คำพูดของเย่เซิ่งเทียน ทำให้สามพ่อลูกตระกูลเซียวขมวดคิ้วแน่น
ประเด็นคือ พวกเขายังไม่ได้โต้แย้งอะไร
สำหรับตระกูลเซียวของพวกเขาแล้วเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด แต่สำหรับหมอเทวดาหลินแล้วกลับไม่ได้สำคัญอะไร
ทำลายตระกูลเซียว หลินเย่ก็ได้รับทรัพยากรจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าไม่ทำลายตระกูลเซียว หลินเย่เองก็ไม่ได้เสียหายอะไร
แต่สำหรับตระกูลจงแล้วมันไม่เหมือนกัน ตระกูลจงอยากขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด และวิธีที่เร็วที่สุดก็คือเหยียบตระกูลเซียวขึ้นไป
คิดจะทำลายตระกูลเซียว ตอนนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่สุดแล้ว หากพลาดโอกาสนี้ ถ้าปล่อยให้ตระกูลเซียวรอดไปได้หรือมีตระกูลอื่นชิงลงมือเสียก่อน ตระกูลจงจะยิ่งได้รับน้อยลงกว่าเดิม
เย่เซิ่งเทียนตอบไปอย่างไม่ไยดีว่า “คุณจง คุณคิดให้ดีดี ตระกูลจงของพวกคุณเองที่ต้องการฉัน ไม่ใช่ฉันต้องการตระกูลจง ตระกูลเซียวจะเป็นยังไง มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
จงหยู่หัวเราะ ตอบกลับอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “หมอเทวดาหลินพูดได้ไม่เลว ที่จริงแล้ว ทำลายหรือไม่ทำลายตระกูลเซียว มันก็ไม่ได้กระทบอะไรกับหมอเทวดาหลิน แต่ว่า ระหว่างพวกเรามีพื้นฐานของความเชื่อมั่นอยู่แล้ว ร่วมมือกันครั้งหนึ่งแล้ว มันจะไม่มีครั้งที่สองเลยหรือ? โลกเปลี่ยนแปลงไป คิดว่าหมอเทวดาหลินเองก็น่าจะรู้ใช่ไหม? กำลังเพียงคนเดียว มันไม่มีประโยชน์อะไรกับการเปลี่ยนแปลงตรงหน้า”
เย่เซิ่งเทียนไม่ได้ตอบอะไร ปล่อยให้เขาพูดต่อไป
จงหยู่แอบด่าอยู่ในใจ เจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ ภายนอกดูเป็นคนหัวแข็ง แต่ภายในเป็นคนละเอียด
เขายิ้ม ยืนขึ้นและเดินไปสองสามก้าว และหันมาพูดอย่างเด็ดขาดว่า “ถ้าหมอเทวดาหลินยินยอม จากนี้ตระกูลจงของฉันจะยอมสนับสนุนหมอเทวดาหลินเอง”
“ห่ะ?”
เย่เซิ่งเทียนหัวเราะเยาะเย้ยและพูดว่า “ฉันเป็นหมอชาวบ้านพเนจรคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าคุณจะลงทุนกับฉัน? ตาแก่ คุณนี้ช่างใจคดนัก คิดจะให้ฉันออกน่าหรือ? สรวงสวรรค์ ฟ้าสยบ รวมถึงตระกูลลี้ลับอื่นๆ อันไหนที่ว่าง่าย? มีอันไหนบ้างที่ไม่ได้ทำธุรกิจเกินร้อยปี?ตระกูลจงของพวกคุณถือดียังไงมาพูดจาแบบนี้? ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่นะ”
จงหยู่ไม่ได้สนใจน้ำเสียงที่ดูหมิ่นของเย่เซิ่งเทียน ตอบอย่างเรียบเฉยว่า “ความสำเร็จทุกอย่างอยู่ที่ความพยายามของคน ตระกูลลี้ลับกับสรวงสวรรค์ไม่ต้องจัดการ ตอนนี้ขาดอยู่แค่คนเดียว หากหมอเทวดาหลินยินยอม ตระกูลจงของฉันพร้อมจะสนับสนุน แต่ถ้าไม่ยินยอม ก็ถือซะว่าตาแก่หงำเหงือกพูดจาไร้สาระแล้วกัน แต่ในเมื่อตาแก่หงำเหงือกกล้าพูดได้แบบนี้ นั้นก็พึ่งพาได้แน่นอน”
“สรวงสวรรค์ทรงพลังจริงๆ แต่ฟ้าสยบกับสรวงสวรรค์แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยขัดแย้งกัน ทำลายตระกูลเซียว เป็นเพียงแค่ก้าวแรก เหมือนตระกูลเหย้ ตระกูลเฟิง ตระกูลซุน ตระกูลมั่ว ตระกูลโจวเป็นต้น บรรดาตระกูลเหล่านี้ ตราบใดที่ผลประโยชน์เพียงพอ พวกเขาก็จะตกลงทันที แม้ว่าภายนอกตอนนี้จะอยู่ภายใต้อำนาจของสรวงสวรรค์ นั้นก็เป็นเพราะเวลายังมาไม่ถึงเท่านั้น”
เย่เซิ่งเทียนยิ้มและตอบ “หรือว่าตอนนี้จะถึงเวลาแล้ว?”
