คำพูดเย่เซิ่งเทียนกล่าวออกมานั้น ทำให้เกิดเสียงเยาะเย้ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้ปกครองพวกนี้กำลังรอดูความสนุกสนาม
ชายคนหนึ่งกล่าวเยาะเย้ยว่า “รนหาที่ตาย ยังกล้าตีพี่หลานอีก เขาไม่รู้หรือว่าสามีของพี่หลานคือจ้าวชวนเหรอ?”
อีกคนหนึ่งกล่าวถากถางว่า “จ้าวชวนเป็นคนลงทุนโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ คงจะเบื่อชีวิตแล้ว”
อีกคนกล่าวแปลก ๆ ว่า “ทุกคนต่างรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกนอกคอก? การที่พี่หลานอบรมสั่งสอนนั้นถือเป็นวาสนาของเธอแล้ว อีกอย่างเด็กที่ไม่เชื่อฟังก็ควรจะได้รับการอบรมสั่งสอน”
คนเหล่านี้ต่างวิพากษ์วิจารณ์ และกล่าวเย้นหยัน
เพราะคนตระกูลจ้าวนั้นไม่ใช่คนที่สามารถล่วงเกินได้?
เพราะตระกูลจ้าวเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่เชียวน่ะ
พี่หลานร้องไห้และโทรศัพท์ไปหาสามี “จ้าวชวน พวกเราสองแม่ลูกถูกคนทำร้ายจนเกือบตาย คุณรีบมาเดี๋ยวนี้”
หลังจากวางสาย พี่หลานกล่าวอย่างดุดันว่า “สามีของฉันจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ ต่อให้คุณคุกเข่าขอโทษฉัน มันก็สายเกินไปแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น? แม่เสี่ยวเป่า ใครรังแกคุณ?”
ครูโจวที่เป็นครูประจำชั้นของซือซือรีบเดินเข้ามา และถามอย่างประจบสอพลอ
เสี่ยวเป่ากล่าวด้วยความโมโหว่า “ครูโจว เด็กนอกคอกเย่เยว่ซือทำร้ายผม พ่อของเธอยังทำร้ายแม่ผมอีกด้วย”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ครูโจวรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก หันไปชี้ซือซือแล้วด่าว่า “เจ้าเด็กนอกคอก ไม่ได้จัดการแกแค่สองวัน เกเรแล้วใช่ไหม? ยังกล้าทำร้ายคนอื่นอีก? คอยดูว่าฉันจะจัดการแกอย่างไร?”
ซือซือกล่าวด้วยความหวาดกลัวว่า “ครูโจว เสี่ยวเป่าและแม่ของเขาตีหนู หนูไม่ได้ตีเขา”
“แกยังกล้าพูดยอกย้อนอีก?”
ครูโจวยืนกอดอกและด่าว่า “เด็กนอกคอกที่มีคนเลี้ยงแต่ไม่มีคนอบรมสั่งสอน ที่ฉันไม่ไล่แกออกนั้นถือเป็นความเมตตาที่สุดแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีใครอบรมสั่งสอนขนาดนี้ ชอบรังแกเด็กคนอื่น คอยดูว่าฉันจะจัดการแกอย่างไร?”
เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้ว
ในฐานะครู ผู้หญิงคนนี้เป็นครู แต่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มาถึงก็กล่าวหาซือซือ
ไม่สมควรเป็นครูจริง ๆ!
เย่เซิ่งเทียนระงับความโกรธ “ครูโจว หลังจากลูกสาวของผมถูกลูกชายของเธอตีแล้ว ผมตอบโต้ไม่ได้หรือ?”
