เลือดพุ่งออกมาจากปากของอู๋เจิงหยง
“คุณเย่ คุณหวาง ผมจะจัดการคนพวกนี้เดี๋ยวนี้ ต้องขออภัยที่ทำให้พวกคุณสองคนตกใจ”
สารวัตรโจวกล่าวด้วยความตกใจและกลัวจนใจเต้นรัว แล้วมองไปมองหนานกงหยู่
แม่งฉิบหาย!
กล้ายุยั่วเจ้าเทพและนายหญิง เบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม
สารวัตรโจวสะบัดแขนและตบไปที่หน้าของหนานกงหยู่
“กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ดูเหมือนว่าคุณจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม!”
หนานกงหยู่ถูกทำร้ายจนเลือดเต็มปาก และตกใจเป็นอย่างมาก เขาคุกเข่าอย่างรวดเร็วและกำลังจะขอโทษ แต่กลับถูกสารวัตรโจวเตะล้มลงบนพื้น “คุณคู่ควรคุกเข่าให้คุณเย่หรือ?”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ให้คนจับตัวอู๋เจิงหยงออกไป
หนานกงหยู่หายใจเข้าลึก ๆ และสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
คนที่ถูกจับไปนั้นกลับเป็นอู๋เจิงหยง!
หรือว่าเจ้าเทพยังตอบแทนบุญคุณเย่เซิ่งเทียนไม่หมด? พวกเขาเข้าใจความหมายของสำนักงานจ่งตูผิด?
เป็นไปไม่ได้ ความหมายที่ซ่อนเร้นของสำนักงานจ่งตูนั่นคือเจ้าเทพกำลังแสดงให้เห็นว่าตนเองได้ตอบแทนบุญคุณเย่เซิ่งเทียนไปหมดแล้ว!
ถูกต้อง ถ้าเขาลงมือทำร้ายเย่เซิ่งเทียนต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก มันจะเป็นการดูหมิ่นเจ้าเทพ ดังนั้นสิ่งที่เจ้าเทพต้องการคือการจัดการเย่เซิ่งเทียนอย่างลับ ๆ
เพราะงานแต่งงานนั้นยิ่งใหญ่มาก และแอบอ้างชื่อของเจ้าเทพอย่างสมบูรณ์!
ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หนานกงหยู่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
หลังจากกลับไปที่นั่งของตนเองแล้ว หวางซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก และกล่าวเบา ๆ ว่า “โชคดีที่พวกเรามากับเลขาเวิน มิฉะนั้น มันจะเป็นเรื่องใหญ่”
เย่เซิ่งเทียนกลั้นยิ้มและพยักหน้าอย่างจริงจัง “ต้องขอบคุณเลขาเวินแล้ว”
หวางซีกล่าวด้วยความโมโหว่า “ฉันบอกให้เตรียมของขวัญแล้ว แต่คุณไม่ยอมให้เตรียม ตอนนี้ไม่เป็นไงล่ะ คนอื่นมีของขวัญ มีแต่พวกเราที่ไม่มี”
เย่เซิ่งเทียนปลอบโยน “ผมรู้สึกว่าเทพเจ้าเกลียดการมอบของขวัญมากที่สุด”
“ยังพูดจาเหลวไหลอีก ทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของคุณ”
หวางซีรู้สึกกระวนกระวายใจมาก เพราะทุกคนได้เตรียมของขวัญมา และการที่เธอไม่ได้เตรียมของขวัญมานั้น เป็นเพราะฟังคำพูดของเย่เซิ่งเทียน
สถานการณ์เช่นนี้ คนปกติจะต้องรู้สึกวิตกกังวล
“ฮึ่ม อย่าคิดว่าพวกคุณเข้ามาพร้อมกับเลขาเวินแล้ว ก็จะได้งานประกวดราคาในครั้งนี้?”
หนานกงหยู่มองเย่เซิ่งเทียนและหวางซีด้วยความอาฆาตแค้น เขาถูกบังคับให้คุกเข่าในงานแต่งงาน และเมื่อสักครู่ก็ถูกตบหน้าต่อสาธารณชน แล้วเขาจะพอใจได้อย่างไร
ขณะนี้ เวินเฉินเดินออกมาจากหลังเวทีและประกาศว่า “ฉันชื่อเวินเฉิน เป็นเลขาของเจ้าเทพ และเป็นคนที่รับผิดชอบงานของเขตกองทัพเจียงหนานชั่วคราว”
ฮึด
ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆ
เวินเฉินเป็นจอมพลหญิงคนแรกนับตั้งแต่การก่อตั้งกองทัพต้าเซี่ยมา!
เจ้าเทพช่างน่ากลัวมาก!
