Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1454 ตกเหว

ตอนที่ 1454 ตกเหว
พรวดๆๆ!
ค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดขนาดประมาณหินโม่มากมายระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เปลี่ยนเป็นหมอกสีเลือดกระจายออกมา
ร่างหลินสวินราวกับเหล็กหมาดเล่มหนึ่ง ก้าวบนเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวนั่น เพราะเป็นการพุ่งสังหาร ไม่ถึงกับไว แต่ไม่ช้าแน่
ถึงอย่างไรค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดเหล่านั้นก็ไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ถึงขั้นเทียบกับหนิวทุนเทียนและเมิ่งเหลียนชิงได้
หลินสวินคนเดียวเผชิญกับการล้อมโจมตีและสามารถสังหารเส้นทางเลือดออกมาเส้นหนึ่งได้ ภาพนี้หากเหล่าผู้แข็งแกร่งค่ายจักรวรรดิเห็นเข้า คงตะลึงอย่างต่อเนื่องอีกแน่
สวบๆๆ…
เพียงแต่สิ่งที่หลินสวินคิดไม่ถึงคือ พอเขาก้าวขึ้นเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวและพุ่งไปข้างหน้า ในหมอกสีเทาเหนือทางลำเลียงนั่น ค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดนับร้อยพันพุ่งออกมาอีกครั้ง
และพุ่งมาไม่ขาดสาย!
ภาพนั้นราวกับคลื่นสัตว์ปะทุ ฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงร้องแหลมอย่างที่สุด กึกก้องสะเทือนหู
สิ่งมีชีวิตพวกนี้ถนัดโจมตีด้วยเสียงอยู่แล้ว
และตอนนี้เมื่อกรีดร้องโจมตีพร้อมกัน หากเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นคงต้านทานไม่ไหวตั้งนานแล้ว
แต่หลินสวินไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ฮูม…
รอบตัวเขาปราณกระบี่ไท่เสวียนหนาแน่นพุ่งออกมา สว่างไสวราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอด เปลี่ยนเป็นค่ายกลกระบี่สังหารพิฆาตนรกและโคจรโดยพลัน
ชั่วขณะเดียวมีค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดหลายสิบตัวถูกสังหารอย่างไร้ปรานี!
คาวเลือดเข้มข้น พรั่งพรูอย่างต่อเนื่องประหนึ่งน้ำตก สถานการณ์น่าทึ่งอย่างที่สุด
แต่สีหน้าของหลินสวินนิ่งสงบ ไม่เคยหยุดมือตั้งแต่ต้นจนจบ
ดาบหักที่ขาวเจิดจ้าราวกับหิมะโฉบผ่านอากาศ ถูกจิตรับรู้ควบคุม สำแดงหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ดุร้ายรุนแรงหาที่เทียบไม่ได้ ไอสังหารตะลึงฟ้า
รอบตัวเขาแสงมรรคเก้าพิสุทธิ์เปลี่ยนเป็นหุบเหวใหญ่ นอกจากเป็นวิธีป้องกันที่เรียกได้ว่าน่ากลัวแล้ว ยังเป็นไม้ตายที่กำราบคู่ต่อสู้
ส่วนปราณกระบี่ไท่เสวียนเปลี่ยนเป็นค่ายกลกระบี่เปิดทางอยู่ด้านหน้า ปราณกระบี่สุกสกาวตัดสลับไปมา บุกขึ้นหน้าอย่างง่ายดายตลอดทาง
ยามนี้พลังหลอมจิต หลอมกายและหลอมปราณของหลินสวินโคจรพร้อมกัน ระเบิดอานุภาพออกมา เพียงพอจะทำให้อริยะตะลึง
จากจุดนี้สามารถดูออกว่าการโจมตีของค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดเหล่านี้แข็งแกร่งเพียงใด มิฉะนั้นไม่มีทางบีบให้หลินสวินต้องต่อสู้เต็มกำลังแน่
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น
หลินสวินได้สังหารมาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว นั่นเป็นกำแพงหน้าผาของภูเขาที่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง ระหว่างกำแพงหน้าผาเปิดช่องว่างช่องหนึ่ง ทำให้คนสามารถลอดไปได้
เห็นเช่นนี้หลินสวินพลันพุ่งไปอย่างไม่ลังเล
แม้เขาไม่กลัวค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดเหล่านั้น แต่จำนวนของสัตว์ประหลาดพวกนี้มากเกินไป ราวกับฆ่าไม่หมด ทำให้อดหงุดหงิดไม่ได้
ตูม!
