ตอนที่ 391 ตามหาซือซือ
ไฉจวิ้นจ้องมองหลังของเย่เซิ่งเทียนอย่างโหดร้าย แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมหลี่อิงหมินถึงให้ความเคารพเด็กคนนั้นมากขนาดนั้น
ครั้งล่าสุดที่หน้าประตูบ้านตระกูลโจวถูกไอ้นักดาบข้างๆไอ้หนุ่มนั่นจู่โจม จนทำเอาเขาลุกจากเตียงไม่ได้อยู่ครึ่งเดือน
ความแค้นนี้เขายังจำได้ดี !
วันนี้ นักดาบนั่นไม่อยู่ ทำให้เขาอดคิดคับแค้นใจไม่ได้ !
คนอย่างไฉจวิ้น แม้ว่าจะเป็นถึงคุณชายใหญ่ตระกูลไฉแห่งตงต่าว แต่กลับเป็นคนโง่งม เพราะมีตระกูลไฉคอยหนุนหลังอยู่ล่ะก็ เลยไม่เคยโดนเอาเปรียบ
คนในตระกูลไฉเองก็รู้ว่าเขาไม่ได้เรื่อง ดังนั้นจึงไม่เคยคิดจะให้เขาเป็นผู้สืบทอดทายาทตั้งแต่แรก
เป็นคนโง่เง่าเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นหลี่อิงเจี๋ยแห่งตระกูลหลีล่ะก็ คงต้องคิดหาวิธีไปขอโทษเย่เซิ่งเทียนแน่ ไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่หลี่อิงหมินเคารพเย่เซิ่งเทียนขนาดนี้ ขนาดว่าครั้งล่าสุดที่หน้าประตูบ้านตระกูลโจว เย่เซิ่งเทียนยังนำนักดาบหน้าตาน่ากลัวมาด้วย ใครที่ฉลาดหน่อยก็รู้ว่าเย่เซิ่งเทียนคนนี้ไม่ธรรมดาแน่
ต่างกันที่หลี่อิงเจี๋ยแค่แกล้งทำเป็นโง่ ส่วนความโง่ของไฉจวิ้นคือเรื่องจริง !
เพราะความโง่เง่าของไฉจวิ้น จิตใจคับแคบ มีความพยาบาท จ้องแต่จะแก้แค้น ทำให้ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบ ที่ผ่านมาไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็จ้องแต่จะแก้แค้นคืน
ดังนั้นการได้พบกับเย่เซิ่งเทียนที่นี่ เขาจึงไม่คิดจะปล่อยแรงอาฆาตออกมา เกรงว่าหลังจากนี้ต่างฝ่ายต่างก็จะนอนไม่หลับกัน
ไฉจวิ้นนำบอดี้การ์ดที่คัดเลือกมาอย่างดีมาด้วยสองคน ซึ่งคอยอยู่ไกลๆ ด้านหลังเย่เซิ่งเทียนและหลี่อิงเจี๋ย
ณ สระน้ำข้างๆ
“คุณเย่ ได้โปรดลงโทษผมเถอะ เมื่อสักครู่ข้าล่วงเกินท่านเกินไปแล้ว”
หลี่อิงเจี๋ยกล่าวอย่างระมัดระวัง
เย่เซิ่งเทียนหยุดฝีเท้าลง และพูดขึ้นว่า “ทำเรื่องหนึ่งแทนฉันหน่อย”
ภายในใจของหลี่อิงเจี๋ยเต็มไปด้วยความปีติยินดี รีบตอบกลับมาว่า “เป็นเกียรติของหลี่อิงเจี๋ยอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ท่าน เชิญบอกผมมาได้เลย”
“รออยู่ที่นี่”
เย่เซิ่งเทียนพูดจบก็เดินจากไป ไม่แม้แต่จะหันมามอง
หลี่อิงเจี๋ยตกอยู่ในภวังค์ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเท้า เขาตื่นเต้นจนหน้าแดง มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น จนกลัวว่าคนอื่นจะเห็นเข้าว่าตนเองกัดปลายลิ้นเข้าอย่างแรง !
ความคิดต่าง ๆ มากมายแล่นเข้ามาในหัวของเขา
“ในที่สุด คุณเย่ก็ใช้เราทำงานแล้ว !”
“คุณเย่ให้อภัยตระกูลหลีของเราแล้ว !”
“หลังจากได้กลับไป ผมต้องนำเรื่องนี้ไปพูดให้ท่านพ่อฟัง ต่อจากนี้ท่านพ่อกับน้องสองจะได้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป !”
…..
เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือการตามหาซือซือ
ที่เย่เซิ่งเทียนไม่กล้าลงมือทำอะไรเอิกเกริก เพราะเกรงว่าหลิวว่านจวินจะเป็นบ้า และจะมุทะลุทำร้ายซือซือไป !
เย่เซิ่งเทียนตอนนี้กังวลเป็นอย่างมาก ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ร่างของเขาแทบจะเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้าย พร้อมที่จะฆ่าใครก็ได้ตลอดเวลา
“คุณชายที่กำลังป่วยอยู่ของพวกเธอตอนนี้อยู่ที่ไหน”
เย่เซิ่งเทียนคว้าลูกสมุนคนหนึ่งไว้ เขาในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองข้างนั้นแดงก่ำ แววตาเต็มไปด้วยความโมโหโทโส จิตสังหารแผ่ออกมาจนลูกสมุนตกใจกลัว
“คุณ.. คุณเป็นตัวอะไรกัน ?”
กร็อบ !
เย่เซิ่งเทียนยังไม่ทันจะได้ถามคำถามต่อไป ก็หักกระดูกแขนของเขาก็หักทันที
ลูกสาว ก็ไม่ต่างกับจิตใจของคนผู้เป็นพ่อ !
ความอดทนของเย่เซิ่งเทียนที่จะไม่ฆ่าใครตอนนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว
เมื่อคนเป็นพ่อเป็นแม่รู้ว่าลูกของตนถูกจับไปตัวไป และในทุกวินาทีชีวิตยังอยู่บนเส้นความเป็นความตาย เวลาอย่างนี้เขาไม่เกี่ยงที่จะฆ่าใครทั้งนั้น !
“อาคารสี่ อยู่ที่อาคารสี่”
ลูกสมุนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“นำทางไป”
น้ำเสียงอันเย็นชาของเย่เซิ่งเทียนทำให้เขาไม่กล้าขัดขืน รีบนำเย่เซิ่งเทียนไปยังตึกสี่ทันที
“คุณชายเสียงอยู่ด้านบนนี้”
ลูกสมุนชี้ไปยังอาคารสี่ด้านหน้า มองไปยังเย่เซิ่งเทียนด้วยความหวาดกลัว “ผม.. ตอนนี้ผมไปได้หรือยัง ?”
เย่เซิ่งเทียนหักคอเขาทิ้งในทันที
ในตระกูลเย่ ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งนั้น !
ขณะนั้นเอง เย่เสียงที่กำลังนอนถ่ายเลือดอยู่บนเตียง
“คุณชาย ถุงเลือด 800 cc ถุงนี้ถ่ายเสร็จแล้ว อาการป่วยของคุณคงทุเลาลงไปได้ครึ่งหนึ่ง รออีกสักสองเดือนค่อยมาถ่ายเลือดจากไอ้เด็กนอกคอกคนนี้อีก 800 cc อาการป่วยของท่านก็หายดีแล้ว”