เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 209 ต่อให้เขาปลอมเป็นหมูก็เป็นนักรบเทพสวรรค์ลงมาเกิด

บทที่ 209 ต่อให้เขาปลอมเป็นหมูก็เป็นนักรบเทพสวรรค์ลงมาเกิด

บทที่ 209 ต่อให้เขาปลอมเป็นหมูก็เป็นนักรบเทพสวรรค์ลงมาเกิด!!

ท่ามกลางผู้ชมที่ล้อมดูจอยักษ์ เหล่าคนธรรมดาดูไม่ค่อยออกเท่าไร ทำได้แค่มองจากอากัปกิริยาของอัศวิน A ที่เชื่องช้าลง

แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งในหมู่ผู้วิเศษกลับขมวดคิ้วมุ่นพลางลดเสียงกระซิบกัน

“นี่รู้สึกเหมือนพวกผู้จุติที่ลงมาจากสวรรค์เลย ร่างคู่เหรอ”

“น่าจะเป็นแบบนี้ อัศวิน A เป็นมังกรแท้บนสวรรค์ อีกทั้งยังเป็นพวกผดุงคุณธรรม การกำเนิดของพลังจิตจะไม่กลืนกินจิตวิญญาณของโฮสต์ เพียงแต่คนที่อยู่ร่วมกับเขาเป็นใครกัน”

“ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ รู้แค่ว่าจิตวิญญาณมังกรแท้บาดเจ็บหนักจริง ตอนนี้จึงจำเป็นต้องเรียกจิตวิญญาณมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันผู้นั้นให้ออกมาสู้แทน พวกเราจึงรู้สึกว่ามันแตกต่างกันมากขนาดนี้…”

“เท่านี้ก็คลายข้อสงสัยหมดแล้ว” หลายคนรีบส่งต่อข้อมูลกันทันทีหลังจากได้ฟัง

ขณะที่ผู้คนกำลังคาดเดาไปต่างๆ นาๆ ลมปราณของราชครูผู้ปราดเปรื่องก็พุ่งฉิวมา ทว่าไม่เห็นอัศวิน A ตั้งท่าหลบ

ขณะที่บางคนกำลังจะส่งเสียงร้องตกใจ เกราะสีเงินพลันโพล่ขึ้นมากันร่างอัศวิน A จากลมปราณสายนั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย!

“เหมือนที่คิดไว้เลย ตระกูลมังกรมีของวิเศษเยอะ ในที่สุดก็มีคนบีบให้เขาใช้อาวุธวิเศษของตัวเองจนได้…”

หลายคนแอบพยักหน้า ไม่รู้สึกประหลาดใจ

ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าชุดผ้าป่านหรือราชครูผู้ปราดเปรื่องก็เหมือนกัน เขายิ้มบางๆ ได้เป็นคนแรกที่บีบให้อัศวิน A ใช้อาวุธวิเศษป้องกันออกมา ชื่อเสียงก็ของเขาก็เลื่องลือออกไปแล้ว…

ฟางหนิงพูดขึ้นอย่างเนือยๆ ว่า “เก่งมาก บีบให้ข้าต้องใช้เกราะแห่งทวยเทพได้ นับว่าไม่เลว แต่แกก็ทำได้เท่านี้แหละ”

ประโยคนี้ของเขาพูดออกมาด้วยความเสแสร้งจนเคยชินอย่างแท้จริง…

ตอนที่ลมปราณของอีกฝ่ายจู่โจมมาเมื่อครู่นี้ ฟางหนิงยังรู้สึกกังวลอยู่บ้างจริงๆ ทว่าชุดเกราะในตำนานก็ไม่ธรรมดาเลย เขาไม่รู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว กระทั่งลมกระทบหน้าก็ไม่มี

จากนั้น ก็ปรากฏหนังสือเย็บด้ายเข้าเล่มสีดำเล่มหนาขึ้นในมือขวาของเขา นั่นก็คือหนังสือเกมที่รัก มันกำลังสั่นเบาๆ

ฟางหนิงเอ่ยเสียงเบา “ไม่ต้องกลัว ที่รัก ทำเหมือนตอนที่เราปาเป้าครั้งก่อนก็พอ มีปะป๊าระบบแกดูอยู่…”

ในเวลาเดียวกัน เสียงฮือฮาของผู้คนที่อยู่ลานกว้างด้านนอกก็ดังขึ้นพร้อมกันเมื่อได้เห็นฉากนี้

“ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณจะใช้อาวุธวิเศษเป็นครั้งแรกแล้วเหรอ !”