แต่ยังไม่ทันที่หลินสวินจะก้าวไปอีกฝั่งของเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว ค้อนกระดูกขาวด้ามหนึ่งพลันพุ่งออกจากช่องว่างกำแพงหน้าผา ทุบมาทางหลินสวินอย่างแรง
ไวเกินไปแล้ว!
การโจมตีนี้เหมือนเตรียมการมานาน รอเพียงหลินสวินปรากฏตัว
อีกอย่างกลิ่นอายที่แผ่ออกจากค้อนกระดูกขาวก็ยิ่งใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ อานุภาพแข็งแกร่งอย่างที่สุด
ในช่วงเวลาอันตรายที่สุดนี้ แผ่นหลังของหลินสวินปรากฏปีกผลาญเทพสีดำสนิทคู่หนึ่ง เงาร่างพริบไหวหลบการโจมตีนี้ได้อย่างหวุดหวิด
ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดหลินสวินก็เห็นผู้ลงมือชัดแล้ว…
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ!
เงาร่างผอมซูบของเขาราวกับเงามืด ยืนอยู่บนทางเดินกำแพงหน้าผานั่น สีหน้าเย็นชา
“เป็นเฒ่าสารเลวอย่างเจ้าอีกแล้ว!”
หลินสวินสีหน้าทะมึน
เมื่อไม่นานมานี้ในศึกถกมรรคบนเขาพินิจมรรค เขาเคยถูกพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬตามฆ่า มีหรือจะจำเจ้าเฒ่าสารเลวคนนี้ไม่ได้
“ส่งปีกที่อยู่บนหลังเจ้ามาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าเย็นเยียบ ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัววับวาบในดวงตา
หลินสวินนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะมาที่นี่ เขาเคยได้ยินเสียงร้องแหลมสูงระลอกหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าตอนที่พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬข้ามเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวนี่ ก็เคยถูกค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดโจมตีเช่นกัน
“เฒ่าสารเลว เจ้าบาดเจ็บสาหัสจำต้องหนีมาที่นี่แล้ว กลับยังมีเฝ้านึกถึงสมบัติของข้า ทะเยอทะยานจริงๆ”
หลินสวินยิ้มเยาะ
ตูม โครม โครม!
เพิ่งจะสิ้นเสียงค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดฝูงหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาหลินสวิน ทำให้เขาไม่อาจสนใจอย่างอื่น จำต้องเปิดการต่อสู้
เห็นเช่นนี้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้ “เจ้าตัวน้อย คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร เจ้าจนตรอกแล้ว ยังไม่ยอมมอบสมบัติสักชิ้นออกมาหรือ”
มีคนหนุนหลังจึงไม่เกรงกลัว
เพราะเขาเคยสำรวจที่แห่งนี้แล้ว รู้ดีว่าขอเพียงแค่ยังอยู่บนเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว หลินสวินก็จะถูกค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดโจมตีอย่างต่อเนื่อง
และทางออกเดียวที่มีตอนนี้ก็ถูกเขาควบคุมแล้ว!
ด้านหลังพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬมีชายหญิงคู่หนึ่ง หน้าตาผู้ชายหล่อเหลา ผิวขาวกระจ่าง ทั้งร่างอยู่ในเงามืดชั้นหนึ่ง
ส่วนร่างของผู้หญิงแผ่กลิ่นอายสว่างไสวออกมารอบๆ ใบหน้าหยกงดงามไร้ที่ติ สง่างามน่าเกรงขาม ราวกับเทพธิดาองค์หนึ่ง
พวกเขาก็คืออัจฉริยะพ่อมดเถื่อนที่มีสมาญนามว่า ‘คู่แฝดรุ่งรัตติกาล’
“เป็นเขาหรือที่ฆ่าพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง”
ชายคนนั้นอ้าปาก เขานามว่าอั้นหลิงเจิน ในดวงตาที่มองมาทางหลินสวินแฝงความรังเกียจ
“แน่นอนว่าเป็นเขา ยังไม่บรรลุอริยะก็สามารถบุกผ่านเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวโดยลำพัง พลังต่อสู้น่ากลัวมากจริงๆ”
ดวงตาเย็นเยียบของผู้หญิงวูบไหว นางนามว่ากวงฝู่ชิง
“ใต้เท้าพ่อมดอริยะ รีบฆ่าเขาเถอะ จะให้เขามีชีวิตรอดไม่ได้!”
อั้นหลิงเจินสีหน้ามืดทะมึน จากตัวหลินสวินทำให้เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำเอาเขารู้สึกใจสั่น
“ดี!”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬพยักหน้า เสียงวู้มดังขึ้นคราหนึ่ง ค้อนกระดูกขาวโฉบขึ้นอีกครั้ง พุ่งไปทางหลินสวิน
ตูม!
