บัญชามังกรเดือด บทที่ 356 แพ้ชนะ
“ใครกัน?”
หม่าหงเทาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาทำลายสุดวิชาของตนได้ เขากระโดดหนึ่งก้าว จ้องมองคนที่เข้ามา ราวกับเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง เถียหนิงซวงและชุยหมิงเองก็เคร่งขรึมมากเช่นกัน
“ผมชื่อจุยเฟิง”
“บุคคลผู้นี้ยังตายตอนนี้ไม่ได้ เก็บเขาไว้ ผมต้องการคำให้การ”
จุยเฟิงขยับมือ มีดยาววางอยู่บนคอของอู่กุ่ย : “ใครส่งพวกนายมา พูด”
อู่กุ่ยกัดฟันพูด : “ถ้าบอกแล้ว ไม่ตายไม่ได้เหรอ?”
จุยเฟิงส่ายหน้า : “ไม่ได้”
“แต่ จะได้รับโทษน้อยลง”
อู่กุ่ยแน่นิ่งอยู่บนพื้นด้วยความสิ้นหวังดั่งหัวใจที่เหมือนเถ้าถ่าน
“ตระกูลจ้าว จ้าวข่าย”
ได้ยินห้าคำนี้แล้ว จุยเฟิงเก็บมีดแล้วถอยกลับ เขามองหม่าหงเทาด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“ผมได้ข้อมูลที่ผมอยากได้แล้ว”
“เขาเป็นเชลยของคุณ ตอนนี้ คุณสามารถจัดการกับเขาได้แล้ว”
หม่าหงเทาพยักหน้า ต้องการจะฆ่าอู่กุ่ยทิ้ง
ในตอนนี้เอง ในหูของเขา จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น : “ปล่อยเขา”
“บอกกับเขา ว่าเรารู้แผนการลอบสังหารพวกเขาตั้งนานแล้ว ข่าวมาจากตระกูลจ้าว”
หม่าหงเทามีสีหน้าเคร่งขรึม เขายิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า : “กลับไปบอกเจ้านายของนายว่า แผนการของเขา เรารู้ตั้งนานแล้ว”
“ดูท่าทางตระกูลจ้าวของพวกเนายก็ไม่ได้สามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันนะ ต้องการมาก่อเรื่องที่หนานเจียง จัดการภายในให้เสร็จสิ้นก่อนค่อยว่ากัน”
“ไป!”
อู่กุ่ยรอดชีวิต เขารีบหนีหัวซุกหัวซุน
จุยเฟิงโบกมือไปทางห้องเงียบที่อยู่ไม่ไกล ผู้คุ้มกันฝีมือว่องไวสามสี่คนรีบเดินเข้าไป และเก็บกวาดสถานที่จนสะอาดเรียบร้อย
เขาหันกลับไปมองฉินเทียนที่เดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ แล้วพูดว่า: “คุณตั้งใจปล่อยเขากลับไป เพราะต้องการให้ตระกูลจ้าวฆ่ากันเองใช่ไหม?”
ฉินเทียนยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า: “ถ้าผมเดาไม่ผิด ในตระกูลจ้าวมีคนคิดจะยืมมือของเราโจมตีจ้าวข่าย”
“มีดของเรา มันยืมกันง่าย ๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จุยเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ให้พวกเขาฆ่ากันเอง พวกเรานั่งรอเก็บเกี่ยวผลกำไร คุณนี่ร้ายมากเลยนะ!”
ฉินเทียนเห็นหม่าหงเทาจ้องจุยเฟิง มีสีหน้าตื่นเต้น เขายิ้มแล้วพูดว่า : “อยากจะต่อยเขาไหม?”
“ผู้ชายคนนี้ขี้โม้โอ้อวดต่อหน้าผมทุกวัน มีดของเขาจะเร็วขนาดไหนกัน”
“เหล่าหม่า คุณต้องระบายอารมณ์แทนผมนะ!”
หม่าหงเทากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า : “สหายจุยเฟิง คุณช่วยสอนผมหน่อยได้ไหม?”
จุยเฟิงส่ายหน้า : “คืนนี้กำลังอันฮึกเหิมของคุณหายไปแล้ว ไว้ครั้งหน้าแล้วกัน”
หม่าหงเทาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า : “ขอบคุณมากครับ!”