“เป็นของวิเศษอะไรกันแน่นะ แม้จะดูเหมือนเป็นแค่หนังสือเก่าๆ แต่จะต้องมีอานุภาพไม่ธรรมดาแน่นอน! ในนิยายต่างเขียนกันว่ายิ่งเก่ายิ่งเจ๋ง”

“แน่ล่ะ ที่ผ่านมาท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณใช้มือเปล่าต่อสู้มาโดยตลอด ไม่เคยใช้อาวุธมาก่อน ไม่ใช่ฝ่ามือก็เป็นปราณกระบี่ ไม่ก็ลมหายใจมังกรแท้! นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้อาวุธวิเศษ เจ้าคนถ่อยที่ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้อื่นคนนี้ เดี๋ยวจบเห่แน่!” มีคนอธิบายให้โดยไม่คิดเงิน

ณ ลานกว้าง เมื่อกลุ่มแฟนคลับสาวสวยของมังกรแห่งจิตวิญญาณได้เห็นฉากนี้ผ่านจอยักษ์ต่างตื่นเต้นดีใจ ความมั่นใจของแต่ละคนก็ค่อยๆ ทะยอยกลับคืนมา เริ่มส่งกำลังใจกันอย่างคึกคักอีกครั้ง

ส่วนพวกผู้แข็งแกร่งที่ดูสถานการณ์ออก อีกทั้งยังมีจุดยืนเป็นอริกับเสินโจวกลับไม่สนใจ

“เหอะ พวกคนธรรมดาไม่รู้ความ นี่ก็แค่หนังสือเก่าๆ ที่ไร้แววพลังเวท คงทำได้แค่บังก้อนหินเท่านั้นแหละ!” ผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งในกลุ่มเจียวจื่อเอ่ยขึ้น

“ใช่ จิตวิญญาณมังกรแท้ของอัศวิน A ได้รับบาดเจ็บหนักจนถอยหลบไปแล้ว ตอนนี้ก็เป็นแค่จิตวิญญาณของมนุษย์ธรรมดาที่ควบคุมไว้อยู่เท่านั้นเอง ต่อให้มันเป็นอาวุธเวทจริงก็แสดงอานุภาพออกมาได้ไม่เท่าไรหรอก”

และขณะเดียวกัน ในสนามกีฬาทรงกลม ราชครูผู้ปราดเปรื่องกลับยิ้มบางๆ เขาอยู่ในสนาม ย่อมรู้สึกได้ชัดเจนกว่าใคร

ไม่มีเค้าลางพลังเวทบนหนังสือสีดำเล่มนั้นเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งจิตวิญญาณบีบคั้นอันรุนแรงที่แอบกดดันเขาก่อนหน้านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ที่ปรากฏขึ้นในสายตาเขาเวลานี้ก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่รู้ว่าต้องเฆ่นฆ่ามามากมายเท่าไรเพื่อแลกกับพลัง ไม่มีอะไรให้กลัวสักนิด

หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายมีเกราะแข็งแกร่งนั่นกับร่างกายที่กำยำน่าหวาดเกรง เพียงเขาสะบัดมือส่งๆ ออกไปก็จัดการได้แล้ว

ในที่สุดเวลานี้เขาก็มีอารมณ์เอ่ยปากพูดเสียที “ฮ่าๆ นี่คงเป็นอาวุธเวทอันร้ายกาจของมังกรแห่งจิตวิญญาณสินะ หากโดนอาวุธเวทอันนี้เล่นงานเข้า ราชครูอย่างข้าจะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง…แต่ว่านะสหาย นายไม่ใช่มังกรแท้ นายจะแสดงอานุภาพของอาวุธวิเศษนี้ได้เท่าไรกันเชียว เฮ้อ น่าเสียดาย วานรได้แก้ว สิ้นเปลืองอาวุธเทพที่เรียบง่ายอันนี้ไปเปล่าๆ เสียแล้ว ฮ่าๆ…”

แม้คำพูดของเขาจะไม่ได้ดูกร่าง แต่เหล่าผู้ชมต่างฟังออกถึงนัยเหน็บแนมเสียดสีในน้ำเสียง

ฟางหนิงฟังจนอารมณ์ขึ้น ไอ้เวร เยาะเย้ยตัวเองไม่เท่าไร แต่ดันถากถางมาถึงหนังสือเกมที่รักของข้า ตีให้ตายทีเดียวคงไม่ไหว แต่ตีจนปัญญาอ่อนน่ะได้อยู่!

