บัญชามังกรเดือด บทที่ 239 อย่าบีบบังคับฉัน
ไม่นานนัก เรือลำใหญ่ก็ค่อย ๆ จอดเทียบท่า
ฝั่งตรงข้าม มีผู้กล้าตายที่ปักดอกไม้สีแดงไว้ตรงอกคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง: “ผู้ที่ย่างกรายเข้ามาในเป่ยเจียง ตาย!”
ทันใดนั้นเอง จำนวนคน 200 คนถ้วนก็ชักดาบยาวออกมาจากปลอกดาบพร้อมเพรียงกัน แล้วตะโกนเสียงดัง: “ผู้ที่ย่างกรายเข้ามาในเป่ยเจียง ตาย!”
เสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งสี่ทิศ ไอสังหารมากมายมหาศาล
นี่เป็นการข่มขู่ฉินเทียน
เมื่อเผชิญหน้ากับภาพเหตุการณ์เช่นนี้ จุยเฟิงจึงค่อย ๆ ชักดาบตรงเอวออกมา
“ฉัน ราชาลับจุยเฟิงแห่งหนานเจียง วันนี้ขอให้สัตย์ปฏิญาณไว้ ณ ที่นี้ว่า!”
“ถ้าเกิดฉินเทียนและนายท่านตายอยู่ในเป่ยเจียง ชั่วชีวิตนี้ ฉันจุยเฟิงจะปราบปรามเป่ยเจียงให้เรียบอย่างแน่นอน ใช้เลือดล้างตระกูลหลิว!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ฟันดาบออกไปกะทันหัน กลิ่นดาบตัดสลับไปบนผิวแม่น้ำ ผ่าออกเป็นคลื่นดาบที่น่าทึ่ง
อำนาจบารมีนี้ไม่ด้อยไปกว่าจำนวนคน 200 คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเลย
มีรังสีแห่งความหวาดผวาปรากฏขึ้นมาในแววตาของผู้กล้าตายที่พูดในเมื่อกี้นี้
เขาแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น: “จุยเฟิง เงื่อนไขที่คุณหญิงของเราเสนอให้พวกแกคืออนุญาตให้ฉินเทียนมาคนเดียวเท่านั้น”
“ในฐานะที่แกเป็นราชาลับ หากบังอาจเหยียบย่ำลงบนผืนแผ่นดินของเป่ยเจียงแม้แต่ก้าวเดียว ศีรษะของตาแก่อันก็จะร่วงหล่นลงพื้นทันที”
คุณหญิงที่เขาหมายถึงคือราชาหยก ยู่หลิงหลง
ยู่หลิงหลงซ่อนตัวอยู่ข้างกายอานกั๋วมานานหลายปี ปัจจุบันเธอเป็นคนลงมือจับกุมตัวอานกั๋วมาถึงเป่ยเจียงด้วยตนเอง
สร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทำให้ราชาเป่ยเจียงหลิวเช่อเปิดเผยตัวตนของยู่หลิงหลงต่อสาธารณชนแล้ว
รวมไปถึงลูกน้องจำนวนมากของเขา ก็ให้การสนับสนุนยู่หลิงหลงเป็นอย่างดีเช่นกัน
เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าครั้งนี้วันล่มสลายของหนานเจียงมาถึงแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้กล้าตายดอกไม้แดง ไอสังหารที่อยู่ในแววตาของจุยเฟิงจึงเดือดพล่าน
ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร แต่เป็นการหันหลัง ใช้มือทั้งสองข้างรองดาบไว้ แล้วส่งไปตรงหน้าฉินเทียน
“ดาบเล่มนี้กว้างสองนิ้ว ยาวสามจุดสามฟุต ตีเหล็กขึ้นรูปมาจากแร่เหล็กของซากส่วนโครงรับน้ำหนักของเรือล่มสมัยราชวงศ์หมิง”
“ชื่อดาบ จุยเฟิง”
“คำนึงถึงความอันตรายและความปลอดภัยของนายท่าน ฉันจึงไม่สามารถลงจากรถพร้อมกับนายได้ งั้นก็ให้ดาบเล่มนี้คอยช่วยนายสังหารศัตรู”
วินาทีนี้ราชาลับที่เย็นชาคนนี้กำลังใช้ดาบฝากฝังให้ฉินเทียนทำหน้าที่แทน ในที่สุดแววตาที่เขามองไปทางฉินเทียนก็ยากที่จะอำพราง เลือดที่ร้อนระอุซัดสาด
ฉินเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถอนหายใจทีหน่ึง
ขอทราบความหมายของดาบเล่มนี้ที่มีต่อจุยเฟิงอยู่
ชื่อของเขาคือจุยเฟิง และชื่อที่ตั้งให้ดาบก็คือจุยเฟิง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขามองว่าดาบเป็นเหมือนชีวิตของตัวเอง
วินาทีนี้ เขานำดาบฝากไว้ให้กับตัวเอง เมื่อดูจากมุมมองใดมุมมองหนึ่งแล้ว มันก็เท่ากับว่าเขาได้นำชีวิตของเขาฝากไว้ให้กับตัวเอง
“ได้!”
