Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 768 การคาดคะเน
เจ้าห้าวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความสุขุมของเจ้าห้า เหตุการณ์คงจะไม่บานปลาย และเย่เซิ่งเทียนก็ไม่ได้เป็นกังวลมากนัก
หลังจากนั้นไม่นาน เวินเฉินก็มา
เย่เซิ่งเทียนบอกแผนของตัวเอง เวินเฉินมองฟ่านลี่ผิงด้วยสีหน้ารังเกียจ
สิ่งที่เวินเฉินเกลียดที่สุดก็คือการค้ามนุษย์ องค์กรgodและพวกคนเลวที่ไม่มีขีดจำกัด เพราะตอนนั้นเธอถูกลักพาตัว ต่อมาก็ได้เจอกับเย่เซิ่งเทียน จึงประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้
ต่อมาขณะที่เธอกลับถึงบ้านอีกครั้ง พ่อแม่ก็กลายเป็นหลุมฝังศพ 2 หลุม พ่อแม่ของเธอใช้เงินเก็บทั้งหมดในการตามหาเธอ
แต่พระเจ้าไม่ยุติธรรม เมื่อโชคร้ายมาเยือน สิ่งต่างๆก็ยิ่งแย่ลงไปอีก
สุดท้ายพ่อแม่ป่วยหนัก เนื่องจากไม่มีเงินรักษาตัวเองจนตาย
คุณย่าฆ่าตัวตายเพราะโทษตัวเอง
และองค์กรgod เลวร้ายยิ่งกว่าพวกค้ามนุษย์ 10 เท่า!
พวกเขาไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ แต่ยังรวมไปถึงการค้าอวัยวะ การค้ายาเสพติด และอื่นๆอีกด้วย
ฟ่านลี่ผิงหวาดกลัวแทบแย่ โดยเฉพาะดวงตาของเวินเฉิน ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเห็นเทพมรณะ พูดอ้อนวอนว่า “อย่าฆ่าฉันเลย”
เวินเฉินกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตายไม่ตาย ต้องดูว่าคุณเคยทำเรื่องพวกนี้ไว้หรือเปล่า ถ้าไม่เคย ขอเพียงแค่คุณให้ความร่วมมืออย่างดี ก็สามารถไว้ชีวิตคุณได้”
ฟ่านลี่ผิงรีบพูดว่า “ฉันต้องให้ความร่วมมือแน่นอน จะต้องให้ความร่วมมือแน่นอน”
ก่อนจากไปในที่สุดเวินเฉินก็รวบรวมความกล้าและพูดว่า “พี่เทียน คุณควรจะคุยกับภรรยาคุณให้ดี พวกคุณทั้งคู่รักกันอย่างลึกซึ้ง มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรที่แก้ไม่ได้ล่ะ? ฉันรู้สึกว่าภรรยาของคุณจะต้องสังเกตอะไรบางอย่าง คุณเคยคิดไหม ถ้าหากภรรยาคุณก็ทำเพื่อความปลอดภัยของคุณ จึงกระทำสิ่งเหล่านี้ลงไป? ฉันมักจะรู้สึกว่า ภรรยาของคุณไม่มีทางเป็นคนใจร้ายหรอก”
หลังจากที่เวินเฉินเดินไป เย่เซิ่งเทียนก็อึ้งอยู่ที่เดิม
จริงด้วย ซีเอ๋อร์เป็นคนใจดีมาตลอด
ตอนแรกตระกูลหวางรังแกเธอขนาดนั้น เธอก็ยังให้โอกาสตระกูลหวังมาตลอด เพียงแต่ว่าตระกูลหวังไม่เอาไหน จะต้องรนหาที่ตายด้วยตัวเอง
ซีเอ๋อไม่มีทางมองไม่ออกว่าเขาถูกใส่ร้าย ตอนนี้ตราบใดที่พวกหัวเวิ่นยี หายาชนิดนั้นที่ส่งผลต่ออารมณ์เจอ ก็จะสามารถอธิบายได้ทุกอย่าง
เป็นเวลานานมากแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ซีเอ๋อร์จะไม่รู้ตัวตนของตัวเอง
มีหลายครั้ง ที่เขารู้สึกว่าซีเอ๋อร์จงใจแกล้งทำเป็นไม่รู้
รวมถึงตระกูลหวางที่ถูกทำลายกับหมิงชุนชิวและคนอื่นๆที่ตายไปแล้ว หรือว่าพวกเขาไม่สามารถคาดเดาตัวตนของตัวเอง ผ่านเรื่องพวกเหล่านี้ได้?
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ พวกเขาต้องโง่แค่ไหนกันเชียว?