จงหยู่พยักหน้า “ถูกต้อง เย่เซิ่งเทียนปรากฏตัวแล้ว ตระกูลอื่นๆ ต่างก็จับตามองกัน ครั้งนี้เย่เซิ่งเทียนทำตระกูลเซียววุ่นวาย และถูกคนช่วยเหลือไปได้ การปรากฏตัวครั้งหน้า ไม่แน่อาจจะรวมตัววิญญาณของสรรพสัตว์ทั้งหลาย นี่แหละคือโอกาส! แม้ว่าเย่เซิ่งเทียนจะเป็นของทดลองของสรวงสวรรค์ แต่ทำไมไม่ได้เป็นของทดลองของตระกูลลี้ลับหล่ะ? ทุกคนต่างพากันจับจ้องมองดูกัน”
“เทพอาวุโสทั้งห้าของสรวงสวรรค์ล้วนอยากจะเป็นเทพทั้งนั้น หรือว่าเหล่าบรรดาเหล่าจู่ของตระกูลเซียวไม่คิดอยากจะเป็น? คนของฟ้าสยบพวกนั้นไม่คิดหรือ? บรรดาผู้สันโดษที่แข็งแกร่งไม่อยากเป็นหรือ? ดังนั้น เย่เซิ่งเทียนเป็นสาเหตุของความวุ่นวาย สรวงสวรรค์ต้องการจะควบคุมทั้งหมด มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น นอกเสียจากว่าฆ่าคนอื่นๆ ให้หมด โลกแห่งมหาสงคราม ใครบ้างไม่อยากมีชื่อเสียงโด่งดัง? ใครบ้างไม่อยากก้าวเข้ามา?”
“โลกแห่งมหาสงคราม สู้เพื่อมีชีวิตรอด ถอยก็ตาย โอกาส ต้องแย่งชิงกันมา ดังนั้น ในเมื่อตระกูลพวกเราทั้งสองตอนนี้เข้ากันได้ไม่เลว ทำไมไม่ร่วมมือกันสักตั้งหล่ะ? ตระกูลจงของพวกฉันอยากขึ้นตำแหน่งสูงสุด ส่วนหมอเทวดาหลินเองก็ต้องการทรัพยากรไว้บำเพ็ญตน ยี่สิบแปดสิบสำหรับตระกูลจงของฉันแล้วจริงๆ มันก็ไม่พอหรอก แต่เพื่อแสดงความจริงใจจากตระกูลจงของพวกฉัน หกสิบสี่สิบ เป็นจำนวนที่ตระกูลจงของฉันยอมรับได้แล้ว”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างเย้ยหยันว่า “เพื่อนเอ๊ย ที่พูดมายาวแบบนี้ จะให้ฉันยอมลดราวาศอกใช่ไหม? ฉันเองก็ไม่ได้เป็นคนที่พูดยาก ในเมื่อคุณเองก็ถอยให้ก้าวหนึ่งแล้ว งั้นฉันก็ถอยให้ก้าวหนึ่งแล้วกัน เจ็ดสิบสามสิบ ถ้าตกลงก็ร่วมมือกัน ถ้าไม่ตกลงก็โมฆะกันไป”
จงหยู่กัดฟันและตอบว่า “ตกลง เจ็ดสิบสามสิบก็เจ็ดสิบสามสิบ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นตาแก่อย่างฉันจะพาหมอเทวดาหลินไปตระกูลเซียว ธุระจัดการกับเหล่าจู่ของตระกูลเซียวก็มอบให้เป็นหน้าที่ของหมอเทวดาหลินแล้วกัน”
เย่เซิ่งเทียนแสร้งทำท่าทีไม่สนใจและพูดว่า “พูดเรื่องไร้สาระให้น้อย รีบลงมือเถอะ”
แววตาเย่เซิ่งเทียนเป็นประกาย เดิมทีเขาเองก็กำลังคิดหาวิธีจะทำลายตระกูลเซียวได้ยังไง เขาสามคน ปู่หอคอย และเย่ว์อิ่นหลง อยากจะทำลายตระกูลเซียวทั้งหมด เป็นเรื่องยากที่จะทำลายล้างให้ราบคาบ ยังไงก็ต้องมีคนหนีไปได้บ้าง
แต่ถ้ามีตระกูลจงคอยเก็บกวาดสนามรบอีกครั้ง ก็จะไม่กลัวว่าตระกูลเซียวจะมีคนหนีไปได้อีก!
เซียวเทียนเฉิง ฉันกลับมาแล้ว!