องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 527 พระชายาตวนต้องการหย่า
อาอวี่ยังคงส่งเสียงดังและเมื่อเหนื่อยแล้วก็หยุดร้องตะโกน ทว่ากลับนั่งลงในห้องขังและโทษตนเอง หากรู้แต่แรกก็ไปรายงานท่านอ๋องแล้ว ในตอนนี้เป็นเช่นนี้ท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเขาและพระชายาอยู่ที่นี่กลับกลายเป็นไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
ฉีเฟยอวิ๋นนั้นอยู่ในห้องขังอย่างสงบนิ่ง เฝ้าดูหวังฮวายเต๋อและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่
หวังฮวายเต๋อมีอาการหอบหืดและกำเริบในสภาพแวดล้อมเช่นนี้แสดงว่าไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่นี่ได้ และมีโอกาสที่จะกำเริบขึ้นมาอีก
ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าโรคหอบหืดของหวังฮวายเต๋อจะกำเริบนางจึงคอยเฝ้าดูหวังฮวายเต๋อโดยไม่ได้หยุดพัก
หวังฮวายเต๋อนั้นพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ แต่เดิมนี้นอยู่ในภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลอยู่ตลอด ตั้งแต่กินยาที่ฉีเฟยอวิ๋นให้มาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก ในเวลานี้หลับไปราวกับเสียงฟ้าฝ่าเข้าที่หูซึ่งเสียงกรนนั้นดังสนั่นหวั่นไหว
โชคดีที่ฉีเฟยอวิ๋นนั้นมีความอดทนสูงจึงไม่ได้ลุกขึ้นมาปิดหน้าหวังฮวายเต๋อจนตายไปเลยโดยตรง
เมื่อหนานกงเย่กลับจากด้านนอกท้องฟ้าก็มืดแล้ว เจ้าประตูมาจึงตรงไปยังสวนดอกกล้วยไม้เข้าไปในลานก็ต้องไปดูภรรยาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เมื่อถึงหน้าประตูห้องเงยหน้าขึ้นก็เห็นในห้องนั้นมืดสนิท
หนานกงเย่หยุดและมองไปรอบๆ ไม่มีผู้ใดอยู่ในลานเลย มองไปยังเรือนจวินจื่อทางโน้นแล้วหนานกงเย่ก็ไปตามหา
หลังจากเข้าไปในเรือนจวินจื่อแล้วก็ตรงไปยังห้องของบุตรชายทั้งหลาย ถึงตรงหน้าประตูก็เคาะ: “ข้าเอง”
หนานกงเย่รายงานตนเองพร้อมกับมองดูผู้คนในลานด้วย
ลานของเรือนจวินจื่อนั้นจัดผู้คนไว้มากมาย ทุกๆห้องนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่ โฮ่วเซิงทั้งครอบครัวก็อยู่ด้วย แต่ในเวลานี้พวกเขากำลังทานอาหารอยู่ในห้อง ประตูเปิดออกแล้วหนานกงก็เห็นได้เลย
นี่เป็นครอบครัวที่ไม่ชอบปะปนกับคนอื่นๆครอบครั้วหนึ่ง หนานกงเย่เหลือบมองเพื่อดูผู้อื่นแต่ก็แปลกใจอยู่บ้างที่ไม่เห็นอาอวี่
อวิ๋นจิ่นในห้องตอบรับจึงได้เปิดประตูออก
เมื่อเห็นอวิ๋นจิ่นหนานกงเย่รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง: “พระชายาหล่ะ?”
อวิ๋นจิ่นรีบตอบว่า: “นายท่านออกไปตอนเที่ยงยังไม่กลับมาเลย กำลังคิดที่จะไปถามเรื่องนี้และได้ส่งคนออกไปแล้ว”
“ยังไม่กลับหรือ?”