คำขอบคุณเพียงแค่คำเดียว ทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก นี่เป็นการเคารพต่อมีด และเป็นการเคารพฝ่ายตรงข้าม
ต่อมาก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น แล้วประตูห้องหมากรุกก็เปิดออก
อานกั๋วใบหน้าแดงก่ำ เขาเดินเข้ามาพร้อมกับนักบวชเต๋า
“วันนี้ฆ่าอย่างมีความสุข ท่านนักบวช พวกเราค่อยเจอกันคราวหน้านะ”
“ครั้งหน้า ต้องมีแพ้ชนะอย่างแน่นอน”
ท่านนักบวชยิ้มเจื่อนแล้วส่ายหน้า : “นายท่านฆ่าอย่างมีความสุข นักบวชอย่างผมอกสั่นขวัญแขวนมากเลยนะ”
“ถ้าคุณเป็นแบบนี้อีก ผมคงทำได้แค่ต้องเลิกเล่นหมากรุกเพื่อปฏิเสธแขกแล้ว”
อานกั๋วโค้งตัวคำนับท่านนักบวช แล้วพูดด้วยความจริงใจว่า : “ผมมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องทางโลกมากมาย เลยไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ ผมต้องขอโทษด้วย”
นักบวชก้มหัวแล้วพูดว่า “เดินทางปลอดภัย”
ทุกคนต่างลงจากเขาพร้อมอานกั๋ว
“นายท่านครับ วันนี้เสร็จเร็วมากเลย”
“เป็นไงบ้างครับ ชนะท่านนักบวชกี่กระดาน?” คนขับรถที่ดูท่าทางระมัดระวังและมีความเคารพมาก อายุห้าสิบกว่า ๆ คนหนึ่งยิ้มแล้วกล่าวทักทาย
เขาติดตามอานกั๋วมาหลายปีแล้ว มีความเชื่อใจอย่างลึกซึ้ง
อานกั๋วยิ้มแล้วพูดว่า: “ชีวิตคนก็เหมือนหมากรุก ไม่มีแพ้ชนะ แต่ระหว่างการเดินหน้าและถอยหลัง ต้องมีสติ”
“ใช่แล้ว เสี่ยวหลิว ได้ยินมาว่าลูกชายของนายจบมหาวิทยาลัยแล้ว เมื่อไหร่จะพามาแนะนำให้ทำงานกับฉันล่ะ”
เหล่าหลิวรีบพูดขึ้นมาว่า : “เด็กคนนั้นไร้ประโยชน์ เกรงว่าเขาจะทำลายงานของนายท่าน ให้เขาได้ฝึกฝนข้างนอกก่อนดีกว่าครับ”
อานกั๋วพูดยิ้ม ๆ ว่า : “นักศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยอวิ๋นชวน ฝึกไว้ก็ดี”
“เออใช่ ฉันจำได้ว่า เขาเรียนที่มหาวิทยาลัยอวิ๋นชวนใช่ไหม?”
เหล่าหลิวตกตะลึงชั่วขณะ ความตื่นตระหนกปรากฏชัดในดวงตาของเขา
“เอ่อใช่ครับ……ที่มหาวิทยาลัยอวิ๋นชวน……………”
อานกั๋วถอนหายใจ: “เขาไร้ประโยชน์ หรือเจอปัญหาอะไรข้างนอก นายบอกกับฉันได้เลยนะ”
“นายติดตามฉันมาตั้งหลายปี อย่าหักหลังฉันเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้”
“นายท่านครับ คุณหมายความว่าอะไรครับ ผม………..”เหล่าหลิวรู้สึกหวาดกลัวและต้องการจะแก้ต่าง
จุยเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า: “ที่อยู่ของนายท่าน นายเปิดเผยให้กับตระกูลจ้าวใช่ไหม?”
“นักฆ่าของพวกเขามาแล้ว”
เหล่าหลิวคุกเข่าลงกับพื้นและร้องไห้ด้วยความขมขื่น
“นายท่านครับ ไว้ชีวิตผมด้วยครับ!”
“พวกเขาเอาลูกชายของผมมาขู่ผม ผมไม่มีทางเลือกอื่น…….แล้วจริง ๆ!”
อานกั๋วถอนหายใจ แล้วพูดว่า: “ลูกชายของนายไร้ประโยชน์จริง ๆ เรียนจบแล้ว ไม่ตั้งใจทำงาน กลับไปติดการพนัน”
“นายวางใจได้ หลังจากนายตาย ฉันจะส่งคนไปโน้มน้าวเขา”
“หวังว่า เขาจะสามารถกลับมาเดินบนความถูกต้องได้”
เหล่าหลิวกัดฟัน พูดด้วยดวงตาแดงก่ำว่า : “นายท่านครับ ไว้ชีวิตผมไม่ได้เหรอ?”
