับว่าเป็นเรื่องยาก ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการออกไปนำทางใดๆ เลย
“นี่มัน… นี่… ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ อาจารย์เย่โปรดลงโทษด้วยเถอะ!” ต้วนเถานั้นรีบก้มหัวกล่าวขึ้นมาด้วยเหงื่อท่วมกาย
เย่หยวนตอบกลับไป “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องคิดมาก เวลามันก็ป่านนี้แล้วพี่เหยาเราไปกันเถอะ”
เหยาชิงพยักหน้ารับก่อนจะนำเอาเรือบินลำหนึ่งออกมาจากกำไลเก็บของ
จากนั้นคนทั้งหลายก็ขึ้นเรือนั้นบินลอยไปตามอากาศ
…
นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นตั้งอยู่อย่างสง่ากลางหุบเขานับหมื่นๆ พันๆ
ที่แห่งนี้มันมีพลังงานฟ้าดินรวมตัวกันอยู่หนาแน่นพร้อมด้วยเส้นเลือดมังกรอ่อนๆ ที่วางตัวยาวเป็นแนวนับหมื่นๆ กิโลเมตร
เมื่อคนทั้งหลายลงมาถึงนั้นภาพตรงหน้ามันก็สุดแสนจะจินตนาการ
“นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นเป็นหนึ่งในห้านิกายสวรรค์ใหญ่แห่งดินแดนสวรรค์ห้าแสง หากนับแล้วคงแข็งแกร่งกว่านิกายสวรรค์หยกแท้ไม่น้อย! แต่จะอย่างไรเสียหากคิดอยากจะอยู่ในนิกายนั้นมันก็ต้องมีความสามารถและพรสวรรค์ที่มากพอ” เหยาชิงกล่าวขึ้นมา
“หึ ท่านเหยา ข้าต้วนเถานั้นมีพรสวรรค์เหนือล้ำเป็นหนึ่งในหมื่นๆ ล้าน! อย่างข้าย่อมจะเข้านิกายสวรรค์ได้ไม่ยากหรอก!” ต้วนเถากล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจ
เหยาชิงนั้นได้แต่ต้องหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยิน “เจ้ามาอวดตรงนี้ไปมันก็ไม่ได้อะไรหรอก คนที่เก่งกาจพอจะบรรลุขึ้นสามสิบสามสวรรค์มาได้นั้นมันมีใครบ้างเล่าที่ไร้พรสวรรค์? แต่นั่นมันนับกันแค่ในโลกของเจ้า! สามสิบสามสวรรค์นั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก! แค่มากพรสวรรค์ในภพเบื้องล่างมันไม่พอ!”
ต้วนเถานั้นยังไม่คิดจะเชื่อถือนักแต่ก็ไม่ได้เถียงออกมา
ผู้บรรลุสวรรค์คนอื่นๆ เองก็ไม่คิดจะเชื่อมันนัก
เพราะคนที่เก่งกาจพอจะบรรลุขึ้นมาจากภพเบื้องล่างมีใครบ้างเล่าที่ไม่ได้เดินมาในเส้นทางสายเลือดฆ่าสังหารแก่งแย่งกับยอดอัจฉริยะมากมายนับไม่ถ้วน?
แต่ละคนนั้นต่างเป็นยอดพรสวรรค์ที่สุดของโลกตัวเองสิ้น
คนที่เหนือล้ำเช่นนั้นจะต้องมีจิตใจที่เย่อหยิ่งปานใด? มีหรือที่พวกเขาจะเชื่อว่าการทดสอบเข้านิกายนั้นมันเหนือล้ำเกินฝีมือตน?
เหยาชิงนั้นบังคับเรือเหินลงจอดยังยอดเขาไม่ไกลก่อนจะกล่าว “การทดสอบของนิกายสวรรค์เราจัดขึ้นทุกสิบปี! เรื่องราวในครั้งนี้มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเกินไปจนทำให้เราต้องกลับมาก่อนถึงเวลากำหนด ตอนนี้มันยังเหลือเวลาอีกปีหนึ่งกว่าจะถึงเวลาคัดเลือก พวกเจ้าจงบ่มเพาะกันอยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะ ที่แห่งนี้มันคือที่อยู่ของเหล่าคนรับใช้แต่พวกเจ้านั้นไม่ต้องไปช่วยงานใดๆ แค่ก็ยังต้องทำตามกฎและเงื่อนไขของนิกายสวรรค์! แน่นอนว่าหากมีใครที่ทนไม่ได้ก็สามารถจากไปได้ทุกเมื่อ ไปอยู่ในอาณาจักรภายนอกก็ไม่แย่เท่าไหร่”
“นายท่าน มันจะมีอะไรที่ทนไม่ได้กัน? เวลาก็แค่ปีเดียวมิใช่หรือ เดี๋ยวเดียวมันก็ผ่านไปแล้ว” ต้วนเถากล่าวขึ้น
เหยาชิงนั้นแค่ยิ้มแต่ไม่ตอบอะไรกลับไป
เขานั้นหันกลับมาหาเย่หยวนพร้อมกล่าว “น้องเย่ ข้านั้นได้จัดการเตรียมที่พักชั้นดีไว้ให้แล้ว ตามข้ามาเถอะ”
เรื่องนี้มันย่อมจะไม่มีใครกล้าขัด
เหยาชิงนั้นได้จัดการที่อยู่ให้เขาและหลินหลานได้พักผ่อน
เมื่อจัดการเรื่องเย่หยวนเสร็จแล้วเหยาชิงก็รีบกลับไปยังนิกายทันที
