“เย่เซิ่งเทียน แกมันกำเริบเสิบสานมาก!”
หลี่กั๋วเฉียงตบโต๊ะและรู้สึกโมโหมาก!
ท่าทางของเย่เซิ่งเทียน ทำให้คนของตระกูลหลี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
สำหรับพวกเขาแล้ว เย่เซิ่งเทียนมีความแข็งแกร่งจริง แต่สามารถเทียบกับตระกูลซ่งได้เหรอ? สามารถเทียบกับตระกูลกู่ได้เหรอ?
ตระกูลซ่งได้รับการสนับสนุนจากตระกูลกู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลเก่าแก่ แล้วในเมืองโมตูใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของตระกูลซ่งได้อีก?
แค่ซ่งหยวนลี่พูดประโยคเดียว ก็สามารถทำให้หลี่ซื่อกรุ๊ปถูกตรวจสอบและอายัด หากตระกูลซ่งโจมตีถึงที่สุด แล้วตระกูลหลี่จะยังคงดำรงอยู่ได้เหรอ?
ถึงแม้ว่าเย่เซิ่งเทียนจะมีเส้นสายเล็กน้อย และสามารถต้านตระกูลซ่งได้ แต่เขาจะสามารถต้านตระกูลกู่ได้เหรอ?
ตระกูลกู่เป็นหนึ่งในตระกูลชั้นนำของประเทศต้าเซี่ย มีอำนาจที่จะพูดคุยกับขุนหลวงได้ แล้วเส้นสายเล็กน้อยของเย่เซิ่งเทียนพวกนั้น จะสามารถเทียบกับตระกูลกู่ได้เหรอ?
“เย่เซิ่งเทียน พวกเรารู้ว่าแกมีเส้นสายเล็กน้อย มิฉะนั้นจ่งตูลู่และผู้บัญชาการซาคงจะไม่ไปที่ตระกูลหลี่! แต่ความสามารถแค่นั้นของแกมีประโยชน์เหรอ? ถ้าตระกูลกู่โจมตีขึ้นมา แล้วใครจะสามารถต้านได้?”
หลี่กั๋วเหว่ยกลัวความแข็งแกร่งของเย่เซิ่งเทียนเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงระวังคำพูดของตนเองมาก
ถึงแม้ว่าเย่เซิ่งเทียนจะไม่สามารถเทียบกับตระกูลซ่งได้ แต่ถ้าพวกเขาทำให้โกรธเย่เซิ่งเทียนขึ้นมา แล้วโจมตีพวกเขา และพวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้
หลี่กั๋วเฉียงมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นกันและกล่าวว่า “เย่เซิ่งเทียน แกคิดว่าพวกเราไม่รู้ความแข็งแกร่งของแกเหรอ? แกมีเส้นสายอยู่เล็กน้อยจริง แต่เส้นสายของแกสามารถเทียบกับตระกูลซ่งได้เหรอ? ถึงแม้ว่าแกสู้ตระกูลซ่งได้ แต่เส้นสายของแกเทียบตระกูลกู่ได้เหรอ? เด็กหนุ่มหุนหันพลันแล่น คนที่ขาดประสบการณ์เลยไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย ผมเข้าใจได้ แต่แกจองหองขนาดนี้ สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว แกตายแล้วก็ยังไม่รู้ว่าตนเองตายอย่างไร!”
“ท่านรอง คุณปู่ พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระกับเขาอีก เขาต่อสู้เก่งแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร พวกเราตระกูลหลี่ต้องการคนที่ต่อสู้เก่งเหรอ? คนที่ตระกูลหลี่ต้องการคือคนที่สามารถทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรืองขึ้น! คนที่ต่อสู้เก่งนั้นเป็นแค่คนบ้าระห่ำเท่านั้น ตระกูลซ่งมีพลังอำนาจมาก แม้แต่จ่งตูลู่ก็ยังให้เกียรติพวกเขา และถึงแม้จะเป็นบัญชาการซา ก็ยังอ่อนน้อมถ่อมตนกับตระกูลซ่ง!”
หลี่เผิงเฉิงหลานชายของหลี่กั๋วเฉียงหัวเราะเยาะ “เย่เซิ่งเทียน ถ้าแกรู้จักข้อบกพร่องของตนเอง ตอนนี้ให้พาครอบครัวของแกจากไปจากตระกูลทันที มิฉะนั้นเมื่อคนของตระกูลซ่งมาแล้ว พวกเราจะไม่สนใจพวกแก และเมื่อถึงเวลานั้นก็อย่ามาพูดว่าพวกเราแล้วน้ำใจ โง่เขลาทั้งครอบครัว ดันไปล่วงเกินคุณชายซ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะผมมีเส้นสายจนสามารถสืบหาต้นสายปลายเหตุได้ แม้แต่ตระกูลหลี่ไปล่วงเกินใครพวกเราก็ยังไม่รู้”
“คุณชายซ่งแค่ขอให้หวางซีนอนด้วยคืนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นเกียรติมาก แต่เธอกลับปฏิเสธ แล้วยังตบคุณชายซ่งอีกด้วย ถ้าพวกแกอยากจะตาย ก็อย่าทำให้พวกเราเดือดร้อน! หลี่หลานเป็นคนโง่เขลา เมื่อก่อนหนีตามยาจกไป นึกไม่ถึงว่าหวางซีจะสืบทอดความโง่เขลาของหลี่หลานมาด้วย ไปล่วงเกินคุณชายซ่ง!”
เพี๊ยะ!
หลี่เผิงเฉิงกำลังจะพูด แต่ร่างกายของเขากระเด็นออกไป และกระแทกไปที่เท้าของหลี่กั๋วเฉียงอย่างแรง
เสียงตบดังสนั่นไปทั่วห้องหอบรรพบุรุษ ทำให้ทุกคนรับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้นด้วย!
การตบครั้งนี้ ทำให้สมองได้รับกระทบกระเทือน!
“พูดพอหรือยัง?”
เดิมทีเย่เซิ่งเทียนไม่อยากจะลงมือ เพราะคุณท่านหลี่เป็นคนดี
แต่คนเหล่านี้ดูถูกเหยียดหยามแม่ยายและภรรยาของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะในโลกนี้พวกเธอเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุดของเย่เซิ่งเทียน!
เย่เซิ่งเทียนอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า อดทนจนถึงตอนนี้ถึงได้ลงมือ ถือว่าให้เกียรติหลี่กั๋วหรงแล้ว
“ใครให้ความกล้าแก กล้าดูหมิ่นแม่ยายและภรรยาของฉัน”
“แก แกกล้าทำร้ายฉัน! เย่เซิ่งเทียน พวกแกต้องไม่ตายดี การล่วงเกินคุณชายซ่ง พวกแกรอความตายเถอะ!”
เมื่อเห็นหลานชายของเขาถูกทำร้าย หลี่กั๋วเฉียงก็กล่าวด้วยความโมโหว่า “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ต่อต้าน ต่อต้านแล้ว! เป็นแค่หลานเขยกระจอก ยังกล้ามาทำร้ายหลานชายของฉันเหรอ!”
หลี่เฟิงกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว และการที่เขาไม่กล้าพูดมาก เพราะเขารู้ว่าเย่เซิ่งเทียนอาจจะลงมือ
นึกไม่ถึงว่าคนโง่เขลาอย่างหลี่เผิงเฉิง จะกล้าดูหมิ่นหลี่หลานและหวางซีต่อหน้าเย่เซิ่งเทียน นี่มันเป็นการรนหาความตาย?