Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 799 การฆ่าฝ่ายเดียว
ภายในชั่วพริบตา คนเหนือโลกีย์สิบเอ็ดคนทั้งสิบเอ็ดคนของฝั่งหยูไห่ ก็ตายไปสองคน
ทั้งหมดนี้เกิดเพียงชั่วอึดใจเดียว
ดูเหมือนเวลาจะผ่านนานมาก แต่ความเป็นจริงแล้วตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้ ยังไม่เกินสิบนาทีเลย
ความเร็วของการต่อสู้ระหว่างคนเหนือโลกีย์ เป็นการฆ่าเพียงชั่วพริบตา
หยูไห่ถูกเย่เซิ่งเทียนบีบบังคับจนพูดอะไรไม่ออก ประกอบกับนอกจากนี้ ผู้คนที่อยู่เคียงข้างเขามีความแตกต่างกันมากจนพวกเขากลัวความตาย ทุกคนล้วนมีแผนการในใจ ดังนั้นพวกเขาจึงตกเป็นเบี้ยล่าง
เย่เซิ่งเทียนเข้าใกล้เรื่อยๆ เขาสู้กับหยูไห่จนกระอักเลือด
“สวรรค์ลืมฉัน”
หยูไห่ตะคอกด้วยความโกรธ แต่กลับไร้ประโยชน์
ทันใดนั้น ฝั่งเขามีคนตายไปสามคน
เมื่อเห็นฉากนี้ หัวใจของหยูไห่ก็รู้สึกเย็นเฉียบ สายตาของเขาเผยให้เห็นความสิ้นหวัง
ในขณะที่เขากำลังเหม่อลอย เย่เซิ่งเทียนก็ใช้ศอกจู่โจมไปที่หัวของเขาอย่างรุนแรง
ระหว่างความเป็นความตาย ถ้าเหม่อลอยก็เท่ากับรนหาที่ตาย
หยูไห่ไม่ทันได้รู้สึกตัว เย่เซิ่งเทียนก็โจมตีสำเร็จ รังแกคนเกินไปแล้ว เป็นอีกครั้งที่หมัดกระแทกกับหัวของหยูไห่
ปึ้ง
หยูไห่ตายคาที่ทันที
“ฆ่ามัน!”
เย่เซิ่งเทียนไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย เขากล้าเสียสมาธิในสนามรบแห่งความเป็นความตาย นี่มันคือการรนหาที่ตายไม่ใช่หรอ?
คนอื่นๆเมื่อได้เห็นหยูไห่ตาย ก็เข้าใจในทันที ว่าตัวเองติดกับแล้ว
แต่มันก็ได้สายไปแล้ว
เจียงลั่วเสิน กู่ชางหลง มู่หุนทั้งสามคน มีใครบ้างที่ไม่มีประสบการณ์ในการสู้รบเป็นร้อยสนาม?
เมื่อเผชิญแล้วพวกเขายังกล้าเสียสมาธิ เบื่อชีวิตแล้วสินะ สงสัยจะอายุยืนไป
“ฉันยินดีจะยอมยกธงขาวยอมแพ้”
มีบางคนเริ่มคุกเข่าลง
เป็นถึงผู้กล้าแห่งแดนเหนือโลกีย์ เมื่ออยู่ต่อหน้าความตาย ก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา
แต่เย่เซิ่งเทียนไม่ให้โอกาสพวกเขาด้วยซ้ำ
ตอนนี้พึ่งเริ่มกลัว แล้วก่อนหน้านั้นไปทำอะไรกันมา?
มันสายไปแล้ว!
ศึกครั้งนี้ไม่มีอะไรให้หวั่นวิตก แทบจะเป็นการฆ่าอยู่เพียงฝ่ายเดียว
ฝั่งของเย่เซิ่งเทียน ไม่มีใครคิดจะยั้งมือ
ทุกคนลุยทันที!
“ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการฉีกหน้าของตระกูลลี้ลับ”
กู่ชางหลงถอนหายใจ เขาแกล้งตายมานานหลายปีขนาดนี้ เดิมทีไม่อยากเปิดเผยเร็วขนาดนี้ แต่มันช่วยไม่ได้
เมื่อเอาความสามารถของหยางทาวเทียบกับตระกูลลี้ลับ ยังถือว่าอ่อนแอเกินไป
ถึงพลังของเย่เซิ่งเทียนจะมหาศาลแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาก็เป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะลงมือ
ฝั่งของมู่หุนก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน เขาถอนหายใจแล้วกล่าวว่า“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ขืนยังซ่อนตัวต่อไป เราคงจะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว”
กังปิงเองก็พูดอย่างหน่ายใจ“เกมของฝั่งตระกูลลี้ลับมันใหญ่เกินไป ขืนยังซ่อนตัวต่อไป การวิจัยของพวกเขาคงจะสำเร็จเข้าในสักวัน ตอนนี้เหลือแค่ก้าวสุดท้ายแล้ว เราทำได้แค่เลือกที่เสี่ยงดูสักตั้ง”
มู่หุนพูดด้วยสีหน้าแปลกประหลาด“พวกคุณมีสายอยู่ในตระกูลลี้ลับไหม?”
กัวปิงหัวเราะร่า พลางกล่าวว่า“เดาน่ะ จะแทรกแซงเข้าไปฝั่งตระกูลลี้ลับได้ยังไง แม้แต่พวกคุณสองคนที่ใช้ชีวิตมานานกันขนาดนี้ยังทำไม่สำเร็จเลย เราจะทำได้ยังไง”
เห็นได้ชัดว่า กัวปิงไม่ยอมบอก
กู่ชางหลงกับมู่หุนหัวเราะอย่างเย็นชา ขี้เกียจถามต่อ
ทุกคนเป็นคนฉลาด มีหรือจะเดาไม่ได้ว่ามีหรือไม่มี?
เย่เซิ่งเทียนจบไหล่ของกัวปิง ทำท่าจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม“ตัว ซ่อนตัวดีจังเลยนะครับ ยังมีอดีตจอมพล ฉันสงสัยมาก อดีตจอมพลคุณใกล้ตายแล้วไม่ใช่หรอ?จึๆ เหมือนจะกำลังเอาผมมาฆ่าเวลาเล่นนะ”
เจียงลั่วเสินพูดอย่างเรียบเฉย“ทำไม หลานชายแสดงความกตัญญูต่อปู่ไม่ได้หรอ?ถ้าฉันไม่เก็บซ่อนตัวนานขนาดนี้ นายจะมีสิทธิ์ชนะงั้นหรอ?ถูกคนจัดการทิ้งตั้งนานแล้ว”
กัวปิงหัวเราะหึๆพลางกล่าวว่า“เสี่ยวเย่ นี่ไม่ได้หมดหนทางนะ นายรู้ไม่ใช่หรอว่าหลายปีมานี้เราผ่านกันมาได้ยังไง”
เย่เซิ่งเทียนขี้เกียจพูดอะไรพวกเขา จึงพูดอย่างเรียบเฉย“เอาล่ะ หยุดแสดงต่อหน้าผมสักทีเถอะ เป็นหมาจิ้งจอกในอดีตกันทั้งนาน เล่นอะไรกันอยู่ได้ ข้างหลังพวกคุณจัดการกันเอาเองแล้วกัน ผมไปล่ะ”
มู่หุนพูดไล่หลังมาว่า“นี่ เจ้าเทพเย่ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ คุณจะไปพบกับหว่านชิงเมื่อไร?ถูกคุณรังแกจนซึมเศร้าไปแล้ว”
เย่เซิ่งเทียนทำเป็นหูทวนลม เมื่อเทียบกับเหล่าอิน ไม่แน่อาจจะมีอะไรไม่ดีก็เป็นได้
ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคุยโม้กับพวกเขา
เมื่อเห็นมู่หุนเสียเปรียบ กู่ชางหลงก็หัวเราะเสียงดัง“พอได้แล้วไอ้มู่ หลานบุญธรรมฉันมีเมียนานแล้วนะ เรื่องต่อจากนี้ยังมีอีกเยอะ หลานบุญธรรมฉันยังมีเรื่องอื่นให้ทำอีกเยอะ แกหยุดไปรบกวนเขาได้แล้ว”
เย่เซิ่งเทียนมีเรื่องสำคัญให้ทำจริงๆนั่นแหละ เกมในวันนี้ ฉินหยวนเป็นคนทำเอง
ฝั่งฉินหยวนถูกหยางทาวควบคุม ถ้าอย่างงั้น ตระกูลฉินที่เป็นเบื้องหลังของฉินหยวน จะต้องพูดคุยกันแล้วล่ะ