เพราะเขานั้นยังต้องไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมืองกระทิงเขียว
หลัวหยุนชิงนั้นไปอย่างกะทันหันจึงไม่มีเวลาจะจัดการเรื่องอื่นใดมากนัก
เย่หยวนนั้นเป็นได้แค่คนแปลกหน้าในต่างถิ่นอย่างนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนี้ แน่นอนว่ามันย่อมจะไม่สะดวกหากจะเอาตำแหน่งผู้พิทักษ์มาใช้เลยทันที
เรื่องราวต่างๆ นั้นมันยังต้องรอให้หลัวหยุนชิงกลับมาก่อน
เพราะจะอย่างไรเสียการให้นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่งขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์นั้นมันก็เกินกว่าที่คนจะรับได้
เย่หยวนนั้นเองก็มิใช่คนหนุ่มไร้ประสบการณ์ เขานั้นรู้ดีว่าในนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเองก็คงมิใช่สรวงสวรรค์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันใดๆ
หากให้เย่หยวนพูดตามที่เห็นจริงๆ แล้วสภาพของดินแดนสวรรค์ห้าแสงนี้มันอาจจะดูแย่เสียยิ่งกว่าสภาพของดินแดนสวรรค์ตะวันเที่ยงเสียด้วยซ้ำ
เพราะจะอย่างไรเสียผู้บรรลุสวรรค์นั้นก็ต่างเป็นคนที่เด็ดขาดฆ่าสังหารกันง่ายๆ นิสัยของพวกเขานั้นมันแตกต่างจากนักยุทธท้องถิ่นอย่างมาก
และสิ่งที่เขาคิดมันก็เกิดขึ้นจริงๆ ในวันต่อมานั้นเอง
ต้วนเถา หม่าเหลียงและพวกนั้นวิ่งเข้ามาหาเย่หยวนด้วยใบหน้าช้ำเลือด
ขาข้างหนึ่งของต้วนเถานั้นหักลงอย่างรุนแรงจนเห็นกระดูกแทงออกมานอกผิว
ได้เห็นสภาพของคนทั้งหลายนี้เย่หยวนก็ได้แต่ต้องผงะ “พวกเจ้านี้จะไม่สร้างปัญหากันไม่ได้เลยหรือ! แค่วันเดียวเจ้าก็ไปปะทะกับคนใช้พวกนั้นแล้ว?”
ต้วนเถาร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด “อาจารย์เย่ พวกมัน… พวกมันรังแกผู้คนจนเกินไป!”
หม่าเหลียงเสริมขึ้นมา “ใช่แล้ว! หลี่โจวคนนั้นมันไร้เหตุผลสิ้นดี มันมาหาเราเช้านี้และบอกเราว่าให้จ่ายสามสิบผลึกสวรรค์ออกไปตามจำนวนคนที่อยู่! ขาดไปแม้แต่ชิ้นเดียวมันก็จะหักขาพวกเรา! สำหรับพวกเราแล้วยังพอไหวจ่ายไปได้อยู่แต่คนส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ร่ำรวยจนถึงขั้นจะจ่ายผลึกสวรรค์ได้มากมายปานนั้น! ต้วนเถานั้นไม่พอใจจึงได้เข้าไปด่าว่าหลี่โจวและสุดท้ายก็กลายสภาพเป็นเช่นนี้ไป!”
เย่หยวนจึงได้ถามขึ้นมา “คนรับใช้พวกนี้มันไม่ควรจะมีพลังบ่มเพาะถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่มิใช่หรือ? ต้วนเถา เจ้ามีพลังถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุดแต่ก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงมันได้?”
เมื่อต้วนเถาได้ยินเช่นนั้นเขาก็แทบจะอยากมุดดินหนีไปให้พ้นๆ
ที่เขากล้าลงมือนั้นมันก็เพราะว่าเห็นว่าอีกฝ่ายมีพลังบ่มเพาะไม่ได้เหนือล้ำไปกว่าตัวเอง
แต่ใครจะไปคิดว่าเขานั้นกลับไม่อาจจะรับได้ถึงสามกระบวนท่าและต้องถูกหักขากลับมา
หม่าเหลียงกล่าวขึ้นตอบแทน “คนรับใช้พวกนั้นมันแข็งแกร่งจริงๆ! ต้วนเถานั้นแข็งแกร่งที่สุดในหมู่เราแต่ก็ยังถูกมันหักขาลงได้ในสามกระบวนท่า! มันว่าเส้นตายคือพรุ่งนี้หากเรายังไม่ส่งผลึกสวรรค์ออกไปแล้วมันจะหักขาพวกเราทุกคนทั้งสองข้าง!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็พยักหน้ารับออกมา “การที่ดินแดนสวรรค์ห้าแสงนั้นจะแย่งเอาดินแดนหนึ่งออกมาจากนักยุทธท้องถิ่นทั้งสี่ดินแดนสวรรค์ได้พวกเขาย่อมจะต้องแข็งแกร่งอย่างมาก! ดูท่าข้าจะยังประเมินนิกายสวรรค์ยุทธมั่นต่ำไป! หลินหลาน ไปเอาผลึกสวรรค์มาให้พวกเขาไปจ่ายเสียหน่อย”
…..