อานกั๋วถอนหายใจแล้วพูดว่า : “นายทำผิดกฎ แตะเส้นตาย ฉันเองก็จนปัญญา”
เหล่าหลิวยังคงอยากพูดอะไรต่อ จุยเฟิงสะบัดมือ แล้วลากเหล่าหลิวเข้าไปในป่าด้วยสองมือ
อานกั๋วหันไปพูดยิ้ม ๆ กับฉินเทียนว่า : “เรื่องในครอบครัวที่น่าอับอาย ต้องทำให้ขายหน้าคุณฉินแล้ว”
“ขึ้นรถเถอะครับ”
พูดจบ เขาเปิดประตูรถให้ฉินเทียนด้วยตัวเอง
ฉินเทียนพูดยิ้ม ๆ ว่า : “นายท่านครับ ผมไม่ไปกับพวกคุณแล้ว ผมกลับหลงเจียงเลยดีกว่า”
“ผมตั้งใจปล่อยนักฆ่าไป ให้ไปบอกกับพวกเขาว่า คนที่ปล่อยข่าวให้เราก็คือคนของตระกูลจ้าว”
“ทำแบบนี้ ผมเดาว่าพวกเขาคงจะทะเลาะกันสักพัก คงไม่ว่างมาจัดการกับพวกเรา”
“อีกอย่าง พรุ่งนี้คุณเองก็สามารถส่งจดหมายไปถามตระกูลจ้าวได้”
“การลอบสังหารอย่างกะทันหันของตระกูลจ้าว ละเมิดศีลธรรม คุณสามารถอาศัยเรื่องนี้เหน็บแนมพวกเขา”
เมื่ออานกั๋วเห็นว่าฉินเทียนตัดสินใจแล้ว เขาเองก็ไม่บังคับให้อยู่ต่อ
เขายิ้มแล้วพูดว่า : “ตระกูลจ้าวแห่งอวิ๋นชวน อยากจะได้หนานเจียงมานานแล้ว”
“เรื่องในครั้งนี้ อาจจะทำให้เราสำรวมได้ชั่วคราว แต่ว่าอวิ๋นชวนและเจียงหนาน ยังไงก็ต้องเกิดสงครามไม่ช้าก็เร็ว เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“คุณฉินครับ คุณอย่าหาว่าผมดึงคุณไม่ปล่อย”
“เมืองหลงที่คุณอยู่ เป็นหนึ่งในเจียงหนาน พวกเรารวมเป็นหนึ่ง”
“ถึงตอนนั้น คุณจะนิ่งดูดายไม่ได้นะ?”
ฉินเทียนยิ้มเจื่อน : “ นายท่านครับ มีคนคอยยุยงอย่างเฉลียวฉลาดเช่นคุณ บวกกับลูกน้องไร้ยางอายอย่างจุยเฟิง”
“คุณคิดว่า ผมจะมีโอกาสได้นิ่งดูดายไหม?”
อานกั๋วหัวเราะเสียงดัง แล้วเขาก็ขึ้นรถจากไปภายใต้การคุ้มกันของจุยเฟิงและคนอื่น ๆ
ก่อนที่จุยเฟิงจะไป หว่าหงเทาพูดยิ้ม ๆ ว่า : “แม้ว่าเจ้านายของคุณจะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่ผมมองออก คุณยังคงมีความน่าเชื่อถือมาก”
“พี่ชาย หวังว่าจะมีโอกาสได้เรียนรู้พลังของมีดเหมียวนะ”
หม่าหงเทารับปากด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เสร็จสิ้นภารกิจ
เถียหนิงซวงดีใจอย่างชัดเจน เธอถอนหายใจ อยู่ดี ๆ ก็ยิ้มแล้วพูดว่า : “ขอบคุณพี่เทียนมาก ๆ นะคะ”
ฉินเทียนขมวดคิ้ว : “ขอบคุณพี่ทำไม?”
“เพราะคุณเอามีดแทงขาผมเหรอ?”
เถียหนิงซวงยิ้มแล้วพูดว่า : “ขอบคุณที่พี่ ให้โอกาสฉันได้ทำภารกิจ
“ตอนนี้ฉันรู้สึกว่า ฉันโตขึ้นมากเลย”
ฉินเทียนพูดยิ้ม ๆ ว่า : “กลอุบายที่จงใจให้อีกฝ่ายฟันร่างกายและเสแสร้งทำเป็นพ่ายแพ้แบบนี้ ต่อไปควรใช้ให้น้อยลงนะ”
“ผู้หญิงดี ๆ ร่างกายมีแต่รอยแผลเป็น พี่ไม่รู้จะไปบอกกับพ่อและปู่ของเธอยังไง”
เถียหนิงซวงแลบลิ้น แล้บพูดว่า : “รู้แล้วน่า”
“ฉันขับรถเอง พี่เทียน พี่หมิง เหล่าหม่า รีบขึ้นรถ!”