เขาตอบกลับทันทีว่า “เหอะ อีกเดี๋ยวแกก็รู้ซึ้งถึงอานุภาพที่แท้จริงของหนังสือเทพของข้าเองแหละ!”

“ที่รักโปรดถล่มมันให้ยับ!”

เสียงเขาลอยออกจากสนามกีฬาเข้าสู่โสตประสาทของทุกคนอย่างรวดเร็ว เวลานี้เหล่าผู้ชมต่างรับรู้ถึงความโกรธที่แผ่ออกมา

ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณโมโหแล้ว!

พวกเขายังไม่ทันตอบสนอง แสงสีขาวสว่างจ้าพลันส่องแสงวาบออกมาจากหนังสือสีดำเล่มหนา จากนั้นเมื่อเสียง ‘ฟิ้ว’ ดังขึ้นก็ปะทะเข้ากับผู้เฒ่าสวมชุดผ้าป่านและศีรษะของราชครูผู้นั้นอย่างรุนแรงในพลัน

เลือดข้นขลักไหลเป็นทางออกมาจากศีรษะของอีกฝ่ายในทันที และพลันหายวับไปท่ามกลางแสงสว่างกลุ่มนั้น!

จากนั้นแสงสว่างกลุ่มใหญ่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นรูปมังกร ก่อนเหินวนทะยานขึ้นฟ้าไป แม้แต่สนามกีฬาทรงกลมก็ขวางไว้ไม่อยู่

“ปัง!” เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ผู้คนกลับได้ยินเสียงเศร้าสลดลอยมา

“เป็นไปไม่ได้ แกโจมตีโลกจริงที่ร่างที่แท้จริงของข้าอยู่ได้อย่างไร! ข้า ข้าไม่เชื่อ! ข้าตายไม่ได้ ข้าขอยอมแพ้!”

เมื่อเสียงพึมพำที่ผู้ชมรู้สึกคาดไม่ถึงลอยแว่วมา ก็เห็นภาพรอยสักสีเลือดของราชครูผู้ปราดเปรื่องแตกระแหง ดวงตาเบิกกว้างค้างเติ่งอยู่ในจอยักษ์

ก่อนตามมาด้วยเสียงของพิธีกร “ราชครูผู้ปราดเปรื่องของกุ่ยฟางประกาศยอมแพ้ ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณเป็นผู้ชนะการแข่งขัน! การแข่งขันได้สิ้นสุดลงแล้ว”

เวลานี้ผู้ชมถึงได้สติกลับมา เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราว ฉากนี้พลิกผลันไปมากจนทำให้หลายคนใจตุ้มๆ ต่อมๆ!

ท่ามกลางเสียงดังเซ็งแซ่ผ่านไปไม่นาน ราชครูที่หยุดนิ่งไม่ไหวติงพลันเลือดออกทวารทั้งเจ็ด หงายหลังล้มตึง ตามด้วยลมปราณที่แผ่กระจายออกมา จากนั้นร่างระเบิดออกกลายเป็นเถ้าสีขาวกลุ่มหนึ่ง!

ผู้แข็งแกร่งบางคนก็เป็นเช่นนี้ ต่อให้เขาปลอมเป็นหมูก็เป็นนักรบเทพสวรรค์ลงมาเกิด! ก็เป็นหมูเทพ…

เมื่อภาพนี้ปรากฏขึ้น ในจอยักษ์เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องอื้ออึงอยู่ชั่วขณะ

“ดุเดือดมากเลย!”

“สมกับที่เป็นท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ อาวุธวิเศษเจ๋งสุดในปฐพี!”

“เหอะๆ พวกแกได้ใจไปเถอะ พวกกบในกะลาจะรู้จักความยิ่งใหญ่ของมังกรแห่งจิตวิญญาณเสียที่ไหน ต่อให้ตัวท่านบาดเจ็บ หยิบของวิเศษขึ้นมาสุ่มๆ สักชิ้นก็ตีพวกแกให้เละเป็นจุลได้แล้ว!”