“เพคะ”
อวิ๋นจิ่นก็วิตกกังวลในเรื่องนี้เช่นกัน
“ท่านแม่ทัพหล่ะ?” หนานกงเย่ใบหน้าเคร่งขรึมและเหลือบมองไปยังในห้อง
“มารดาเฒ่าของทหารหาญผู้หนึ่งของแม่ทัพฉีเสียชีวิตจึงไปตั้งแต่เช้าและยังไม่กลับมา ตามธรรมเนียมของชนบทอย่างน้อยอีกสามวันท่านแม่ทัพฉีถึงจะกลับมา” อวิ๋นจิ่นกำลังเป็นกังวลในเรื่องนี้
หนานกงเย่มองดูอวิ๋นจิ่นครู่หนึ่ง: เจ้าห้ามไปไหน ปกป้องเสี่ยวซื่อจื่อทั้งหลาย ข้าจะออกไปดู”
“ท่านอ๋อง……วันนี้ขณะที่พระชายาออกไปนั้นเนื่องจากเป็นห่วงท่านอ๋องถึงได้ออกไป น่าจะไปยังที่จวนต้ากั๋วจิ้ว” อวิ๋นจิ่นสงสัยว่าเรื่องราวเกิดขึ้นจากที่จวนต้ากั๋วจิ้ว บางทีอาจเป็นคนของต้ากั๋วจิ้วซึ่งเป็นสุนัขจนตรอกจึงได้จับคนไป ในเมื่อสามารถให้ชุนหงเข้าไปลอบสังหารในจวนได้แล้วยังจะมีเรื่องใดที่กระทำไม่ได้อีก?
หนานกงเย่กล่าวว่า: “ป้องกันให้เข้มงวด ห้ามมิให้ผู้ใดภายในจวนเข้าออก ข้าจะไปตามหาพระชายา”
หลังจากออกมาจากเรือนจวินจื่อแล้วหนานกงเย่ก็ใช้กำลังคนปิดจวนอ๋องเย่ก่อน จากนั้นจึงออกจากจวนอ๋องเย่เพื่อตามหาคน
สิ่งแรกที่มองหาคือจวนต้ากั๋วจิ้วทางนั้น แต่ไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องราวของฉีเฟยอวิ๋นเลยตลอดทาง
เมื่อมาถึงจวนกั๋วจิ้วหนานกงเย่ก็เงยหน้าขึ้นมองและย่างก้าวเข้าไปในจวนกั๋วจิ้ว
จวนกั๋วจิ้วนั้นรกร้าง ถูกยึดทรัพย์สินซะจนจำไม่ได้แล้ว
ในเวลานี้หวังเสียนกำลังจัดการเรื่องราวในจวน ต้ากั๋วจิ้วถูกจับแต่การดำเนินชีวิตของจวนกั๋วจิ้วก็ยังคงต้องดำเนินต่อ จำนวนคนหลายร้อยคนไม่กินไม่ดื่มก็ไม่ได้
อยู่ๆก็เห็นหนานกงเย่นำคนเข้ามาในจวนกั๋วจิ้ว
“อ๋องเย่” หวังเสียนยังคงเปลี่ยนคำเรียกไม่ได้ เช่นไรก็เห็นหนานกงเย่เติบใหญ่มา เขาผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องคนโตนี้ที่จริงนั้นมีความรู้สึกที่ดีต่อลูกพี่ลูกน้องคนเล็กผู้นี้
หนานกงเย่ไม่ถือสาสิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ผู้ที่ในเวลานี้ยังเรียกเขาว่าอ๋องเย่ได้ล้วนแล้วแต่เป็นคนใกล้ชิดเขาทั้งสิ้น
“อ๋องหวังเสียนไม่ต้องเกรงใจข้าไม่ได้มาเรื่องงานราชการแต่มาด้วยเรื่องส่วนตัวเรื่องหนึ่ง” หนานกงเย่เหลือบมองไปรอบๆและพิจารณาว่าคนนั้นไม่ได้อยู่ในจวนกั๋วจิ้ว หากว่าอยู่ผู้คนในจวนกั๋วจิ้วจะไม่มองเขาด้วยแววตาหวาดกลัวเช่นนั้น
หวังเสียนยังคงสงบนิ่ง มีท่านป้าอยู่ที่จวนกั๋วจิ้วของพวกเขาไม่มีทางเกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงใดได้
หวังสียนถามว่า: “ท่านอ๋องเชิญกล่าว”
หนานกงเย่ก็ไม่เกรงใจเช่นกัน: “วันนี้ข้ายุ่งในงานราชการจึงไม่ได้กลับไปที่จวนเลย เมื่อครู่กลับไปได้ยินว่าพระชายาออกมาตามหาข้าและมายังจวนกั๋วจิ้ว ในเวลานี้พระชายายังไม่กลับไปข้าจึงมาเพื่อตามหาคน”
เมื่อได้ยินว่าอ๋องเย่มาตามหาคนหวังสียนก็กล่าวขึ้นทันทีว่า: “คนในจวนกั๋วจิ้วไม่ได้เข้าออกเลยสักคน คนนั้นย่อมต้องไม่อยู่ที่นี่อยู่แล้ว”
หนานกงเย่เชื่อหวังเสียน จากนั้นมองไปรอบๆหนานกงเย่ก็ถามขึ้นว่า: “คนทั้งหมดในจวนกั๋วจิ้วอยู่ที่นี่หรือ?”
“อยู่ที่นี่ทั้งหมด” จุดนี้หวังเสียนรับประกันได้
หนานกงเย่เชื่อในตัวลูกพี่ลูกน้องคนโตผู้นี้มาโดยตลอด เช่นไรความสามารถของเขานั้นธรรมดาเกินไป
“ในเมื่อพระชายาไม่อยู่ที่นี่ข้าก็ไม่รบกวนแล้ว” หนานกงเย่กังวลในการตามหาคนจึงหันหลังเดินออกมาจากจวนกั๋วจิ้วเลย ออกจากประตูก็สั่งการให้ปิดเมืองหลวงทันทีแล้วส่งคนไปตามหาฉีเฟยอวิ๋นตลอดทั้งคืน ที่ใดที่อาจจะไปก็ได้ส่งคนไปตามหาแล้วรอบหนึ่ง
ในช่วงสองสามวันนี้อวิ๋นหลัวฉวนอยู่ที่เรือนโดยถูกอ๋องตวนเฝ้าดูอยู่ตลอด เพียงเพราะอวิ๋นหลัวฉวนถือสาเรื่องของจวินฉูฉู่ทั้งสองคนจึงทะเลาะกันสองสามคำจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คืนดีกัน ดังนั้นในเมืองหลวงเกิดเรื่องใดขึ้นบ้างอวิ๋นหลัวฉวนก็ไม่ชัดเจน คิดที่จะไปหาฉีเฟยอวิ๋นแต่ไม่มีโอกาสเลยสักครั้ง
และทั้งคู่ก็ทะเลาะกันมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งสองคนยิ่งอยู่ยิ่งเพิกเฉยต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มรใครพูดคุยกับใครเลย แต่การที่อวิ๋นหลัวฉวนต้องการออกไปข้างนอกนั้นยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก
เนื่องจากอวิ๋นหลัวฉวนแม้แต่ตงเอ๋อร์ก็ถูกเกี่ยวพันไปด้วย อ๋องตวนนั้นขังตงเอ๋อร์เอาไว้ด้วย
วันนี้หนานกงเย่ได้ส่งคนมาตามหาคนในจวนถึงได้รู้ว่เรื่องที่อวิ๋นหลัวฉวนถูกกักขัง