นึกไม่ถึงว่าคำพูดประโยคนี้จะเป็นการตีรังแตน
“แล้วทำไมเสี่ยวเป่าไม่ตีคนอื่น แล้วตีแค่เธอคนเดียวล่ะ? เจ้าเด็กนอกคอกคนนี้ยั่วยุเสี่ยวเป่าก่อนแน่นอน อีกอย่างเรื่องระหว่างเด็ก แค่ถูกตีครั้งเดียวนั้นไม่ตายหรอก และการที่แม่เสี่ยวเป่าอบรมสั่งสอนเธอ นั่นเป็นเพราะหวังดีต่อเธอ”
ครูโจวรู้สึกโมโหเป็นอย่างมากและด่าอย่างรุนแรง
ยังไม่ทันที่เย่เซิ่งเทียนจะพูดอะไร ผู้ปกครองที่อยู่รอบข้างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง
มีคนกระเดาปากและกล่าวว่า “ครูโจวหวังดีต่อเด็ก แค่ถูกตีไปครั้งเดียวเท่านั้น? ไม่เห็นจะเสียหายอะไร?”
อีกคนกล่าวเย้ยหยันว่า “ผู้ปกครองประเภทนี้ที่ไม่แยกแยะเรื่องถูกผิด ยังคิดว่าตนเองมีเหตุผล และพวกเราทุกคนต่างมอบของขวัญให้ครูโจวทุกเทศกาล มีแต่ครอบครัวของเขาเท่านั้นที่ไม่ได้มอบของขวัญ ไม่สำนึกบุญคุณเลยสักนิด”
ยังมีคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สำหรับครอบครัวที่ไม่เต็มใจแม้แต่มอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็เป็นเรื่องปกติที่เด็กจะไม่มีสัมมาคารวะ”
เมื่อมีคนหนุนหลัง ครูโจวยิ่งผยอง และกล่าวอย่างดุร้ายว่า “คุณเป็นพ่อคนไหนของเจ้าเด็กนอกคอก? ฉันจะเป็นครูแบบนี้แหละ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ? ไม่แปลกใจที่เด็กนอกคอกคนนี้ไม่มีสัมมาคารวะ ที่แท้เป็นกรรมพันธุ์”
เพี๊ยะ
สิ่งที่ตอบเธอคือการตบหน้า
ครูโจวถูกทุบตบจนมึนงง
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าทำร้ายตนเอง!
ผู้ปกครองเหล่านี้ล้วนแต่ประจบตนเองมาโดยตลอด อย่าว่าแต่ตีเลย พวกเขาไม่กล้าโต้แย้งสักประโยคด้วยซ้ำ
ตอนนี้พ่อของเด็กนอกคอกคนนี้กล้าทำร้ายตนเอง!
ผู้ปกครองที่อยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง
เย่เซิ่งเทียนผยองเกินไปแล้ว กล้าทำร้ายแม้แต่ครูโจว
ครูโจวจับหน้าตนเองและตะโกนด่าว่า “คุณ คุณกล้าดียังไงมาทำร้ายฉัน?”
เย่เซิ่งเทียนตบหน้าเธออีกครั้ง และกล่าวราบเรียบว่า “คุณคู่ควรเป็นครูหรือ?”
“เธอคู่ควรหรือไม่นั้นผมไม่รู้ แต่ถ้าวันนี้คุณไม่ทิ้งอวัยวะบางส่วนไว้ที่นี่ ก็อย่าคิดที่ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้”
จ้าวชวนสามีของพี่หลานมาพร้อมอันธพาลจำนวนหนึ่ง และล้อมเย่เซิ่งเทียนและลูกสาวเอาไว้
จ้าวชวนใช้ไม้เบสบอลชี้ไปที่เย่เซิ่งเทียนและกล่าวว่า “กล้าทำร้ายลูกเมียผม คุณเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม? หักขามันข้างหนึ่ง”
เย่เซิ่งเทียนอุ้มซือซือ และกล่าวราบเรียบว่า “ถ้าขอโทษลูกสาวของผมตอนนี้ ผมสามารถถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มิเช่นนั้น ถึงคุณคุกเข่าขอร้องผมก็ไร้ประโยชน์”