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวทะลักออกจากค้อนกระดูกขาว เร็วจนเหลือเชื่อ ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายทำลายล้างที่เกิดขึ้น ทำให้ค้างคาวอาฆาตวิญญาณเลือดที่กระจายอยู่ข้างทางระเบิดจนแหลกละเอียดทั้งหมด
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ พลังรอบกายระเบิดออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดาบหักพาดขวางโจมตีออกไป
ปัง!
ในเสียงปะทะหลินสวินถูกสะเทือนจนเซถอยออกไปสิบกว่าจั้ง สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ทรมานจนแทบจะกระอักเลือด
แต่ในดวงตาของเขากลับวาบประกาย
นี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของเขาหลังจากก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า และคู่ต่อสู้ก็คือตัวตนที่อยู่ในระดับอริยะแท้ แม้ทำให้เขาทรมานอย่างที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็รับการโจมตีไว้ได้แล้ว!
ก่อนหน้านี้นี่เป็นเรื่องที่หลินสวินไม่กล้าจินตนาการเลยด้วยซ้ำ
ต้องรู้ว่าอริยะแท้กับอริยะเทียมเป็นการดำรงอยู่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คำกล่าวที่ว่าต่ำกว่าระดับอริยะล้วนประหนึ่งมดปลวกไม่ใช่คำพูดลอยๆ
แต่ตอนนี้เขาสกัดไว้ได้แล้วจริงๆ!
“นี่…”
อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงที่อยู่ห่างออกไปต่างตกใจ แทบไม่กล้าเชื่อ รู้สึกเหลือเชื่อ
ในสายตาของอริยะ ราชันในมรรคาอมตะก็ราวกับมดปลวก แต่ตอนนี้การโจมตีนี้กลับถูกมดปลวกตัวหนึ่งสกัดเอาไว้โดยตรง!
ใครจะกล้าเชื่อ!
“หึ! หากข้าไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเพราะจ้าวซิงเย่ เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดภายใต้การโจมตีนี้หรือ”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าอึมครึม คล้ายรู้สึกอับอายจนอดเดือดดาลไม่ได้
ตูม!
ตอนที่พูดเขาก็ลงมืออย่างไม่ลังเลอีกครั้ง ค้อนกระดูกขาวขวางอากาศ พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน ทุบไปทางหลินสวิน
เพียงแต่ตอนนี้เองปีกผลาญเทพด้านหลังหลินสวินพริบไหว หายแวบไปกลางอากาศ
ครู่ต่อมาตัวเขาก็มาปรากฏตรงหน้าพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬแล้ว
และในฝ่ามือ ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตที่ราวกับตีหลอมจากมันแพะปรากฏขึ้น
แม้เป็นแค่ขวดขนาดไม่กี่ชุ่น แต่ในสายตาของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬกลับทำให้ในใจเขาสะท้านทันใด รู้สึกถึงการคุกคามที่อันตรายถึงชีวิต
แย่แล้ว!
เขาเพิ่งคิดจะหนี ก็เห็นในขวดมหามรรคไร้ขอบเขตยิงทวนศึกสว่างไสวเล่มหนึ่งออกมา
นี่คือพลังที่จ้าวซิงเย่ทิ้งเอาไว้ให้ เป็นการโจมตีเต็มกำลังของอริยะแท้คนหนึ่ง และเมื่อผ่านการเสริมพลังของขวดมหามรรคไร้ขอบเขต อานุภาพของการโจมตีจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี!
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย จู่ๆ พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ส่งเสียงตะคอก “เด็กเมื่อวานซืน เจ้าก็ไม่รอดหรอก!”
ตูม!
เสียงปะทะน่ากลัวดังก้อง สะเทือนจักรวาล เคลื่อนพลังที่น่าสะพรึงตวัดม้วน ทำให้ฟ้าดินผืนนี้ยังโอดครวญไปด้วย
ที่น่าแปลกคือ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางลำเลียงกระดูกขาวหรือกำแพงหน้าผารอบๆ กลับไม่เคยได้รับความเสียหายภายใต้ผลกระทบจากพลังที่น่ากลัวนี้!