“ฉันจะทำให้ชื่อเสียงของจุยเฟิงโด่งดังไปทั่วทั้งเป่ยเจียงเอง”
“วันขากลับ อย่าลืมสัญญาตอนอยู่คฤหาสน์หว้อหลงล่ะ เลี้ยงฉันกินไก่อบ”
จุยเฟิงพูดเสียงทุ้ม: “จะให้ฉันเปิดร้านไก่อบให้นายหนึ่งร้านเลยก็ได้!”
ฉินเทียนหัวเราะเสียงดังลั่น รับดาบมา ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปจากหัวเรือด้วยลักษณะท่าทางที่ดูชิลสบายมาก ๆ แล้วก้าวเท้ายาวมุ่งหน้าตรงไปยังหาดหิน
มองดูฉินเทียนกำลังจะไปท้าประลองกับคน 200 คน จึงทำให้เลือดที่ร้อนระอุของจุยเฟิงฮึกเหิมมาก
“หทาร เข็นกลองรบมา!”เขาตะโกนเสียงดังลั่น
ลูกน้องเข็นกลองขนาดใหญ่ที่ทำมาจากหนังวัวหนึ่งใบ
จุยเฟิงจับไม้ตีกลองไว้ในมือทั้งสองข้าง แล้วตีลงบนกลองจนเสียงดังกระหึ่มดั่งฟ้าร้อง
ตึงตึงตึง!
เสียงกลองที่ดุเดือดเหมือนดังม้าจำนวนมากกระโดดวิ่งขึ้นหน้า เหมือนแตรสัญญาณบนสนามรบ
ทำให้เลือดที่ร้อนระอุของผู้คนซัดสาด
“คุณหญิงมีคำสั่ง หากแซ่ฉินอยากเดินขึ้นหอชงเซียว ก็ต้องผ่านการทดสอบของพวกเราก่อน!”
“พี่น้องทุกคน เตรียมตัว!”
ผู้กล้าตายดอกไม้แดงคนหนึ่งที่เป็นผู้นำ มองหน้าฉินเทียนที่กำลังเดินตรงเข้ามาพลางตะโกนเสียงดัง
ภายใต้การนำพาของผู้กล้าตายดอกไม้แดง 20 คน นักฆ่า 20 กลุ่มจึงเริ่มเคลื่อนไหว
พวกเขาเรียงตัวกันเป็นกำแพงมนุษย์หนึ่งชั้น ดาบกระบี่ที่อยู่ในมือเปล่งประกาย สายตาจ้องเขม็งไปทางฉินเทียน
“ฆ่า!”
เมื่อเห็นว่าฉินเทียนถึงกับกล้ามองข้ามพวกเข้า ฝีเท้าไม่มีท่าทีที่จะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดพวกเขาก็ถูกกระตุ้นจนโกรธเกรี้ยว
ตะโกนเสียงดังลั่นคำหนึ่ง นักฆ่ากลุ่มแรงพุ่งตรงเข้าไปแล้ว
ฉินเทียนพุ่งตรงขึ้นไป
จุยเฟิงปรากฏขึ้นมาในมือภายในชั่วพริบตาเดียว พร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูดเป็นสาย
คนแรกสุดที่พุ่งตรงเข้ามา เอ็นข้อมือถูกตัดขาด ดาบยาวร่วงลงบนพื้น
จากนั้น คนที่สอง คนที่สาม……คนที่หนึ่งร้อย
ฉินเทียนพุ่งเข้าไปในกลุ่มคน และหายเข้าไปในกลุ่มคน
มองออกไปไกล ๆ กระแสมวลชนตรงกลางของวงล้อมซัดกระหน่ำ
และนั่นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้การบุกเข้าไปฆ่าของฉินเทียน
แสงดาบปรากฏแวบหนึ่ง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เขาไม่ได้ลงมือสังหารฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด จวบจนวินาทีนี้ ยังไม่มีใครตายเลยแม้แต่คนเดียว
ทุกคนล้วนเอ็นขาขาดหรือไม่ก็เอ็นข้อมือขาด ส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียความสามารถในการสู้รบ
เนื่องจากเรื่องทุกอย่างยังไม่ค่อยชัดแจ้ง เขาไม่อยากทำทุกอย่างให้มันเด็ดขาดเกินไป
ไม่ว่าจะทำให้คนได้รับบาดเจ็บมากแค่ไหน ก็ยังมีพื้นที่ที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้อยู่ แต่ว่าถ้าเกิดฆ่าคนจริง ๆ เกรงว่าคงต้องกลายเป็นสถานการณ์ที่ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมด
บนหัวเรือ ดวงตาทั้งสองข้างของจุยเฟิงแดงเถือก ตีกลองรบจนดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วท้องฟ้า
เท้าของฉินเทียนไม่หยุดลงเลย ในที่สุดเขาก็ทะลุผ่านกำแพงมนุษย์ไปได้สักที
นักฆ่า 200 คนล้มลงเป็นแถบอยู่รอบกายเขา
“เฮ้!”จุยเฟิงตะโกนเสียงดังลั่นอย่างตื่นเต้น เสียงตึงดังขึ้น ตีกลองใหญ่ที่ทำมาจากหนังวัวจนทะลุเป็นรู
“เฮ้!”พี่น้องในทีมลอบสังหารที่อยู่บนเรือตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า
นึกไม่ถึงเลยว่ากำลังรบของฉินเทียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้
คนเดียวปะทะกับคน 200 คน และใช้เวลาไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
“การเดินทางมาในครั้งนี้ของฉินเทียน แค่ต้องการมาต้อนรับราชาหนานเจียงกลับหนานเจียงเท่านั้น พวกแกอย่าบีบบังคับให้ฉันต้องฆ่าล้างทุกคน”
“มิเช่นนั้น หากเป่ยเจียงต้องถูกย้อมเต็มไปด้วยเลือดละก็ ทุกอย่างจะเป็นการก่อกรรมทำเข็ญของพวกแกเอง!”
เสียงดังกึกก้อง ฉินเทียนถือดาบเลือดไว้ในมือพลางมุ่งเดินตรงไปข้างหน้า
ดูจากข้อมูลที่จุยเฟิงเสนอมา หอชงเซียวตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งที่ห่างจากริมแม่น้ำไม่ไกลมากนัก
แค่ต้องเดินผ่านถนนยาวสาวสิบไมล์ที่อยู่ใต้ภูเขา ก็จะไปถึงเป้าหมายปลายทางแล้ว
ในแววตาของผู้กล้าตายดอกไม้สีแดงทั้ง 20 คน มีรังสีแห่งความตัดไมตรีปรากฏ
“ไอ้แซ่ฉิน ในเมื่อมาแล้ว แกก็มีชีวิตรอดต่อไปไม่ได้แล้ว!”
