องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 252 ย้อนเวลากลับมา
รถแล่นเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว พวกเขาหลบหลีกการมองเห็นต่าง ๆ และในที่สุดก็มาถึงเชิงเขา
มีคนวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และเธอก็สะพายกล่องยาตามหลังขึ้นไป ทุกละคนได้มีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดีแล้ว
ครั้งนี้งานของพวกเขาคือการสกัดกั้นคนพวกนั้นที่จะเข้ามาในเขตแดน เนื่องจากได้รับข่าวของซูมู่หรง ดังนั้นซูมู่หรงจึงเดินเร็วก้าวหนึ่งก้าว และพวกเขาต้องตามหลัง
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงจุดข้ามเขตแดน พวกเขาพบร่องรอยการต่อสู้ และยังมีเลือดอยู่บนพื้น
ฉีเฟยอวิ๋นก้าวไปข้างหน้าในทันที เธอแตะเลือดและดมกลิ่น:“มันยังสดอยู่”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบ ๆ:“ทุกคนแยกย้ายกันไปตามหา พวกเขาต้องอยู่แถว ๆ นี้แน่”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบถุงมือและเก็บเลือดใส่ในหลอดทดลอง
จากนั้นก็เปิดเครื่องทดสอบในกล่องยาและเริ่มทำการตรวจสอบเลือด
เลือดนี้ตรงกับซูมู่หรงอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น:“เร่งการค้นหา หัวหน้าได้รับบาดเจ็บ”
ทุกคนเร่งการค้นหา ฉีเฟยอวิ๋นมองหาตามริมถนน เธออาศัยความรู้สึกของเธอและพบเลือดบนพื้น มีคนสองคนตายอยู่ข้างหน้า
แต่ข้างหน้ายังมีอีก
ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงการต่อสู้ จึงรีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อวิ่งไปถึงข้างหน้า เธอก็เห็นว่าซูมู่หรงกำลังต่อสู้กับชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปที่ขาของซูมู่หรง ขาของซูมู่หรงได้รับบาดเจ็บ
เธอหยิบกล่องยาวางลงข้าง ๆ จากนั้นก็หยิบมีดออกมาจากด้านหลัง แล้วพุ่งไปเตะคนคนนั้นออกไป
ฝ่ายตรงข้ามก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ดูเหมือนขาจะเป็นคนที่โหดเหี้ยม
ซูมู่หรงตั้งท่าจะรับมือและตะโกนว่า:“ปืนล่ะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“ไม่รู้”
จากนั้นก็คลำหา แต่ไม่ได้เอามา
สำหรับพวกเขาแล้ว การไม่มีปืนก็เท่ากับการสูญเสียชีวิต
ฉีเฟยอวิ๋นรีบกระโจนเข้าใส่ แต่ซูมู่หรงไม่สามารถยืนนิ่งได้และล้มลงกับพื้น
เนื่องจากแรงที่พุ่งเข้าใส่และฝ่ายตรงข้ามก็ได้รับบาดเจ็บ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในเวลาอันสั้น ฉีเฟยอวิ๋นบังคับให้คู่ต่อสู้ถอยร่นออกไป เธอถามว่า:“จะเก็บไว้ไหม?”
“ฆ่าซะ!”
ซูมู่หรงออกคำสั่ง ฉีเฟยอวิ๋นยกมีดขึ้นแล้วลงมือ ร่างกายของอีกฝ่ายสั่นสะท้าน และทิ้งรอยเลือดสีแดงไว้ที่คอ จากนั้นร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้น
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปหาซูมู่หรง ใบหน้าของซูมู่หรงซีดขาว เย่อหยิ่งและเย็นชา
ทันใดนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็พบว่าในเวลานี้ซูมู่หรงอยู่ในวัยยี่สิบกว่าปี
และดูเหมือนว่าพวกเขาเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน
ฉีเฟยอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซูมู่หรงตะโกน:“คุณยังไม่มาอีก อยากให้ผมตายหรือไง?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเดินเข้าไปในทันที
คงจะไม่ได้ย้อนเวลากลับมาหรอกนะ?