ทว่าพลันเห็นเงาร่างผอมซูบของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถูกทวนเล่มหนึ่งแทงทะลุ ทั้งร่างปลิวออกไปอย่างแรง ในปากส่งเสียงตะโกนอย่างเจ็บปวดรุนแรง
ส่วนหลินสวินเงาร่างเหมือนว่าวที่สายป่านขาด ถูกซัดจนปลิวออกมา ตกไปในเหวลึกด้านล่างเส้นทางลำเลียงกระดูกขาว
หมอกสีเทาในเหวเลือนรางไม่ชัดเจน ไม่นานเงาร่างของหลินสวินก็หายไป
อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงที่โชคดีปลอดภัยต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ทั้งร่างเหมือนตกไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
ยิ่งไม่สามารถเชื่อได้ว่า พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถึงกับถูกแทงทะลุร่างปลิวออกไป!
“แย่แล้ว! รีบไปดูใต้เท้าพ่อมดอริยะ”
ทันใดนั้นอั้นหลิงเจินขนลุกซู่ พุ่งห่างออกไป
ในป่าต้นหม่อนที่น่ากลัวและอันตรายนี้ หากพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬตาย ด้วยพลังของเขากับกวงฝู่ชิงก็ยากจะเดินหน้าต่อแล้ว
กวงฝู่ชิงเองก็แข็งทื่อไปทั้งตัว รีบตามไป
ไม่นานทั้งสองก็เจอพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ ร่างกายเขาล้วนแตกหักระเบิดแหลก เหลือไว้เพียงแค่พลังจิตเสี้ยวหนึ่งส่ายไปมาอยู่ในอากาศ ดูน่าอนาถอย่างที่สุด
“ใต้เท้าพ่อมดอริยะ!”
ทั้งสองโศกเศร้า จนตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลินสวินจึงสามารถทำร้ายพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬได้ นี่เหลือเชื่อเกินไปแล้วจริงๆ
“สมบัติในมือเจ้าหมอนั่นมหัศจรรย์เกินไป หากไม่ใช่เช่นนี้… ข้าไม่มีทางได้รับบาดเจ็บขนาดนี้”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬหายใจหอบ เสียงแหบพร่า เขาเหลือเพียงพลังจิต ร่างกายได้เปลี่ยนเป็นเลือดเนื้อที่ไม่เหลือสภาพอยู่บนพื้น
นี่ทำให้เขาชิงชังอย่างยิ่ง เป็นถึงอริยะแท้ ตอนนี้กลับถูกมดปลวกตัวหนึ่งทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ช่างเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง
“แต่เจ้าหมอนั่นก็ถูกฝ่ามือของข้าตบจนตกไปในเหวลึกนั่น จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ตายแล้วก็ดี ตายแล้วก็ดี…” อั้นหลิงเจินพึมพำ เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่า หากปล่อยให้หลินสวินรอด นั่นจะต้องเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวอย่างแน่นอน
ยังไม่บรรลุอริยะก็สามารถทำร้ายอริยะแท้คนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส แค่คิดก็ใจสั่นแล้ว
“ใต้เท้าพ่อมดอริยะ บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
กวงฝู่ชิงพูดอย่างกังวล
“ไม่ตายหรอก”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬกัดฟัน “แต่ข้าต้องการทำสมาธิที่นี่ช่วงหนึ่ง พวกเจ้าช่วยปกป้องข้า”
“ได้”
อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงต่างพยักหน้า
ในเวลาเดียวกันร่างของหลินสวินตกลงไปในเหวลึกหมอกหนาอย่างต่อเนื่อง ปากจมูกกบเลือด การรับรู้เลือนราง
ฝ่ามือที่ราวกับตบออกมาสุดชีวิตของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ใช่เพราะพลังหลอมกายของเขาน่าทึ่ง ต้องไม่สามารถต้านทานการเข่นฆ่าระดับนี้ได้แน่
ตอนนี้ด้วยสัญชาตญาณ หลินสวินดิ้นรนสุดชีวิต หมายจะเหินทะยานขึ้นไป แต่สิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังคือ ในเหวลึกนี่มีพลังต้องห้ามไร้รูปอย่างหนึ่งกดข่มอยู่รอบตัวเขา ทำให้เขาไม่เพียงไม่สามารถดิ้นรนได้ ร่างกายยังถูกกดจนดิ่งลงไปเรื่อยๆ
และไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงปังดังลั่น โคลนที่เหม็นคาวสาดกระเซ็น ร่างหลินสวินกระแทกกลางโคลนอย่างแรง
ความเจ็บปวดอย่างหนักทำให้ภาพตรงหน้าเขามืดสลัวลง เกือบจะหมดสติไป
นิยายเรื่องนี้เข้าร่วมโปรโมชั่นงานหนังสือ fic Meta Sale
เพิ่มตอนแบบจุกๆ!!!
อัปเพิ่ม +2
28-31 มี.ค. 65 เวลา 20.00 น. เท่านั้น!
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท