ดังนั้น หนูรินจังในตอนนี้ เธอไม่สามารถเข้าใจสำหรับวิธีแบบนี้ได้ โจทย์คณิตศาสตร์ก็คือโจทย์คณิตศาสตร์ สัตว์มีชีวิตกับสัตว์ไม่มีชีวิตไม่ต่างอะไรกัน สำหรับวัตถุประสงค์เดิมของโจทย์ข้อนี้ที่ให้เด็กๆเรียนรู้ ก็เพื่อให้พวกเธอเรียนรู้การคิดคำนวณ จู่ ๆ พัฒนาไปถึงขั้นความคิดแยกแยะ……
พูดตามจริง ก็คือผิดประเด็นไปแล้ว!
แต่คุณครูได้ยินเข้า กลับโกรธมาก
“นี่มันเด็กน้อยจากที่ไหนกัน? โง่ขนาดนี้ ทำไมถึงย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนประถมของพวกเราได้?”
ครูคนนี้พูดออกมาด้วยคำพูดรังเกียจ
จากนั้น เธอก็ไล่หนูรินจังออกไปนอกห้องเรียน ทำโทษให้เธอยืนอยู่ด้านนอก
หนูรินจังเสียใจเป็นที่สุด น้ำตาเม็ดโตๆ ของเธอร่วงหล่นลงมา ยืนคิดถึงหม่ามี๊ คิดถึงพี่ชาย ยังมีคิดถึงแด๊ดดี้อยู่ด้านนอกอย่างน่าสงสาร
ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะทนเรียนจนจบคาบวิชาคณิตศาสตร์นี้ เด็กๆเหล่านั้นออกมาจากในห้องเรียน กลับไม่เล่นกับเธอแล้ว
“พวกเธอดูสิ คือหล่อนที่กล้าทะเลาะกับคุณครู”
“ใช่แล้ว หล่อนคิดว่าตัวหล่อนเป็นใครน่ะ กล้าสงสัยคุณครู ฉันว่าหล่อนก็แค่เด็กโง่คนหนึ่ง!”
“ใช่ คนโง่!”
“ฮ่าๆๆๆๆ….”
ทันใดนั้น เด็กเหล่านี้ต่างพากันหัวเราะดังลั่นขึ้นมา
หนูรินจังเห็นเข้า เดิมทีอารมณ์ที่ยังไม่สงบลง ก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น เธอจ้องเขม็งมองเด็กเหล่านั้นด้วยความโมโห โกรธจนหน้าอกน้อยๆ พองยุบขึ้นลงอย่างรุนแรง
“ฉันไม่ใช่คนโง่ พวกเธอต่างหากล่ะ!”
“เธอคือคนโง่ เธอคือคนโง่เง่า คนโง่เง่าที่แม้แต่โจทย์ก็ทำไม่ได้!”
“ใช่ ต้องเป็นคนในบ้านพวกหล่อนสอนแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมโจทย์ง่ายๆอย่างนั้นยังทำไม่ได้ ฮัลโหล เจ้าคนโง่ พ่อแม่เธอล่ะ? พวกเขาต่างไม่สอนเธอเหรอ? บ้านพวกเธอไม่มีคนแล้วใช่ไหม?”
“……”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยอันแหลมคม ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งในโรงเรียนแห่งนี้ เด็กสาวน้อยที่สุขภาพดีตอนเข้ามา ภายในไม่มีวินาทีสั้นๆ กลับกลายถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กโง่
ดังนั้นจึงพูดได้ว่า คนบางคนมีความชั่วร้ายฝังติดอยู่ในกระดูกมาตั้งแต่เกิด
เด็กเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน ถึงสามารถไปโจมตีเด็กสาวน้อยคนหนึ่งแบบนี้ได้ อีกทั้งยังใช้คำพูดที่เลวร้ายได้ขนาดนี้
สุดท้ายหนูรินจังร้องไห้และวิ่งออกไปจากโรงเรียนแห่งนี้
เธอไม่ใช่คนโง่ เธอก็ไม่ใช่ไม่มีคนในครอบครัว เธอมีแด๊ดดี้หม่ามี๊ เธอยังมีพี่ชายอีกสองคน
เธอร้องไห้โฮออกมาจากในโรงเรียนแล้ว ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนดี ก็เลยเดินตรงไปข้างหน้าด้านน้ำตาอาบนองเต็มใบหน้า
“เด็กคนนี้เป็นอะไร? ทำไมเดินร้องอยู่บนถนนคนเดียวล่ะ?”
โชคดีที่ข้างนอกยังมีคนใจดี เห็นว่าเธอเป็นเด็กเดินร้องไห้อยู่ข้างนอกไปมาอยู่คนเดียว ทันใดนั้น เธอเดินเข้ามา เรียกเธอไว้อย่างเป็นห่วง
“เจ้าหนูน้อย หนูเป็นอะไรลูก? ทำไมมายืนร้องไห้อยู่คนเดียวที่นี่ล่ะ? แม่ของหนูล่ะ?”
“หม่ามี๊…..หม่ามี๊……”
หนูรินจังร้องไห้จนแทบหายใจไม่ทัน เธออายุเพียงแค่หกขวบ หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้มาจากที่โรงเรียน ในเวลานี้แม้แต่ที่ทำงานของหม่ามี๊อยู่ที่ไหนเธอก็คิดไม่ออก
คนที่เดินผ่านมาก็ไม่วิธีอื่นแล้ว จึงทำได้เพียงแค่อุ้มเธอขึ้นมา
“ช่างเถอะ พาหนูไปส่งที่สถานีตำรวจก่อนละกัน ก็ไม่รู้ว่าผู้ปกครองคนไหนกันที่ประมาทพาหนูมาทิ้งอยู่ที่ตรงนี้ได้” คนที่เดินผ่านมาเตรียมที่จะพาเธอไปส่งที่สถานีตำรวจ
แต่ในเวลานี้ จู่ ๆ มีคนโทรศัพท์เข้ามาหาเธอ
“คิวเอสวาย? ฉันรู้แล้ว เมื่อกี้ฉันเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งข้างถนน ฉันต้องพาเธอไปส่งที่สถานีตำรวจก่อน จากนั้นค่อยไปส่งของให้คุณ คุณรอก่อนนะ”
ที่แท้คนคนนี้เป็นคนส่งของ
คิวเอสวาย?
หนูรินจังที่ยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเธอได้ยินคำเหล่านี้ จู่ ๆ สมองน้อยๆ ของเธอก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
ใช่แล้ว เหมือนว่าพี่ชายจะอยู่ที่คิวเอสวาย วันนั้นตอนที่อยู่เดอะวิวซี พวกเขาบอกแล้วว่า ต่อไปนี้พวกเขาจะไปเรียนที่คิวเอสวาย ยังบอกว่าจะพาเธอไปด้วยกัน
แต่ตอนนี้ พวกพี่ชายไปยังสถานที่นั้นแล้ว เธอกลับมาอยู่ที่นี่ และถูกคนรังแก
สาวน้อยก็ยิ่งเสียใจร้องไห้หนักขึ้น
“ฮือ~~~ หนูก็อยากไป…อยากไปคิวเอสวาย”
“อะไรนะ?” คนคนนี้ตกตะลึง “หนูก็อยากไปคิวเอสวาย?”
“อืม พี่ชาย…พี่ชายของหนูอยู่ที่คิวเอสวาย หนูอยากไปหาพวกเขา แง……..” พูดไม่ถึงสองประโยค เด็กน้อยก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่น้ำมูกก็ไหลออกมาเป็นลูกโป่ง
คนที่เดินผ่านมาเห็นเข้า ก็อดสงสารไม่ได้
เจ้าหนูน้อยคนนี้ เดิมทีหน้าตาสวยงามน่ารัก ตอนนี้กำลังร้องไห้ คนที่เป็นพ่อคนแม่คน โดยธรรมชาติแล้วก็ต้องรู้สึกสงสารจับใจ
คนที่เดินผ่านมาจึงตัดสินใจพาเธอไปที่คิวเอสวายด้วย
แต่เธอยังรู้สึกสงสัยเล็กน้อย คิวเอสวายคือสถานที่อะไร? นั่นคือโรงเรียนที่ดีที่สุดของที่นี่? คนปกติทั่วไปเข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ พี่ชายของเธออยู่ในนั้นจริงเหรอ?
คนที่เดินผ่านมารู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ผลคือ เมื่อเธอพาสาวน้อยคนนี้มาถึงโรงเรียนแห่งนี้แล้ว ก็เลยแจ้งชื่อพี่ชายทั้งสองคนของเธอ คุณครูเข้าไปคู่ฝาแฝดหน้าตาหล่อเหลาก็เดินออกมาจากข้างใน
“พี่ชาย—-“
หนูรินจังเห็นเข้า อารมณ์ก็เศร้าสุดดิ่งไปเลย เธอร้องไห้หนักขึ้นมาอีกครั้งและขาน้อยๆ ก็วิ่งทุลักทุเลเข้าไปหาพี่ชายทั้งสอง
ชินจังกับอิคคิวเห็นเช่นแล้ว มีเหรอที่พวกเขาจะอยู่เฉยๆ
ทันใดนั้น พวกเขาก็พุ่งเข้าไปกอดน้องสาวเอาไว้แน่น
“เป็นอะไรเป็นอะไร? ใครรังแกน้อง? ทำไมน้องร้องไห้แบบนี้ล่ะ?”
“อย่าร้อง พี่ชายอยู่นี่แล้ว”
มือเล็กทั้งสองคู่ใช้แรงโอบกอดก้อนแป้งน้อย ที่เสียใจนี้ไว้
วิธีการแสดงออกที่ต่างกัน แต่ต่างก็เป็นห่วงน้องสาวคนนี้อย่างมาก ยังแฝงด้วยความโมโหและสงสารจับใจ
ใครกันที่บังอาจมารังแกน้องสาวของพวกเขาได้ขนาดนี้?