ไม่เพียงแต่บ่มเพาะความสามารถของสามเทพสงคราม แต่เขายังบ่มเพาะจอมพลหญิงอีกคนด้วย! และเธอก็เต็มใจติดตามเจ้าเทพมาที่นี่!
อย่างไรก็ตาม แค่รับผิดชอบงานของเขตกองทัพเจียงหนาน ก็สามารถทำให้ผู้คนตกใจได้แล้ว
“ยังดีที่พวกเราได้เตรียมของขวัญมา ถึงแม้จะไม่ถูกใจเจ้าเทพ แต่ก็เป็นน้ำใจ”
“ถูกต้อง ของขวัญในงานแต่งงานนั้นมอบผิดคน คราวนี้พวกเราจะผิดพลาดไม่ได้ มิฉะนั้นการสร้างเมืองใหม่จะไม่มีส่วนแบ่งของพวกเราแล้ว”
“ยึดตามธรรมเนียมไว้ ผู้คนล้วนไม่ติติง คนระดับอย่างเจ้าเทพ ไม่สนใจคุณค่าของของขวัญ แต่สนใจความคิดเห็นของสาธารณชน พวกเราเป็นตัวแทนของเมืองเฉียนถัง และของขวัญนั้นถือเป็นสิ่งที่พวกเราแสดงความเคารพเจ้าเทพ”
หนานกงหยู่คิดว่าเขาเดาเจตนาที่แท้จริงของเจ้าเทพได้ จับหน้าตนเองและมองหวางซีด้วยความเคียดแค้น “พวกคุณไม่ได้เตรียมของขวัญมาใช่ไหม? เจ้าเทพปกป้องคุ้มครองทำให้ต้าเซี่ยสงบ พวกคุณไม่มีความสำนึกบุญคุณสักนิดเลยหรือ?”
หวางซีก้มศีรษะลง เธอรู้สึกอับอายมากจนอยากหารอยแยกบนพื้นเพื่อมุดเข้าไป
เดิมทีตระกูลหวางได้เตรียมของขวัญไว้แล้ว แต่เย่เซิ่งเทียนปฏิเสธที่จะนำมา
ตอนนี้ทุกคนต่างมอบของขวัญแล้ว แต่ตนเองไม่ได้เตรียมของขวัญมา และคงเป็นไปไม่ได้ที่ตนเองจะได้โครงการมา
หวางซีรู้สึกสิ้นหวัง
หนานกงหยู่รู้สึกลำพองใจมากยิ่งขึ้น “คนที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน ไม่มีความสำนึกบุญคุณเลยสักนิด ยังอยากชนะการประกวดราคาอีก ฝันไปเถอะ”
แต่ขณะนี้ เวินเฉินกล่าวต่อไปว่า “เจ้าเทพ ไม่ชอบการมอบของขวัญ งานประกวดราคาคราวนี้ คนที่มอบของขวัญทุกคนไม่มีสิทธิ์ชนะการประกวดราคา”
“อะไรน่ะ?”
พวกหนานกงหยู่ที่เตรียมของขวัญล้ำค่าต่างรู้สึกตกตะลึง
หวางซีมองเย่เซิ่งเทียนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เขาเดาถูกเจริง ๆ
สิ่งที่เวินเฉินกล่าวต่อไป ทำให้เกิดความโกลาหลอีกครั้ง
“ในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงคุณหวางซีเท่านั้นที่ไม่ได้มอบของขวัญ เธอต้องการมาประกวดราคาจริง ๆ และไม่ใช่กลั่นแกล้งผู้อื่น ดังนั้นขอมอบโครงการทั้งหมดของเมืองใหม่ให้กับหวางซี”
“ให้…ให้ฉันหรือ?”
หวางซีรู้สึกตกตะลึง แล้วมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความมึนงง
เป็นอย่างที่พูดจริง ๆ
เดิมทีเธอต้องการเตรียมของขวัญ แต่ถูกเย่เซิ่งเทียนขวางไว้
เธอได้ละทิ้งความหวังที่จะชนะการประกวดราคาแล้ว
แต่ตอนนี้ เลขาเวินได้มอบโครงการสร้างเมืองใหม่ให้เธอจริง ๆ!
ตัวแทนของตระกูลอื่นต่างตบหน้าตนเองด้วยความเจ็บปวด “พวกเราเข้าใจความหมายของเจ้าเทพผิด!”
สีหน้าของหนานกงหยู่แข็งทื่อ เพราะทันทีที่เขากล่าวจบ เลขาเวินก็กล่าวว่าเจ้าเทพไม่ชอบให้มอบของขวัญ
นี่เป็นเรื่องที่เสียหน้ามาก!
