Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่946 เล่นละคร
เย่เซิ่งเทียนทอดสายตามองไป บนที่นั่งประธาน ชายวัยกลางคนท่าทางน่าเกรงขามนั่งอยู่ ผิวหน้าเหมือนหยก มองเผิน ๆ เหมือนอายุอยู่ที่สามสี่สิบ
แต่เขาก็รู้อยู่ อายุที่แท้จริงไม่ได้อยู่เพียงแค่นั้น
ไม่ต้องถามก็รู้ได้ คนผู้นี้แน่ ๆ ว่าก็คือเจ้าบ้านตระกูลเซียวเซียวเทียนเฉิง
สีหน้าของเขาดูซีดอย่างคนอมโรค หว่างกลางของคิ้วเห็นแววแห่งความตายฉายอยู่รางๆ
พอเห็นเขาเข้า ความแค้นในใจพลุ่งพล่านขึ้นจนอยากฆ่าให้ตายในทันทีนั้น แต่เขารู้อยู่ ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะแก้แค้นให้แม่
จะต้องอดกลั้น
จะช้าหรือเร็วต้องมีสักวัน เขาจะสะสางบัญชีทั้งหมด
ให้ไอ้พวกคนสมควรตายทั้งหมด ชดใช้ให้คุ้มค่าด้วยเลือด
เย่เซิ่งเทียนเก็บความคิดของตนไว้ได้อย่างดีมาก แสดงสีหน้าออกซึ่งความตื้นเต้น และก็แสดงให้เห็นถึงความประหม่าขึ้นมา รีบกุมมือคำนับไหว้พร้อมโค้งตัวค้อมคำนับ
“ฉันเย่เซิ่งเทียน กราบคารวะท่านลุง”
“ไม่ต้องมากพิธี”
เซียวเทียนเฉิงทำท่ายื่นมือพยุง พูดอย่างสะเทือนใจว่า “ไม่คิดว่าลูกชายของน้องหมิงยู่ โตขึ้นมาขนาดนี้แล้ว คงต้องผ่านทุกข์ยากร้อนหนาวมามาก คุณดั้นด้นมาถึงที่นี่ คงตรากตรำลำเค็ญมาไม่น้อย บอกมาเถอะ คุณมีอะไรที่จะให้ช่วย ขอให้เป็นเรื่องที่ช่วยคุณได้ จะต้องให้คุณสมหวังแน่นอน”
เย่เซิ่งเทียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วพูดไปว่า “ขอท่านลุงโปรดได้ช่วยแก้แค้นให้แม่ฉันด้วย แม่ของฉันถูกสรวงสวรรค์จับตัวไป ข้ามีแต่คิดจะถล่มล้มสรวงสวรรค์ให้ล่มสลาย ช่วยแม่ฉันออกมา”
เซียวเทียนเฉิงถอนหายใจยาวพูดไปว่า “เฮ้อ ฉันรู้ถึงความแค้นในใจของคุณอยู่ แต่เรื่องนี้ฉันคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ในเวลานี้ คุณคงต้องหาทางด้วยตัวเอง ฉันคงได้แต่คอยแอบช่วยอยู่เบื้องหลัง ลองดูว่ามีเรื่องอื่นอะไรที่ฉันพอช่วยได้อีกบ้าง”
เย่เทียนเอาอารมณ์แค้นอยากฆ่าของตนย้ายไปใส่ที่สรวงสวรรค์อย่างลงตัวได้เป็นอย่างดี แกล้งออกอาการสะอื้นพูดไปว่า “ท่านลุง ฉันผู้น้อยไม่มีอื่นใดที่จะขอ หวังเพียงเรื่องเดียวคือถล่มสรวงสวรรค์ให้ล่มสลาย เพื่อช่วยแม่ฉันออกมา”
“คุณเด็กน้อยเอ๋ย เฮ้อ”
เซียวเทียนเฉิงคอยลอบสังเกตอากัปกิริยาของเย่เซิ่งเทียน จู่ ๆ พูดขึ้นว่า “ปีนั้นที่เผ่าซวนหยวนถูกถล่มล่มสลายไปนั้น ตระกูลเซียวจะปัดทิ้งความรับผิดชอบไม่ได้ ถึงยังไงตระกูลเซียวกับเผ่าซวนหยวนก็เป็นญาติพี่น้องกัน แต่เข้าไปช่วยไม่ได้มาก ตอนนี้คุณมาหาฉันถึงที่ ตามหลักที่ถูกต้อง ฉันยังไงก็ต้องช่วยอะไรแกบ้าง”
ไอ้คุณแก่นี่ ยังคิดจะมาลองใจฉันอีก
เย่เซิ่งเทียนนึกด่าอยู่ในใจ แกล้งทำเป็นทอดอาลัยพูดไปว่า “ท่านลุง บอกตรง ๆ นะครับ แต่ก่อนฉันก็มีความเจ็บแค้นตระกูลเซียวอยู่บ้าง แต่ในหลายปีที่ผ่านมากับสบเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมาย ได้รู้แล้วว่าสรวงสวรรค์นั้นมีอิทธิพลใหญ่มาก มีหลายอย่างที่เป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ ฉันเชื่อว่าในปีนั้นตระกูลเซียวก็คงไม่อยากเห็นตระกูลเผ่าซวนหยวนต้องถูกถล่มล่มสลายไป แต่สรวงสวรรค์แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ตระกูลเซียวถ้ายื่นมือเข้าไป ก็ต้องประสบกับเรื่องที่ไม่อยากจะคิด ตอนนี้ผมไม่เคืองตระกูลเซียวแล้ว แค้นแต่สรวงสวรรค์”