“เหตุใดท่านพี่ถึงหายไป? ท่านรีบพูดเร็ว” ผู้ที่มานั้นมาจากจวนอ๋องเย่ อ๋องตวนฟังอยู่อวิ๋นหลัวฉวนก็เดินออกมาจากในลานด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้เลย
ในมุมมองของอวิ๋นหลัวฉวนไม่ว่าจะเป็นผู้ใด เพียงแค่ทำร้ายฉีเฟยอวิ๋นนั่นก็เป็นศัตรูอันใหญ่หลวงที่สุดของนาง
อ๋องตวนยืนดูอยู่ฝั่งหนึ่งด้วยความรู้สึกผสมคละเคล้าในใจ เขาเทียบไม่ได้แม้กระทั่งกับคนนอก
“ท่านอ๋องยังตามหาอยู่ รายละเอียดนั้นไม่ทราบมาก็เพื่อถามดู หากว่าไม่มีก็จะไปตามหาที่อื่น พระชายาตวนอย่าได้ร้อนใจไปหากหาคนเจอแล้วจะมาทูลต่อพระชายาเลี่ยงไม่ให้พระชายาเป็นห่วง” ผู้ที่มาตามหาคนกล่าวจบก็จากไป อวิ๋นหลัวฉวนนั้นไม่สนใจสิ่งใดแล้วกล่าวสิ่งใดก็จะตรงดิ่งออกไปเพื่อไปตามหาคน
เดิมทีอ๋องตวนตั้งใจจะเกลี้ยกล่อมนางสักสองสามคำ แต่อวิ๋นหลัวฉวนนั้นร้อนใจที่จะออกไปด้านนอกและกล่าวคำสองสามคำที่ไม่น่าฟัง ทั้งสองคนเจ้ามาข้าไปคนละอย่างท้ายที่สุดก็ทะเลาะกันขึ้นมาซะแล้ว
ทะเลาะกันสองประโยคก็ช่างเถอะแต่ในที่สุดก็ลงไม้ลงมือ
พระชายาเย่หาตัวไม่เจอส่วนอ๋องตวนและพระชายาตวนก็ต่อสู้กันขึ้น ทำให้ผู้คนในจวนอ๋องตวนแต่ละคนนั้นไม่เข้าใจ นี่เป็นการหาเรื่องต่อสู้กัน
ไม่มีผู้ใดห้าม เช่นไรก็สู้กันไม่เสียหายอยู่ดี
ในที่สุดอ๋องตวนราวกับรื้อถอนเรือนเช่นนั้น นายท่านทั้งสองต่อสู้กันขึ้นและไม่มีผู้ใดห้ามเลย
อวิ๋นหลัวฉวนคิดที่จะไปทางหลังคาจึงกระโดดขึ้นไปบนหลังคา แต่อ๋องตวนเอื้อมมือออกไปเร็วกว่าครู่เดียวก็ตามขึ้นไปได้และดึงจากด้านหลัง ทั้งสองคนกอดกันราวกับเชือกที่กำลังบิดกันเป็นเกลียวและหมุนลงมาสู่พื้นดิน
เมื่อลงมาแล้วอวิ๋นหลัวฉวนมองไปยังอ๋องตวนและคำรามขึ้นว่า: “หม่อมฉันต้องการหย่า!”
อ๋องตวนได้ยินว่าก็โมโหแล้วก้มลงอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนขึ้นมา จากนั้นหันกลับไปที่เรือนเซี่ยวเฟิงเรือนหลัง
“วันนี้ข้าจะดูว่าฉวนเอ๋อร์จะหย่าจากข้าได้เช่นไร?”
อ๋องตวนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนถึงแม้ว่านางจะสลัดเช่นไรก็ไม่ยอมปล่อยและเดินกลับไปที่เรือนเซี่ยวเฟิงตลอดทาง เข้าประตูไปก็กดทับคนไว้บนเตียงจนทำให้คนรับใช้หวาดกลัวจนวิ่งหนีไปไม่เห็นแม้แต่เงา