ณ ลานกว้าง กลุ่มแฟนคลับมังกรแห่งจิตวิญญาณ ไม่เพียงไม่ตื่นตระหนก ซ้ำแล้วบรรยากาศกลับร้อนแรงขึ้น ต่างคนต่างโบกมือร้องรำ ชูป้ายส่งเสียงดัง

ในลานสนาม พวกกลุ่มเจียวจื่อตกใจจนพูดไม่ออก พวกเขาประเมินสถานการณ์แรกเริ่มได้หมด ขาดก็แต่เดาสถานการณ์ตอนจบไม่ถูก…

ทว่าไม่ใช่คนแข็งแกร่งทุกคนที่ตกตะลึง กลับมีคนอีกเล็กน้อยที่พยักหน้าเบาๆ แบบนี้สิถึงจะถูก ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณนี้จะมีชื่อเสียงโด่งดังไปขนาดนั้นได้อย่างไรถ้ามีไพ่ลับแค่ไม่กี่ใบ

เวลาร่นเร็วขึ้นเล็กน้อย ขณะที่กลุ่มแสงรูปมังกรทะยานขึ้นไปบนฟ้า…

ณ แท่นบูชาสูงแห่งหนึ่งในทุ่งกว้าง ประเทศกุ่ยฟาย

โฉมหน้าที่แท้จริงของแท่นบูชากลับเป็นสระโลหิต

ข้างสระโลหิตในเวลานี้มีกลุ่มชายจมูกโด่งตาห่างยังคงนอนสลบไสลกันอยู่ ข้อมือขวาถูกกรีด เลือดสดๆ กำลังไหลลงไปในสระโลหิตช้าๆ

กลางสระโลหิตมีหัวกะโหลกสีดำอยู่หนึ่งกะโหลก ทุกครั้งที่มีเลือดไหลเข้ามามันก็จะเปล่งแสงวาบขึ้นมาคราหนึ่ง พร้อมกับลมปราณที่ลอยออกมา และคล้ายกับมีพลังชีวิตบางอย่างในเลือดสีแดงสดเหล่านั้นถูกแย่งไปก่อนหม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว

ข้างสระโลหิตมีชายวัยกลางคนเจ็ดคนกำลังเฝ้าดูอยู่ พวกเขาสอดส่องไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง บนร่างกายของทุกคนต่างมีรอยวาดที่ใกล้เคียงกับรอยสักสีเลือดของราชครูผู้ปราดเปรื่องผู้นั้น

ไม่นานนัก พลันมีคนมองขึ้นไปบนฟ้าอย่างตื่นตระหนก

“นั่นมันอะไร”

เห็นเพียงกลุ่มไอสีขาวขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งที่มีรูปร่างราวกับมังกรพุ่งฉิวไปทางหัวกะโหลกสีดำ

ลมปราณเข้มข้นแผ่กระจายออกมาจากหัวกะโหลกสีดำในทันที

“ปัง” ลมปราณปะทะเข้ากับกลุ่มไอสีขาว ลมปราณแพ้ยับเยิน!

จากนั้นไอสีขาวยังคงโจมตีรูปปั้นหัวกะโหลกสีดำนั้นต่อไป

เมื่อชายวัยกลางคนทั้งเจ็ดเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็หวาดกลัวเหลือล้น ยื่นมือออกมาพร้อมกัน พลันปรากฏลมปราณพุ่งไปยังกลุ่มไอสีขาว

ทว่ากลับช้าไป กลุ่มไอสีขาวนั้นพุ่งเข้าไปในหัวกะโหลกสีดำเสียแล้ว

เสียง “ปัง” ดังขึ้น หัวกะโหลกระเบิดแตกออก…

ชายวัยกลางคนทั้งเจ็ดนิ่งอึ้งอยู่ตรงที่เดิม เสี้ยวนาทีต่อมา ต่างกุมอก เลือดออกทวารทั้งเจ็ด ก่อนร่วงลงสู่สระโลหิต…

บนแท่นบูชาตกอยู่ในความเงียบงัน ได้ยินเพียงเสียงโลหิตที่กำลังไหลเอื่อยๆ กระนั้นในเวลานี้กลับไม่มีสิ่งใดที่จะดูดซับพลังชีวิตในสระโลหิตอีกต่อไป…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ณ ทุ่งหญ้าสูงแห่งหนึ่งที่ห่างจากแท่งบูชากว่าหนึ่งร้อยเมตร แต่ละคนที่สวมชุดลายพรางกำลังเคลื่อนไหวกันด้วยความว่องไว

“เร็ว เร็ว พวกเขาเลือดไหลไปเป็นชั่วโมงแล้ว น่าจะใกล้ไม่ไหวแล้ว” มีคนพูดขึ้นเบาๆ

“อย่าลน ตรวจให้แน่ชัดก่อนว่าทหารรักษาความปลอดภัยของราชครูนั่นตายหมดแล้วเหรอยัง พวกผู้วิเศษที่น่าตายพวกนี้ ขอเพียงเหลือรอดแค่คนเดียว พวกเราสิบกว่าคนก็ยังเอาไม่อยู่” มีคนพูดเตือน