“เรื่องการรับมือกับสรวงสวรรค์ ฉันจะไม่ดึงตระกูลเซียวลงน้ำไปด้วย ที่ข้ามาในครั้งนี้ ก็เป็นการแอบเข้ามา คิดตั้งใจจะมาผูกพันธมิตรกับตระกูลเซียว ขณะเดียวกันก็จะมาขอท่านลุงช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนวิชาบ้าง ฉันก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้เป็นการขอในสิ่งที่สร้างความลำบากใจผู้ให้อยู่ แต่ทุกวันนี้คนที่ฉันจะขอความช่วยเหลือได้ก็มีแต่ตระกูลเซียวเท่านั้นแล้ว”
คำพูดของเย่เซิ่งเทียนละเอียดชัดเจน ไม่ได้บอกว่าไม่เคยมีความแค้นต่อตระกูลเซียว แต่พูดไปตรง ๆ อย่างเปิดกว้าง
ต้องเป็นแบบนี้ ถึงจะได้รับการไว้ใจจากเซียวเทียนเฉิง
ถ้าบอกว่าไม่เคยคิดแค้น เซียวเทียนเฉิงจะไม่ยอมเชื่อแน่นอน
เซียวเทียนเฉิงผงกหัวพูดว่า “ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันก็ต้องเจ็บแค้นตระกูลเซียว อันนี้ฉันก็เข้าใจได้ เห็นว่าคุณทะลวงเข้าไปถึงแดนลอยเมฆสามชั้นแล้วหรือ?ทะลวงเปิดเสินฉางไปได้สามเสินฉางแล้วหรือ?”
เย่เซิ่งเทียนก็ไม่ได้ปิดบัง “ใช่ครับ เพิ่งจะทะลวงผ่านไม่นานนี้เอง”
เหล่าเฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดเตือนขึ้นมาว่า “ท่านเจ้าบ้าน คุณชายเย่ใช้เวลาเพียงเดือนเดียว ก็ทะลวงเปิดเสินฉางธาตุน้ำได้”
“โอ้?ได้งั้นจริงหรือ?”
เซียวเทียนเฉิงก็แอบนึกอัศจรรย์ใจอยู่
ไม่คิดว่าในโลกมนุษย์ภายใต้สถานะที่ขาดข้อมูลหลักวิชาแดนลอยเมฆนั้น เย่เซิ่งเทียนยังสามารถหาตำรับวิชานี้ได้ถึงสามตำรับ อีกทั้งใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนก็ทะลวงเปิดเสินฉางธาตุน้ำได้สำเร็จ
นี่ต่อให้อยู่ในตระกูลลี้ลับ ก็ยังต้องจัดว่าอัจฉริยะแล้ว
เย่เซิ่งเทียนรีบตอบไปว่า “ใช่ครับท่านลุง เป็นการทะลวงเปิดอย่างมั่วสุ่ม ถึงตอนนี้พลังปราณก็ยังไม่เสถียร ก็งคงเป็นเพราะอาการแทรกซ้อนจากการฝืนทะลวงเปิดในตอนนั้น”
จุดนี้เซียวเทียนเฉิงก็มองออก
ตั้งแต่ก้าวแรกที่เย่เซิ่งเทียนเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังปราณของเย่เซิ่งเทียนเลื่อนลอยไม่หนักแน่น เห็นชัดได้ว่าเสินฉางไม่เสถียร
เซียวเทียนเฉิงก็ตำหนิไปว่า “ก็ความยังอ่อนวัย หุนหันพลันแล่นเกินไป การจะทะลวงเปิดเสินฉางอวัยวะภายในทั้งห้านั้น ต้องบ่มเพาะอวัยวะภายในทั้งห้าก่อน แล้วค่อย ๆ เปิดทีละจุด หลังจากนั้นจึงค่อยแปรสภาพเป็นห้าจิตวิญญาณ ดูตามสภาพของคุณ คุณคงไปฝืนทะลวงเปิดแล้ว ก็รีบเร่งรวมผสานห้าจิตวิญญาณทีเดียวเลยใช่ไหม?”
เย่เซิ่งเทียนแสดงอาการไม่สบายใจ พูดว่า “ที่ท่านลุงพูดนั้นใช่เลย ฉันไม่มีคนช่วยชี้แนะ ตลอดเวลามานั้นคลำมั่วมาเอง บวกกับการกระตุ้นจากเลือดต่างสายตระกูลเย่ ฉะนั้นจึงทะลวงเปิดได้สำเร็จ ฉันยังรู้สึกว่าเหมือนมีพลังอะไรอีกอย่างหนึ่งแฝงอยู่ในตัว ลักษณะคล้ายกันมากกับเลือดต่างสายตระกูลเย่ แต่ก็ไม่เหมือนเลยทีเดียว และทุกครั้งที่จะให้ระเบิดออกมา ก็กลับเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง”
เซียวเทียนเฉิงสะดุ้งขึ้นมาในใจ
เขารู้ดีเลยว่านั่นคืออะไร
คือเลือดเทพแห่งซวนหยวน!!