พวกเขาพุ่งตรงเข้าไปหาฉินเทียนอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ท่ามกลางเสียงตะโกน
พวกเขามีคนที่เอ็นขาขาด มีคนที่เอ็นข้อมือขาด แต่ทว่ามันกลับไม่ส่งผลต่อการแว้งโจมตีก่อนตายพวกเขาเลย
พวกเขาคือผู้กล้าตาย
หากวิธีการทั่วไปไม่สามารถสังหารศัตรูได้ เช่นนั้นก็พวกเขาก็จะใช้ความตายเป็นการเดิมพัน ให้ความดีและความชั่วร้ายได้พังพินาศลงไปพร้อมกัน
คนที่เอ็นขาขาดเคลื่อนที่โดยการคลานอยู่บนพื้น พยายามจะกอดขาของฉินเทียนเอาไว้
คนที่เอ็นข้อมือขาดพุ่งตรงเข้ามา พยายามใช้ร่างเนื้อต้านรับดาบของฉินเทียน
จากนั้นค่อยให้เพื่อนคนอื่น ๆ ฉวยโอกาสสังหารฉินเทียน
“ระวัง!”เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว จุยเฟิงที่อยู่บนหัวเรือก็ตะโกนเสียงดังอย่างอดไม่ได้
แต่ฉินเทียนก็ยังคงไม่หันหน้ากลับไปอยู่เช่นเคย
ทว่าสีหน้าของเขากลับค่อย ๆ เย็นยะเยือกลง
เขาอยากจะออมมือ แต่จะทำอย่างไรได้ ฝ่ายตรงข้ามดันจะรนหาที่ตายเอง!
ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ต้องทำให้พวกมันได้รู้ว่าอะไรคือความโหดเหี้ยม
เท้าของเขาไม่หยุดลงเลย พลิกมือฟาดฟันดาบจุยเฟิงสามจุดสามฟุตออกไป
แสงแห่งความเย็นเยือกหนาวเข้ากระดูก มีเสียงเวิง ๆ ดังขึ้นกลางอากาศ
จุยเฟิงมองดูดาบผีสางเทวดานี้จนตะลึงงันไปเลย เขาคิดเองว่าอย่างน้อยก็ไม่มีใครที่สามารถใช้ดาบเล่มนี้ได้ดีกว่าเขาแล้ว
แต่ว่าสิ่งที่คิดไม่ถึงคือการพลิกมือฟันออกไปอย่างชิลสบายของฉินเทียน จะสร้างพลานุภาพที่รุนแรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!
“กลิ่นดาบ!”
“นี่คือกลิ่นดาบ!”เขาพูดพึมพำอย่างตื่นเต้นดีใจ
เห็นเพียงทุกตำแหน่งที่กลิ่นดาบเคลื่อนผ่าน ผู้กล้าตายดอกไม้แดงทั้ง 20 คนก็เหมือนดั่งใบไม้ที่ร่วงหล่นตอนเจอลมฤดูใบไม้ร่วง
มีบางคนไม่ทันแม้แต่จะกรีดร้องเลยด้วยซ้ำ ศีรษะกับร่างกายก็แยกออกจากกันก่อนแล้ว
แค่นี้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว เนื่องจากสัมผัสไม่ได้ถึงความเจ็บปวดที่หนักหน่วงมากนัก
พวกคนที่ถูกฟันจนเอวขาด มองดูลำไส้ของตัวเองที่กองอยู่บนพื้น แล้วกรีดร้องอย่างน่าเวทนา
วินาทีนี้พวกเขาไม่ใช่ผู้กล้าตายที่ไม่เกรงกลัวความตายอีกต่อไปแล้ว
ดวงตาทุกคู่ล้วนเปี่ยมล้นไปด้วยความหวาดผวาและความรู้สึกเสียใจทีหลัง
เมื่อเหล่านักฆ่าที่ได้รับบาดเจ็บมองดูภาพเหตุการณ์นี้แล้ว ต่างก็ตะลึงงันไปเลย
พวกเขาก็ถือเป็นคนที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาเช่นกัน แต่ว่าภาพเหตุการณ์นี้มันโหดเหี้ยมมากเกินไปแล้ว!
สยดสยองมากเกินไปแล้ว!
ในตึกเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนที่สูง จู่ ๆ ยู่หลิงหลงที่มองดูภาพเหตุการณ์นี้ผ่านทางกล้องวงจรปิดก็เอามือปิดปากแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง
ฉินเทียนออกจากหาดหิน แล้วเดินลงบนถนนยาวสิบไมล์
สามารถมองเห็นหอชงเซียวที่ตั้งอยู่สุดปลายขอบเขตของถนนยาวเส้นนี้อย่างเลือนราง