สีหน้าของคุณครูเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที!
อันที่จริงเธอเป็นแค่เพียงคุณครูชั้นประถมธรรมดาคนหนึ่ง วิธีการสอนก็คือตามแผนการสอน ไม่เคยคิดถึงปัญหานี้เลยแม้แต่น้อย และยิ่งไม่ได้สงสัยเลยว่า แผนการสอนจะมีอะไรที่ผิดพลาดได้?
แต่ในตอนนี้ เด็กคนนี้ที่ดูเหมือนอายุจะยังไม่ถึงเจ็ดขวบ กลับสั่งสอนเธอต่อหน้าคนมากมาย
คุณครูรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย : “ฉันไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ฉันสอนจะถูกต้องชัวร์ แต่โจทย์เหล่านี้ พวกเราก็สอนกันมาแบบนี้ตลอด”
“ใช่เหรอ? งั้นก็น่าเสียดายนะ เพราะตอนที่ผมกับน้องสาวของผมเรียนที่เมืองนอก เขาไม่สอนแบบนี้น่ะสิ”
“อะไรนะ?”
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา ทั้งสถานที่แห่งนั้นก็ต้องตกตะลึงอ้าปากค้างกันอีกครั้ง
เรียนที่เมืองนอก?
เขาบอกว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้เรียนในประเทศ?
ในที่สุดกลุ่มคนเหล่านี้ก็หมดความมั่นใจ รวมทั้งคุณครูคนนี้ด้วย เพียงด้วยตาเปล่าก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าประหม่าทำตัวไม่ถูก สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวบ้างแดงบ้าง
“ผมจะบอกพวกคุณให้นะ ตอนที่น้องสาวผมเรียนอยู่เมืองนอก คุณครูบอกว่าเธอคือเด็กที่ฉลาดที่สุด ความคิดของเธอโลดแล่น แต่มองสิ่งต่างๆ นั้นกลับเรียบง่ายที่สุด เด็กแบบนี้ ต่อไปจะสามารถปลูกฝังได้ง่าย ทำไมพอมาพวกคุณที่นี่ถึงกลายเป็นคนโง่คนหนึ่งไปได้ล่ะ?”
“……”
ผ่านไปหลายวินาที คนในเหตุการณ์ต่างไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูด
ชินจังเห็นแล้ว รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าก็ยิ่งชัดขึ้น
คุณครูคนนี้ไม่มีคุณสมบัติที่เป็นครูเสียเลยด้วยซ้ำ
เพราะว่า อย่าเพิ่งพูดถึงวิธีการสอนของเธอว่ามีปัญหาหรือไม่ เพียงแค่ปัญหานี้ที่เธอมีต่อหนูรินจัง เธอก็ขาดคุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่สุดของการเป็นคุณครูแล้ว
นักเรียนมีข้อสงสัยต่อการสอนของตัวเอง
มีที่ไหนกันที่รับมือด้วยวิธีแบบนี้? เธอเสียหน้าไม่ได้? หรือว่าเธอคนนี้เดิมทีเป็นคนใจร้ายแบบนี้คนหนึ่ง?
สุดท้ายชินจังชี้แจงกับโรงเรียนแห่งนี้อย่างชัดเจนว่า เขาไม่ต้องการเห็นคุณครูคนนี้อยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้อีกต่อไป
ผู้บริหารโรงเรียน : “………”
“ไม่เป็นไร ถ้าหากพวกคุณอยากจะให้เธออยู่ต่อ ผมสามารถกลับไปขอคำแนะนำ แล้วให้พวกคุณออกไปพร้อมกันกับเธอก็ได้”
ในช่วงเวลาสำคัญ รปภ.ของตระกูลลเทวเทพสองสามคนนี้ก็พูดออกมา
ทันใดนั้น เมื่อสิ้นเสียงคำพูดนี้ ผู้บริหารโรงเรียนเหล่านี้ก็ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม สั่งให้ครูคนนี้ออกไปจากโรงเรียนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว
ผ่านไปนานมาก ก็ยังได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของคุณครูคนนี้อยู่
คุณครูถูกไล่ออกไปแล้ว ถัดมา เพื่อประจบประแจงเอาใจชินจัง ดังนั้นพวกผู้บริหารโรงเรียนเหล่านี้ก็เข้ามาแสดงความกระตือรือร้น จะจัดคุณครูคนใหม่ให้กับหนูรินจัง
อีกทั้งยังให้เธอเรียนในชั้นเรียนที่ดีที่สุด
แต่คู่ฝาแฝดในเวลานี้…….