ฉีเฟยอวิ๋นรีบไปหากล่องยา และกลับมาดูบาดแผลที่ขาของซูมู่หรง
เป็นบาดแผลจากมีด ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบจัดการในทันที ซูมู่หรงนอนราบอยู่บนพื้นและหายใจหอบ
ฉีเฟยอวิ๋นจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และหยิบเข็มออกมาฉีดยาให้ซูมู่หรง ซูมู่หรงมองไปที่ ฉีเฟยอวิ๋นด้วยความประหลาดใจ:“ปืนของคุณล่ะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบ เธอเหนื่อยและนั่งลงมองซูมู่หรง
ซูมู่หรงต้องการพักผ่อนและหลับไปสักพัก
ฉีเฟยอวิ๋นรอคนอื่นที่เหลืออยู่หลายชั่วโมงแต่ก็ไม่เห็นมีใครเลย สุดท้ายเธอจึงต้องเป็นฝ่ายติดต่อพวกเขา
แต่ไม่คิดว่าจะไม่สามารถติดต่อได้ และตอนนี้ก็มืดแล้ว!
อยู่บนภูเขาท่ามกลางความมืดนั้นอันตรายมาก เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าซูมู่หรงยังไม่ดีขึ้น เธอก็เป็นกังวลว่าซูมู่หรงจะเป็นอะไรไป
“คุณพอจะเดินไหวไหม?” ฉีเฟยอวิ๋นพยายามจะช่วยพยุงซูมู่หรงขึ้นมา ซูมู่หรงมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นด้วยความแปลกใจ
“คุณเป็นใคร?”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองซูมู่หรง:“ฉันคือฉีเฟยอวิ๋นไง”
“คุณไม่ใช่ แววตาของคุณไม่ใช่อย่างนี้ คุณเป็นใครกันแน่?”
ซูมู่หรงบีบคอของฉีเฟยอวิ๋น เธอถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ซูมู่หรงโน้มตัวเข้าไปใกล้:“คุณเอาคนไปไว้ที่ไหน?”
“ฉันคือฉีเฟยอวิ๋น”
“คุณไม่ใช่ ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เรียกตัวเองว่าฉีเฟยอวิ๋นอย่างนี้” ซูมู่หรงเตือน ทันใดนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็นึกขึ้นได้ว่าเธอมีชื่อรหัสประจำตัว รวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย เดิมทีแล้วเวลาที่ปฏิบัติภารกิจจะไม่สามารถพูดชื่อของตัวเองได้
“หัวหน้า ฉัน……”
“คุณเรียกผมว่าอะไรนะ?” ซูมู่หรงออกแรงที่มือมากขึ้น และเกือบจะหักคอของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นหายใจเฮือก
เวลาที่เธอเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ เธอจะเรียกซูมู่หรงว่าครูฝึก
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่ใบหน้าที่ยังหนุ่มของซูมู่หรง เธอพูดอะไรไม่ออกและไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นเธอจึงหลับตาและรอความตาย!
ซูมู่หรงปล่อยมือและโยนฉีเฟยอวิ๋นออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นล้มลงไปนอนและพยายามลุกขึ้น ซูมู่หรงจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“คุณไม่ใช่เธอ เธอลุกขึ้นเร็วกว่าคุณมาก และการเคลื่อนไหวของคุณก็ช้ามากเกินไป”
ฉีเฟยอวิ๋นมอง:“นั่นเป็นเพราะคุณมุ่งเป้ามาที่ฉัน คุณต้องการให้ฉันออกไป พอฉันไม่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คุณก็จะให้ฉันจากไป”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและกล่าวว่า:“คุณมีปานที่ขาด้านใน”
ซูมู่หรงมอง:“คุณบังคับให้เธอพูดอย่างนั้นเหรอ?”
ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะเยาะ:“ฉันยังไม่ได้เบื่อหน่ายขนาดนั้น อีกอย่างบังคับฉัน แ้วฉันจะบอกงั้นเหรอ?”
ฉันไม่น่าเบื่อขนาดนั้นหรอก
ซูมู่หรงเริ่มแปลกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ:“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินกลับไปนั่งลง เธอมองดูใบหน้าของซูมู่หรงอย่างละเอียด และถอนหายใจ:“ที่แท้เมื่อสิบปีก่อนหัวหน้าก็มีความสามารถโดดเด่นและมีเสน่ห์
ฉันคิดมาโดยตลอดว่าคุณไม่ได้หน้าตาดีเท่าเขา แต่ไม่คิดว่าจะพอ ๆ กัน”
“พูดเพ้อเจ้ออะไร?” ซูมู่หรงโมโหจนหน้าแดงก่ำ
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง:“หัวหน้า ฉันคิดถึงคุณมาก คิดถึงพวกคุณด้วย!”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่แน่ใจว่าเธอกำลังฝันอยู่หรือไม่ แต่ในเวลานี้เธอรู้สึกเสียใจมาก และน้ำตาคลอเบ้า
ซูมู่หรงมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นราวกับเธอเป็นสัตว์ประหลาด ฉีเฟยอวิ๋นกอดซูมู่หรง:“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นความว่างเปล่าหรือว่าอะไร?ฉันคิดว่าฉันอยากจะกลับมาหาพวกคุณ แต่จู่ ๆ ฉันก็พบว่าฉันไม่สามารถตัดใจจากเขาได้ ฉันจะทำยังไงดี?”
ทันใดนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ร้องไห้ออกมา มือของซูมู่หรงทรุดลง และร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ ราวกับก้อนหิน
เขาไม่เคยกอดฉีเฟยอวิ๋นมาก่อน
เขาชอบฉีเฟยอวิ๋น แต่เขาไม่เคยแสดงความรู้สึกใด ๆ ระหว่างพวกเขาเลย
มันไม่ได้รับการอนุญาต
ฉีเฟยอวิ๋นหลั่งน้ำตาออกมา ซูมู่หรงกอดฉีเฟยอวิ๋น และพูดเบา ๆ ว่า:“ไม่ต้องร้องนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นแน่นจมูก จากนั้นก็ออกห่างจากซูมู่หรง
ซูมู่หรงหน้าแดงเล็กน้อย และยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋น:“เราไปกันเถอะ ช่วยพยุงผมด้วย”
ฉีเฟยอวิ๋นโน้มตัวลงและดึงแขนของซูมู่หรงหน้าขึ้นมา
ร่างกายของซูมู่หรงกดทับลงบนไหล่ของฉีเฟยอวิ๋น แขามองดูผมสั้น ๆ ของฉีเฟยอวิ๋น และจ้องมองใบที่หน้าของฉีเฟยอวิ๋น
“เขาเป็นใคร?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบ ซูมู่หรงจึงถามว่า:“เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายเหรอ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบ ซูมู่หรงจึงเข้าใจผิด
เธอได้รับการฝึกฝนตั้งแต่เธออยู่ในโรงเรียนมัธยม
ทั้งสองลงจากภูเขา ผู้คนที่อยู่ที่เชิงเขารีบวิ่งขึ้นไปช่วยซูมู่หรง และพาซูมู่หรงเข้าไปในรถ ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เขานอนลงในรถและจ้องมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น
“ผมจะนอนสักแป๊ป คุณอยู่เป็นเพื่อนผมนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบ เธอย้อนเวลากลับมาแล้ว?
หลังจากที่ซูมู่หรงถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล ฉีเฟยอวิ๋นก็กลับไปที่บ้าน และไปที่ห้องปฏิบัติการอีกครั้ง ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าเธอย้อนเวลากลับมา