“แกใจกล้ามาก รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอยู่กับใคร!”
การที่หลายคนเสียชีวิตติดต่อกัน ทำให้ตัวแทนของเจ็ดตระกูลเก่าแก่ขาดความมั่นใจ แต่พวกเขาก็ยังคงดื้อรั้น
ให้พวกเขาจะยอมจำนนต่อเย่เซิ่งเทียนนั้นมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ถึงแม้ว่าเย่เซิ่งเทียนจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพบู๊ แต่พวกเขาเจ็ดตระกูลเก่าแก่ถึงจะเป็นราชาที่แท้จริงของประเทศต้าเซี่ย แล้วพวกเขาจะก้มหัวให้กับทหารไร้ชื่อเสียงอย่างเย่เซิ่งเทียนได้อย่างไร?
“แกกำลังท้าทายพวกเราเจ็ดตระกูลเก่าแก่ใช่ไหม?”
ตัวแทนของตระกูลกู่กล่าวแบบแข็งนอกอ่อนใน และตอนนี้เขาไม่มีความดื้อรั้นเหมือนเมื่อสักครู่แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะปากแข็ง และขณะที่เขากำลังอ้างชื่อขอเจ็ดตระกูลเก่าแก่ออกมากดดันโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาไม่เชื่อว่าเย่เซิ่งเทียนจะกล้าเป็นศัตรูกับเจ็ดตระกูลเก่าแก่
ถึงแม้ว่าเย่เซิ่งเทียนจะเป็นคนที่ขุนหลวงส่งมา เขาก็ไม่กล้าแตกหักกับเจ็ดตระกูลเก่าแก่
ขุนหลวงหยางทาว ก็ต้องพิจารณาถึงผลที่ตามมาการแตกหักกับเจ็ดตระกูลเก่าแก่
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้พวกเขาหลายคนมีความมั่นใจและกล้าพูดแบบนี้
“ฮึ่ม! ถึงแม้ว่าแกจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพบู๊ แต่พวกเราก็มีเซียนบู๊สิบสามคน หรือแกต้องการท้าทายพวกเรา?”
ตัวแทนของตระกูลซุนข่มขู่ว่า “ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักขอบเขต เพราะการประลองเป็นเรื่องของคุณกับหกหมอเทวดา พวกเราแค่มาชมความสนุกเท่านั้น พวกเราไม่เคยคิดที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
ตัวแทนของตระกูลเจี่ยงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เมื่อสักครู่จางหลิงหยุนล่วงเกินคุณ แล้วการที่คุณฆ่าเขานั้นไม่มีอะไรเป็นความผิดพอที่จะวิจารณ์ได้ ส่วนตัวแทนของตระกูลเซียวพูดจาไม่คิด เขาตายก็ไม่โทษคุณ เพราะเขาเป็นคนพูดจาหยาบคายก่อน เอาล่ะ ในเมื่อคุณชนะแล้ว พวกเราจะเป็นพยานให้คุณ และคุณเป็นคนที่ชนะการประลองคราวนี้”
ตัวแทนของเจ็ดตระกูลเก่าแก่ต่างเอ่ยปาก และเปลี่ยนเป็นยอมอ่อนข้อแล้ว
ถึงแม้ว่าคำพูดจะแรง แต่ทุกคนสามารถฟังออกว่าพวกเขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเย่เซิ่งเทียน
ตอนนี้ถ้าสามารถจับมือและสร้างสันติภาพได้มันจะเป็นเรื่องดีที่สุด
ถึงแม้ว่าเย่เซิ่งเทียนคนเดียวจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียนบู๊ทั้งสิบสามคน แต่ก็ยังมีจ้าวกั๋วจู้อยู่ที่นี่อีกคนหนึ่ง
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคืออย่าให้จ้าวกั๋วจู้มีข้ออ้างที่จะลงมือจัดการพวกเขา
พวกเขารู้ว่าหากการแข่งขันยังคงดำเนินเช่นนี้ต่อไป มันจะไม่เป็นผลดีต่อเจ็ดตระกูลเก่าแก่
เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว เป็นการสร้างโอกาสให้ขุนหลวงหยางทาว ด้วยนิสัยของหยางทาวแล้ว เขาจะใช้โอกาสนี้ขู่เข็ญรีดไถเงินเจ็ดตระกูลเก่าแก่อย่างแน่นอน
บัดซบ ถ้าไม่ใช่เพราะสัตว์เดรัจฉานอย่างเย่เซิ่งเทียน พวกเขาจะเป็นฝ่ายรับได้อย่างไร?