“พี่ ผมว่าให้น้องสาวไปเรียนกับพวกเราที่คิวเอสวายเถอะ”
“อืม”
ชินจังผู้ซึ่งกลับสู่ความเย็นชาเหมือนเดิมเห็นด้วยกับความคิดนี้
พวกรปภ.ได้ยินแล้ว ทันใดนั้นก็กระโดดขึ้นมาทันที : “ทำแบบนั้นได้ยังไงกันครับ? คุณหนูครับ พวกคุณคือคุณท่านจัดการส่งเข้าไป สาวน้อยคนนี้ไม่มีขั้นตอนอะไร จะเข้าไปได้อย่างไรกันล่ะครับ?”
“นั่นคือเรื่องของนาย”
“อะไรนะครับ?”
“ไอ้หยา คุณอา ผมรู้ว่าคุณทำได้แน่นอนครับ ไม่อย่างนั้น คุณเองก็คงไม่อยากให้พวกเราสองคนวิ่งมาทางนี้บ่อยๆหรอกใช่ไหม? มันอันตรายมากเลยนะ คุณอารปภ.”
ประโยคสุดท้าย คิวคิวยิ้มซะจนดวงตาจิ้งจอกเจ้าเลห์คู่นั้นโค้งงอราวกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
พวกรปภ. แทบจะหายใจไม่ออก
นี่คือท่านบรรพบุรุษของเขาจริงๆ!!
สุดท้าย หนูรินจังก็ถูกพวกพี่ชายพาไปที่คิวเอสวาย พวกเขานัดหมายกันดีแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หม่ามี๊จับได้ หลังจากที่หม่ามี๊มาส่งที่โรงเรียนประถมศึกษาซากุระในตอนเช้า รปภ.ก็จะเดินทางมารับเธอไปที่ คิวเอสวาย
จากนั้นเมื่อใกล้จะเลิกเรียน ก็ค่อยพาเธอกลับมาส่ง
อยากจะคุกเข่าลงให้กับท่านบรรพบุรุษน้อยสองคนนี้เสียจริงๆ
——
เส้นหมี่ยังคงอยู่ในห้องไอซียูรอให้ไวท์รอนฟื้นขึ้นมา
มองดูเวลาเห็นว่าใกล้จะเลิกงานแล้ว แต่ชายคนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมตัวที่จะไปเปลี่ยนกับหมอนัทคนนั้น
แต่เธอเพิ่งจะลุกขึ้น คนที่นอนอยู่บนเตียง จู่ ๆ ก็ขยับตัว
“คุณไวท์รอน? คุณฟื้นแล้วเหรอ?”
เธอได้ยินแล้วจึงรีบหันกลับมาทันที
มันน่าจริงๆ คนที่รอมาเป็นวันไม่ฟื้น แต่ในเวลานี้ กลับขยับหนังตา และเห็นว่าเขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“คือ……คุณ?”
เป็นไปตามคาด ชายหนุ่มที่เพิ่งตื่นขึ้นมาก็จำเธอได้
เส้นหมี่โค้งตัวลงไป หยิบหูฟังแพทย์ที่คล้องคออยู่ขึ้นมาแล้ววางลงบนหน้าอกของเขา
“ใช่ เป็นฉันเอง คุณไวท์รอน คุณรู้สึกยังไงบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เธอไม่คิดจะพูดถึงเรื่องที่ผ่านมา แต่หลังจากที่เห็นว่าเขาฟื้นแล้ว ในขณะที่ทำการตรวจอาการเขา ก็เลยถามถึงว่าเขารู้สึกยังไงบ้าง
การฟื้นหลังการผ่าตัด ความรู้สึกของตัวผู้ป่วยนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก
ไวท์รอนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าไม่สบายมาก เพราะบนหน้าผากดูขาวซีดจนเกือบจะโปร่งใส จนสามารถเห็นเหงื่อบางๆที่ไหลออกมาได้อย่างชัดเจน
“เจ็บ…..”
เส้นหมี่ : “……..”
ชั่วครู่นั้นก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไรดี
เพราะว่าสำหรับผู้ป่วยเช่นเขา เมื่อยาตัวใดตัวหนึ่งหมดฤทธิ์แล้ว ก็ย่อมที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดนั้นไม่ได้
เส้นหมี่จึงทำได้เพียงแค่ก้มศีรษะลง หยิบเข็มเรียวเล็กอันหนึ่งออกมาจากในตัว จากนั้นเปิดผ้าห่มเขาออก แล้วแทงเข็มลงบนหน้าอกและหน้าท้องของเขาไปสองสามตำแหน่ง
“อันนี้จะช่วยได้เพียงแค่บรรเทาอาการปวดของคุณได้สักพัก หลังจากช่วงเวลาเจ็บปวดที่สุดผ่านไปแล้ว คุณก็น่าจะดีขึ้นบ้าง”
“……ครับ ขอบคุณครับ”