หลี่หลานได้ใจมาก หยูหมิ่นคนนี้ไม่มีลูกชายเหมือนกับเธอ มักจะชอบเปรียบเทียบกับเธออยู่เสมอ
อาศัยว่าลูกเขยของเขาเป็นเจ้านาย ยกย่องลูกเขยต่อหน้าเธอทุกวัน
ทำให้ดูเหมือนเธอเหนือกว่าชั้นหนึ่ง
ตอนนี้ดีแล้ว เย่เซิ่งเทียนกอบกู้หน้าให้ตัวเองแล้ว
“ต่อไปเธอก็ไม่ต้องพูดกับฉันอีก เธอดูถูกบ้านของพวกเรา ฉันก็ดูถูกบ้านของพวกเธอเหมือนกัน ขับรถBMWพังๆห้าแสนกว่า โอ้อวดอะไรน่ะ ลูกเขยของฉันซื้อรถBMWสองล้านหกแสนกว่า ฉันว่าอะไรไหม? ไม่อยากถือสาเธอแค่นั้นเอง อย่างที่เธอบอกว่า ฐานะของพวกเราไม่เหมาะสมกัน!”
หลี่หลานไม่ให้เกียรติเลยสักนิด ได้ระบายความโกรธแค้นสักที
“เซิ่งเทียน พาแม่ไปนั่งเล่น และไปรับซือซือ”
เย่เซิ่งเทียนยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
หยูหมิ่นโกรธจนกัดฟัน รอเย่เซิ่งเทียนขับรถไป ถึงได้กัดฟันพูดว่า: “สุดยอดอะไร รถBMWสุดยอดมากเหรอ? ลูกเขยของฉันก็เป็นรถBMWเหมือนกัน”
ป้าหวางพูดอย่างแผ่วเบาว่า: “ของคนอื่นเขาสองล้านหกแสนกว่า ลูกเขยของเธอแค่ห้าแสน ไม่ถึงเศษเสี้ยวของคนอื่นเขาด้วยซ้ำ สุดยอดมากจริงๆ”
หยูหมิ่น: “……”
แทงใจแล้ว
เธอคนนี้พูดจาเป็นหรือเปล่า
มีอย่างที่ไหนพูดจาแบบเธอกัน?
รถBMWห้าแสนไม่เรียกว่ารถBMWเหรอ?
หยูหมิ่นยิ่งคิดยิ่งโกรธ
สมควรตาย สมควรตาย สมควรตายซะ!
ถูกหลี่หลานเหยียดหยาม จากนี้ไปยังมีหน้าพูดคุยกับเธอที่ไหนกัน
น่าโมโหชะมัดเลยจริงๆ
ทำไมฉันต้องพูดเรื่องรถกับเธอด้วย รู้แบบนี้ไม่พูดดีกว่า น่าโมโหเกินไปแล้ว!
หยูหมิ่นมองดูรถBMWคันนั้นของลูกเขยอย่างโกรธเคือง ยิ่งดูยิ่งขัดตามากขึ้นเรื่อยๆ
บนรถ
หลี่หลานพูดอย่างมีความสุขมาก: “หยูหมิ่นมาโอ้อวดอะไรกับฉัน รถBMWห้าแสนคันหนึ่ง ก็หน้าด้านมาพูดกับฉัน”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็มองไปทางเย่เซิ่งเทียน และบ่นว่า: “นายไปเอาเงินซื้อรถมาจากไหน? ลูกล้างผลาญ นายใช้จ่ายเกินตัวขนาดนี้ นายกับซีเอ๋อร์ยังจะดำเนินชีวิตอยู่หรือเปล่า? ใครให้นายซื้อรถแพงขนาดนี้เนี่ย? เก็บออมเงินหน่อยไม่ได้เหรอ”
หัวใจของเย่เซิ่งเทียนอบอุ่น รีบพูดว่า: “แม่ครับ รถคันนี้เป็นของเพื่อนผม เขาไปต่างประเทศ ให้ผมขับก่อน ไม่อย่างนั้นผมมีเงินซื้อรถคันนี้ที่ไหนกัน”
หลี่หลานนิ่งอึ้ง คิดดูดีๆก็จริง เย่เซิ่งเทียนมีเงินซื้อรถที่ไหนกัน บ้านยังไม่ได้ซื้อเลย
แต่ยังคงพูดสั่งสอนอีกว่า: “เป็นคนต้องถ่อมตนเข้าใจไหม? เหมือนกับคนพวกโชว์รวยแบบโอเวอร์ นายอวดรวยอะไรของนาย พวกเราต้องรวยแบบเงียบๆเข้าใจไหม? คนอายุยี่สิบกว่า นี่แม่ยังต้องสอนนายด้วยเหรอ? ต่อไปมีเงินก็เก็บออมนะ ใช้ชีวิตไม่เป็นเลย”
“แม่ครับ ผมจำไว้แล้ว”
เย่เซิ่งเทียนหมดคำพูด เมื่อกี้นี้ตอนที่แม่อวดรวยกับพวกเขาก็ไม่ได้พูดแบบนี้นะ
หลังจากที่รับซือซือกลับบ้านได้ไม่นาน หวางซีกลับมาแล้ว ได้ยินเรื่องของรถ ก็ต่อว่าให้เย่เซิ่งเทียนอีก
เย่เซิ่งเทียนทำได้เพียงแอบอธิบายให้กับเธอ นี่เป็นรถของเกาเจี๋ย หวางซีถึงไม่ได้โกรธ
บนเตียง หวางซีขมวดคิ้ว: “พรุ่งนี้หมิงซื่อกรุ๊ปเรียกประชุมผู้ถือหุ้นรายใหญ่ นายว่าจะเกิดเรื่องอะไรไหม? ฉันรู้สึกเสมอว่าจะเกิดเรื่องขึ้น”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างเกียจคร้านว่า: “ตอนนี้ตระกูลหมิงไม่มีค่าอะไรเลย ตอนนั้นพวกเขาโลภมากไม่รู้จักพอ ต้องการครอบครองโครงการเมืองใหม่ทั้งหมด ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นก็เป็นเรื่องปกติ”
“อย่าพูดจาได้รู้สึกน่าขยะแขยงขนาดนี้”หวางซีเบิกตากว้าง ครุ่นคิดแล้วพูดว่า”ตอนนี้ในมือของตระกูลหมิงถือหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ทางพวกเรามีสามเปอร์เซ็นต์ และผู้ถือหุ้นรายอื่นคิดเป็นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ทางผู้ถือหุ้นนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหมิง ฉันคาดการณ์ว่าประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ คงจะอยากดึงคนเข้าการร่วมลงทุน ไม่อย่างนั้นตระกูลหมิงแบกรับต่อไปไม่ไหว”
เย่เซิ่งเทียนยิ้มเล็กน้อย ดวงตามืดลง: “ฉันได้ยินว่า ตระกูลหมิงเพื่อที่จะดึงดูดการลงทุน ก็สละหุ้นสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ออกไปอีก ในมือของพวกเขา เหลือเพียงสิบห้าเปอร์เซ็นต์”
“อะไรน่ะ?”
หวางซีตกตะลึง
และตระกูลหมิงในเวลานี้ ค่อนข้างวุ่นวายแล้ว
หมิงชุนชิวตะคอกว่า: “ใครจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ทำไมฉันไม่ได้รับข่าวคราวเลย!!”