เมื่อก่อนเย่เซิ่งเทียนไม่เคยคำนึงถึงรายละเอียดเหล่านี้มาก่อน แต่ด้วยความเข้าใจตระกูลลี้ลับและสรวงสวรรค์ รวมถึงรู้ความจริงว่าตัวเองคือตัวทดลอง เขาจึงเริ่มใส่ใจในรายละเอียดอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้สิ่งเหล่านั้นที่ตนแสดงในเมืองเฉียนถัง ขอเพียงแค่มีความตั้งใจ ก็สามารถเดาได้
แต่หมิงชุนชิวกับนายหญิงใหญ่ตระกูลหวางและคนอื่นๆยังคงเชื่อมั่นในการกระทำของตัวเอง หรือว่าจะโง่จนแม้กระทั่งเรื่องเหล่านี้ก็เดาไม่ออก?
เมื่อก่อนเย่เซิ่งเทียนยังไม่ทันสังเกต แต่ตอนนี้เมื่อเขาคิดย้อนกลับไป ตัวเขาเองก็ยังไม่เชื่อเลย
ดังนั้น เป็นไปได้ว่าตระกูลลี้ลับหรือสรวงสวรรค์จะบงการอยู่เบื้องหลัง
วิธีการของพวกเขาลึกลับมาก เป็นไปได้ว่าจงใจชักจูง ให้หมิงชุนชิวกับนายหญิงใหญ่ตระกูลหวางและคนอื่นๆทำเรื่องโง่ๆ
เมื่อคิดเช่นนี้ เย่เซิ่งเทียนยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่าเรื่องนี้เป็นไปได้
“นี่ก็คือตัวทดลอง แต่ระหว่างทาง ทุกสิ่งที่ฉันพบล้วนแล้วกระตุ้นอารมณ์ของฉัน และจุดประสงค์ของสรวงสวรรค์คือเลือดประหลาดตระกูลเย่ในร่างกายของฉัน รวมถึงสายเลือดจากฝั่งแม่……”
เย่เซิ่งเทียนเดินไปคิดไตร่ตรองไป และพูดกับตัวเองว่า “หรือเป้าหมายของสรวงสวรรค์คือใช้เรื่องเหล่านี้มากระตุ้นฉัน และก็ให้ฉันปลุกเส้นเลือดสองชนิดในตัว? แต่ตอนนี้ฉันเพียงแค่ปลุกเลือดประหลาดแห่งตระกูลเย่ 2 ครั้ง จนมาจนถึงปัจจุบัน หรือเราจะไม่กังวลเลย ถ้าหากว่าฉันปลุกเส้นเลือดสองอย่างได้ จะอยู่เหนือการควบคุมของพวกเขา? หรือว่า สรวงสวรรค์มั่นใจ ว่าสามารถควบคุมฉันได้?”
คำถามนี้ ตอนนี้ยังไม่พบคำตอบ ทำได้เพียงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของสรวงสวรรค์ไปทีละขั้นตอน ถึงจะมั่นใจ
ในขณะเดียวกันเย่เซิ่งเทียนก็คิดถึงอีกคำถามหนึ่ง ในเมื่อตัวเองเป็นตัวทดลอง แล้วเย่หลงล่ะ?
เขาก็เป็นคนที่ตื่นภวังค์เลือดประหลาดตระกูลเย่ เขาจะเป็นตัวทดลองด้วยหรือเปล่า?
ในตอนนั้นเขาประสบพบเจอเรื่องอะไรบ้าง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเย่เซิ่งเทียนก็รู้สึกเหมือนตัวเองจับอะไรบางอย่างอยู่ เป็นเพียงความคิดในหัวแวบเข้ามา ตอนนี้ยังไม่อาจยืนยันได้
“รอให้แก้ปัญหาทางฝั่งเจ้าห้าจบ ฉันจะไปถามตาเฒ่าเจียง เขาจะต้องรู้เรื่องเย่หลงแน่นอน”
คนที่รู้เรื่องเย่หลงดีที่สุด ยังคงเป็นคนของตระกูลเย่
แต่เย่เซิ่งเทียนก็ยังไม่อยากติดต่อกับตระกูลเย่ ในใจของเขายังรับไม่ได้
ไม่นานนัก เย่เซิ่งเทียนก็มาถึงร้านอินเทอร์เน็ตที่นั่น แต่ฉากตรงหน้าทำให้เขารู้สึกโกรธเดือดดาล
มีคนหนึ่งกำลังตบเจ้าห้า เย่เซิ่งเทียนเดินก้าวไป ตบหน้าคนๆนั้น และพูดเสียงเย็นชาว่า “พี่ใหญ่ของแกคือใคร?”