สีหน้าแข็งทื่อลงทีละน้อย
นี้เป็นเหมือนความฝัน
“ขอบคุณ ขอบคุณค่ะ”
หวางซีลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และจริงจังเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็รู้สึกประหม่ามากเช่นกัน “ฉัน ฉันจะไม่ทำให้เจ้าเทพต้องผิดหวัง จะทำโครงการเมืองใหม่ให้ดีที่สุด”
ดวงตาที่ริษยาของหนานกงหยู่ลุกเป็นไฟ และคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกเสียใจกับการเตรียมของขวัญ
จนกระทั่งกลับบ้านแล้ว แต่หวางซียังคงไม่อยากเชื่อเลยว่าตนเองจะเป็นคนที่ชนะโครงการเมืองใหม่จริง ๆ และยังเป็นรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว!
“ได้โครงการเมืองใหม่จริง ๆ หรือ?”
หลี่หลานคิดว่าตนเองฟังผิด จึงถามสามครั้งติดต่อกัน
เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณแม่ ซีเอ๋อร์ทำภารกิจสำเร็จลุล่วงแล้ว และได้งานทั้งหมดของโครงการเมืองใหม่”
“ขอบคุณสวรรค์ สวรรค์มีเมตตา ในที่สุดครอบครัวของพวกเราก็มีทางรอดแล้ว พวกเรารีบไปบอกข่าวดีกับหญิงชรากันเถอะ”
หลี่หลานเช็ดน้ำตาด้วยความตื่นเต้น
“หวางซี คุณไม่ได้โกหกคุณย่าใช่ไหม? คุณไม่ได้มอบแม้แต่ของขวัญ แต่ยังสามารถได้โครงการเมืองใหม่มา?”
หวางเปียวรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นฟืน และกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
คนอื่นต่างก็ไม่เชื่อ หวางซีไม่ได้นำของขวัญไป แล้วจะได้โครงการมาได้อย่างไร
“คุณย่า เจ้าเทพไม่ชอบการมอบของขวัญ ฉันเป็นคนเดียวที่ไม่ได้มอบของขวัญ”
หวางซีเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในงานประกวดราคา
สายตาของหวางเอี๋ยนเต็มไปด้วยความริษยา หัวเราะเยาะเย้ยว่า “หวางซี อย่าคิดว่ามันเป็นความดีความชอบของคุณ คุณมันเป็นแค่แมวตาบอดเจอหนูตายเท่านั้นเอง ถ้าฉันเป็นคนไป ฉันก็สามารถได้โครงการเหมือนกัน”
คนตระกูลหวางทุกคนต่างรู้สึกว่าหวางซีโชคดี
ทุกคนล้วนพูดจาบั่นทอนกำลังใจ
“เอาล่ะ”
หญิงชรากล่าวว่า “ไม่ว่าจะยังไง หวางซีก็ได้โครงการมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก หวางเปียว คุณไปลงนามโครงการตอนนี้เลย”
“ครับ คุณย่า”
หวางเปียวและคนอื่น ๆ ยิ้มอย่างมีความหมาย
และเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น จะทำให้ครอบครัวหวางซีไม่มีทางฟื้นคืนได้ตลอดไป!
เป็นแค่ความอัปยศของตระกูลหวาง แล้วยังอยากจะได้หุ้นคืนเพื่อจะได้โดดเด่น?
มันเป็นแค่ความฝัน!
หลี่หลานกล่าวด้วยความระมัดระวัง
สีหน้าของนายหญิงใหญ่หวางเย็นชา “สิ่งที่ฉันเคยพูดนั้นเป็นไปตามสัญญาอย่างแน่นอน ฉันจะโอนหุ้นของเจ้ารองก่อนเสียชีวิตให้หวางซี แต่คฤหาสน์ที่เขตจวนสวรรค์นั้นตระกูลจะครอบครองชั่วคราว”
หลี่หลานรีบกล่าวว่า “คุณแม่ นั้นเป็นสิ่งที่ตระกูลจ้าวมอบให้ซีเอ๋อร์ ทำไมคุณ ….. ”
“หือ? คุณกำลังสอนฉันหรือ?”
ทัศนคติของนายหญิงใหญ่หวางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้หลี่หลานรู้สึกสั่นไหว และมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้ว นี่คิดจะกลับกลอกเหรอ?
นายหญิงใหญ่หวางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกคุณต้องการหุ้น 25% เปอร์เซ็นต์ของเจ้ารองก่อนที่เขาจะเสียชีวิตไม่ใช่หรือ? ฉันจะโอนให้พวกคุณ! หุ้นของเจ้ารองนั้นเป็นหุ้นของบริษัทหัวหยวน และฉันมอบบริษัทหัวหยวนให้กับหวางซี ขณะเดียวกันก็เรียกคืนบ้านที่ครอบครัวหวางซีอาศัยอยู่ตอนนี้”