มีคนค่อยๆ โผล่ศีรษะขึ้นมา ก่อนใช้กล้องส่องทางไกลทางทหารส่องมองไปทางแท่นบูชา

“เร่งมือกันหน่อยเถอะ ตอนที่กลุ่มไอขาวรูปมังกรนั่นลงมา ข้าเห็นชัดๆ ว่าพวกทหารรักษาความปลอดภัยพวกนั้นกับราชครูทำพันธะสัญญาเลือดกัน หัวกะโหลกนั่นก็คือร่างจริงของราชครูผู้ปราดเปรื่องผู้นั้นอยู่ มันแตกหมดแล้ว ไอพวกที่สบคบคิดกันพวกนี้คงตัวเย็นชืดกันหมดแล้วแน่นอน!” ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ดูแก่งอม สวมสร้อยเขี้ยวหมาป่าเอ่ยเร่งขึ้นมา

“ก็ได้ ผู้เฒ่าหวันเจ่อตู ท่านเฉลียวฉลาดที่สุด สหาย พวกเราไป ไปช่วยผู้ชายในหมู่บ้านกัน ”

ในพื้นที่ของระบบ หนังสือเกมที่รักกำลังแอบอยู่ในอ้อมอกของนายท่านอย่างสงบเสงี่ยม เตรียมรอรับความโกรธของปะป๊าระบบ

ระบบ “ไอ้หนังสือเก่าสมควรตาย คิดไม่ถึงว่าจะกล้าแอบขโมยพลังปราณของข้า ใช้สล็อตพลังที่ข้าสะสมไว้ทั้ง 45 อันหมดรวดเดียว ข้ายังไม่เคยอาจหาญขนาดนี้มาก่อน…”

เขาพูดปลอบใจ “นายเพิ่งเรียนทักษะพลังปราณแท้จักรวาลมาใหม่ไม่ใช่เหรอ เปิดใช้สักหน่อยเดี๋ยวก็เต็มแล้ว ไม่เห็นต้องงกขนาดนี้ เปิดใช้กันอาทิตย์ละครั้งก็ได้ ”

ระบบ “โฮสต์ผู้ร่ำรวย พักเรื่องพลังปราณไว้ก่อน ไอ้หนังสือนี่ทำแผนแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือของพวกเราพังหมดแล้ว ครั้งนี้ราชครูผู้ปราดเปรื่องโดนเจ้าหนังสือเก่าๆ นี่ตีตายจนเห็นกันทนโท่ ไม่ใช่เขาระเบิดตัวเอง…ข้าเอามันไปหลอมใหม่ดีกว่า จะให้มันฉลาดเหมือนข้าไม่ได้เด็ดขาด”

ฟางหนิงกลับปลื้มอกปลื้มใจ ตอนที่หนังสือที่รักประเมินระบบพลังของตัวเองก็แจ้งไว้อย่างชัดเจนแล้ว “ความชื้น…แสดงความสามารถได้ยาก ระวังอย่าได้ขึ้นสนามประลอง” เมื่อครู่ต้องเป็นเพราะกลัวว่านายท่านอย่างตนจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นจึงลงมือใช้พลังปราณจัดการตีเจ้าชั่วนั่นให้หมอบในคราเดียว…

ช่างทำให้ตนประทับใจเสียจริง พวกเรามีปัญญาหาเงินอยู่แล้ว น้ำใจของที่รักนี้สิถึงหายาก…

เขาจะให้ระบบทำตามอำเภอใจไม่ได้ จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “จะโทษเขาก็ไม่ได้ ก่อนหน้านี้นายก็ไม่รู้แน่ๆ ว่ามันมีทักษะสามารถใช้พลังปราณเองได้ ครั้งนั้นที่มันโจมตีเป้า ตอนนั้นนายดูถูกมันไว้มาก บอกว่ามันความสามารถไม่เท่าไร”

ระบบหมดคำพูดไปชั่วขณะ “…ก็ได้ เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไร ตีตายไปสองคนติดต่อกัน ต่อให้แกล้งเป็นหมูอีกก็คงไม่มีใครกล้าขึ้นมาสู้กับข้าแล้ว”

ฟางหนิงต้องรีบเบี่บงเบนความสนใจของเทพแห่งระบบ ไม่งั้นเดี๋ยวจะถือโอากาสตอนเขานอนหลับเอาหนังสือเกมที่รักที่เข้าข้างตัวเองเล่มนี้ไปหลอมใหม่ อย่างนั้นเขาคงได้ร้องไห้ตาย…