“พวกสารเลว พวกแกยอมรับความพ่ายแพ้แล้วเหรอ? เมื่อสักครู่พวกแกหยิ่งผยองไม่ใช่เหรอ? เมื่อสักครู่พวกแกอยากจะบีบบังคับให้เย่เซิ่งเทียนจนตรอกไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงได้ยอมอ่อนข้อล่ะ?”
จ้าวกั๋วจู้แสยะยิ้ม และไม่คิดที่จะปล่อยพวกเขาไป
“เทพสงครามเสาหลัก เมื่อสักครู่พวกเราแค่หุนหันพลันแล่นไปชั่วขณะเท่านั้น และพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ตอนนี้เย่เซิ่งเทียนชนะแล้ว พวกเรายอมรับ และพวกเราก็ยินดีชดเชย ดังนั้นเรื่องของวันนี้ให้มันจบเถอะ ต้องขอโทษด้วยที่พวกเราไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนพวกคุณได้อีกต่อไปแล้ว”
ตัวแทนของตระกูลฉินกล่าวอย่างมีเหตุผล
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยอมอ่อนข้อ แต่ท่าทางไม่ได้อ่อนโยนแม้แต่น้อย ยังคงแสดงท่าทางเย่อหยิ่ง
ราวกับว่าเย่เซิ่งเทียนขอร้องให้พวกเขายอมรับว่าพวกเขาพ่ายแพ้
ตัวแทนของตระกูลซุนหัวเราะและกล่าวว่า “การประลองทางแพทย์ อารมณ์หุนหันพลันแล่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อให้การประลองครั้งนี้ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่สามารถเห็นหกหมอเทวดาแสดงฝีมือนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ดังนั้นภายใต้ความตื่นเต้นนั้นทำให้พวกเราพูดจาจนเกินไป มันเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ ตระกูลซุนของพวกเรายินดีที่จะให้เงินเย่เซิ่งเทียนห้าสิบล้าน ถือว่าเป็นลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง”
ตัวแทนของตระกูลหานเห็นด้วย “การที่เย่เซิ่งเทียนสามารถชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้ อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเรา นี่เป็นความโชคดีของต้าเซี่ย และการที่ประเทศต้าเซี่ยมีหมอเทวดาเช่นนี้ ถ้าส่งเสริมการปรุงยาชนิดนี้ ก็จะมีประโยชน์ต่อประเทศต้าเซี่ยใหญ่หลวง ตระกูลหานของผมก็ยินดีมอบเงินห้าสิบล้าน ถือเป็นลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง และถือว่าเป็นการชดเชยเรื่องเมื่อสักครู่”
ตัวแทนของตระกูลฉินและตระกูลเว่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “สมเหตุสมผล”
ตัวแทนของเจ็ดตระกูลเก่าแก่ต่างพูด และอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้นมากเกินไป
ไม่ให้โอกาสจ้าวกั๋วจู้ได้ลงมือ
จ้าวกั๋วจู้ขมวดคิ้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่สามารถลงมือได้อีกแล้ว
เขามองเย่เซิ่งเทียนโดยไม่รู้ตัว
เรื่องราวจัดการยากเล็กน้อย
เพราะหากฆ่าพวกเขาทั้งหมด นั่นหมายความว่าจะแตกหักกับเจ็ดตระกูลเก่าแก่อย่างสิ้นเชิง!
สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ตอนนี้ของต้าเซี่ย
เย่เซิ่งเทียนยิ้มด้วยความหยอกล้อและกล่าวว่า “พวกคุณกำลังพูดถึงอะไร? ถามผมหรือยัง?”