มีเรื่องนี้คอยสะกิดใจอยู่ สมองเขาจึงแล่นโลดในพริบตา พูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้าพวกเขาไม่เชิญเรา เราก็จัดแข่งเอง อยากลงแข่งก็ลง ไม่ต้องเสียเวลาไปหลอกคนดูอีก พอดีกับที่อคิลลิสวิญญาณมิติของอุปกรณ์มิติในตำนาน เขาชอบแข่งขันเกมมากๆ ไว้ข้าให้แอนเดอร์สันแก้แผนมิติ เพิ่มขึ้นมาอีกรายการก็ได้แล้ว”

หากแอนเดอร์สันที่วางแผนรายละเอียดมิติทั้งหมดจนใกล้เสร็จสมบูรณ์รู้ว่าแผนการของท่านพัศดีเปลี่ยนไปอีกแล้ว จะต้องอยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาแน่นอน แค่เพิ่มขึ้นมาอีกรายการก็ได้แล้ว

จู่ๆ คนข้างบนสมองปิ๊งขึ้นมา คนข้างล่างก็ต้องยุ่งจนตาย ในที่สุดฟางหนิงก็ได้เสพสุขกับการเป็นคนข้างบน

เทพแห่งระบบจึงยอมลง พูดอย่างไม่พอใจว่า “เหอะ ในเมื่อพ่อคนรวยพูดแบบนี้ ข้าก็จะไม่สืบสาวเอาความมันต่อ ถ้าหากยังกล้าขโมยพลังปราณข้าไปแบบไม่บอกกล่าวอีก โดนหลอมใหม่แน่!”

ฟางหนิงส่งพลังจิตสื่อกับเจ้าหนังสือเกมที่รักว่า “ไม่ต้องไปฟังเขา วันหลังขอแค่ไม่ส่งผลกระทบกับการล่าปีศาจของปะป๊าระบบ อันไหนควรขโมยก็ขโมย ฟังสัญญาณลับของนายท่าน…มีนายท่านอยู่ ไม่ต้องกลัว”

หนังสือเกมที่รักขยับเปิดปกสมุดน้อยๆ เป็นการตอบรับว่าเข้าใจแล้ว

เวลานี้ฟางหนิงจึงมีแก่ใจไปอ่านการแจ้งเตือนของระบบ ทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

การแจ้งเตือนของระบบ (หนังสือเกมระดับสูงใช้สล็อตพลังปราณทั้งหมด 45 อัน กระตุ้นประสิทธิภาพ “เข้าเป้า” ไม่พลาดร่างจริงของศัตรู

หนังสือเกมระดับสูงโจมตีราชครูผู้ปราดเปรื่อง

ปล่อยประสิทธิภาพ “เข้าเป้า”

ปล่อย “การโจมตีไอคิว” แต่ประสิทธิภาพ “การลดไอคิว” ไม่สำเร็จ

ร่างจริงของราชครูผู้ปราดเปรื่อง “หัวกะโหลกดำ” ถูกโจมตีจากพลังปราณอย่างรุนแรงจนสิ้นชีพ

ร่างจริงของราชครูผู้ปราดเปรื่องถูกทำลาย

ราชครูผู้ปราดเปรื่องตายแล้ว

ระบบได้ค่าประสบการณ์ 12 ล้านคะแนน

ระบบได้สล็อตพลังปราณจำนวนมาก เติมสล็อตพลังปราณ 10 อัน

ระบบได้ชื่อเสียงอัศวินจำนวนมาก

ชื่อเสียงของระบบอัพเลเวลเป็น “มิตรภาพ” ในพื้นที่แห่งหนึ่งในแผนที่นอกเสินโจว

ฟางหนิงอ่านจนจบก็พยักหน้า ดูท่าเจ้านี่จะเป็นไอ้ชั่วตัวซวย รีบๆ ตายไป คิดว่าที่นั่นคงสงบไปได้อีกสักพัก

เพียงแต่เขากับระบบไม่ใช่เทพและก็ไม่ใช่พ่อพระ ในยุคใหม่นี้สถานการณ์ชายแดนไม่สงบ หากเจอก็จะยื่นมือเข้าช่วยสักหน่อย แต่จะยุ่งมากก็ไม่ได้ จับตาดูซ่องโจรนี่ที่อยู่นอกเสินโจวได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

……………………………………….

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท