ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 28 ตั้งสองร้อยตำลึงเงิน พวกเรารวยแล้ว

ตอนที่ 28 ตั้งสองร้อยตำลึงเงิน พวกเรารวยแล้ว

ลู่เจียวมองเซี่ยหลานที่เดินไปไกลอย่างไร้คำพูด พูดง่ายจริงๆ เหตุใดถึงไม่เคยเห็นเจ้ามาดูแลพี่สามของเจ้าเลยล่ะ 

เซี่ยเสี่ยวเจวียนที่อยู่ด้านหลังเดินไปโน้มน้าวลู่เจียว “อาสะใภ้สาม ท่านไม่ต้องสนใจหรอก พวกนางไม่ใช่คนดีอะไร” 

นางไม่ชอบหน้าแม่นางสองคนนั้นอยู่แล้ว คนหนึ่งแกล้งทำเป็นอ่อนแอปวกเปียก ส่วนอีกคนทั้งโง่เง่าทั้งอัปลักษณ์ นึกว่าตัวเองเป็นคุณหนูตระกูลสูงส่ง 

เซี่ยเสี่ยวเจวียนเพียงครุ่นคิดก็หมดคำพูด 

ลู่เจียวส่ายหัว “อืม ข้าไม่สนใจอยู่แล้ว” 

ทั้งสองพูดคุยกันตลอดทางเข้าไปในเมือง เซี่ยเสี่ยวเจวียนถามลู่เจียว “อาสะใภ้สาม วันหลังข้าไปหาท่านเที่ยวเล่นได้หรือไม่” 

เซี่ยเสี่ยวเจวียนถามจบก็ใจเต้น แม้คนในหมู่บ้านไม่ได้ด่าว่านางเป็นหญิงที่มีดวงกินผัวต่อหน้านาง ทว่าเมื่อไหร่ที่นางออกจากบ้าน ทุกคนมักจะคอยรักษาระยะห่างกับนาง ทำราวกับนางเป็นคนกินดวงชะตาพวกเขาเสียนี่ ทำให้นางไม่กล้าออกไปไหน 

แต่ลู่เจียวหาได้คิดเช่นนั้น นางไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ 

“ได้สิ” 

แววตาของเซี่ยเสี่ยวเจวียนลุกวาว “ดี เช่นนั้นวันหลังถ้าข้าไม่มีอะไรทำ จะไปหาท่านบ่อยๆ” 

ทั้งสองพูดจบก็แยกย้ายกัน เซี่ยเสี่ยวเจวียนจะไปขายไข่แล้วซื้อเกลือ ส่วนลู่เจียวจะเอาเห็ดหลินจือไปที่หอยาเป่าเหอ เลยต้องแยกย้ายกันกลางทาง 

ลู่เจียวเดินไปพลางสังเกตสภาพแวดล้อมในเมือง ที่จริงแล้วเมืองชีหลี่ไม่ถือว่าใหญ่มาก แต่กลับมีผู้คนอาศัอยู่อย่างหนาแน่น 

นอกจากนั้นถนนทั้งสองฟากยังเต็มไปด้วยร้านค้า มีพ่อค้าแม่ค้าแผงลอยมากมาย เพราะรอบเมืองชีหลี่มีหมู่บ้านย่อยอยู่ไม่น้อย คนในหมู่บ้านไม่ค่อยมีฐานะร่ำรวย ฉะนั้นพวกเขาจึงมักจะเอาของที่มีในบ้านมาขายในเมือง ทำให้เมืองที่ไม่ใหญ่แห่งนี้ครึกครื้นมาก และมีของขายทุกอย่าง 

ลู่เจียวไม่ได้มัวแต่ชื่นชมบรรยากาศในเมือง มุ่งหน้าไปที่หอยาเป่าเหอโดยไม่แวะที่ไหน 

หอยาเป่าเหอมีคนไม่มาก ช่วงเวลานี้ยาสมุนไพรค่อนข้างแพง ถ้าไม่ใช่คนที่ป่วยหนักจริงๆ ก็จะไม่มาซื้อยา ถ้าคนที่ป่วยหนักจนทนไม่ได้ก็จะหาผู้ที่มีความรู้ด้านการแพทย์ไปตรวจอาการเบื้องต้น บางคนยังหาแม้กระทั่งหมอดู 

เมื่อลู่เจียวเข้ามาในหอยาก็มีบริกรเข้ามาต้อนรับอย่างเป็นมิตร 

“แม่นางต้องการซื้อยาอะไรหรือ” 

ลู่เจียวมองบริกรแล้วถามว่า “หมอโจวอยู่หรือไม่” 

หมอโจวคือหมอที่รักษาแผลของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก่อนหน้านี้ 

บริกรได้ยินคำพูดของลู่เจียว ก็กล่าวยิ้มๆ “หมอโจวอายุมากแล้ว กลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดแล้วขอรับ” 

อันที่จริงหมอโจวแอบไปรับงานส่วนตัว ถูกเถ้าแก่หอยาจับได้แล้วสั่งให้เขาลาออกต่างหาก ทว่าบริกรคนนี้ไม่มีทางพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาแน่นอน 

เขามองลู่เจียวด้วยรอยยิ้ม “แม่นางจะมาหาหมอโจวหรือ อันที่จริงหอยาเป่าเหอของพวกเรามีหมอมากฝีมือที่เชิญมาจากเมืองหลวงโดยเฉพาะ ถ้าแม่นางอยากพบหมอ ก็ไปหาหมอฉีเถอะ” 

ลู่เจียวไม่ได้ดึงดันที่จะพบหมอโจว นางตั้งใจมาขายเห็ดหลินจือ ส่วนยาชุดใหม่ของเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก่อนหน้านี้หมอโจวให้ใบสั่งยาไว้แล้ว นางค่อยซื้อตามที่เขียนไว้ก็ได้ 

“ข้ามาขายของ ไม่ทราบว่าหอยาเป่าเหอรับซื้อสมุนไพรหรือไม่” 

ลู่เจียวเอี้ยวตัวเอาตะกร้าสานด้านหลังให้เขาดู เขากลับไม่ได้ชักสีหน้าเพราะนางไม่ซื้อยา แต่ยังคงรอยยิ้มต้อนรับขับสู้ดังเดิม 

“รับสิ ไม่ทราบว่าแม่นางจะขายสมุนไพรอะไรขอรับ” 

ลู่เจียวกวาดตามองคนในหอยารอบหนึ่ง แล้วกดเสียงให้เบาลง “เห็ดหลินจืออายุห้าสิบปี” 

บริกรตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่นานก็เงยหน้ามองลู่เจียว จากนั้นพูดว่า “แม่นางคอยสักครู่ ข้าจะเข้าไปเชิญจั่งกุ้ย[1]มาคุยกับท่าน” 

เห็ดหลินจืออายุห้าสิบปีนั้นพบเห็นได้ไม่บ่อยมากนัก เป็นของล้ำค่าที่ราคาสูงลิ่ว เขาตัดสินใจเองไม่ได้ 

ลู่เจียวแบกตะกร้าสานคอยอยู่ด้านนอก หอยาเป่าเหอนั้นตั้งมานาน จึงค่อนข้างใหญ่และมียาจำหน่ายทุกประเภท 

ลู่เจียวอยากซื้อโป๊ยกั๊กและพริกไทยด้วย ตำราโอสถโบราณมีบันทึกไว้ว่าพืชเหล่านี้เป็นสมุนไพรใช้ปรุงยา ไม่รู้ว่าหอยาแห่งนี้จะมีจำหน่ายหรือไม่ 

นางอยากเดินเข้าไปดูตรงหน้าโต๊ะเก็บเงิน แต่พอกวาดตามองตู้เก็บสมุนไพรหลังโต๊ะเก็บเงินก็เห็นแต่ตัวอักษรจีนตัวเต็ม นางแทบจะอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่าที่นี่ขายโป๊ยกั๊กหรือพริกไทยไหม 

หอเป่าเหอแม้จะมีคนไม่มาก แต่ทุกคนล้วนลอบมองมาที่ลู่เจียว เหตุเพราะนางอวบอ้วนเกินไปจริงๆ คนในยุคนี้ส่วนมากจะมีร่างซูบผอม ใบหน้าเหลืองซูบซีด 

ลู่เจียวกลับมีน้ำมีนวลมากเช่นนี้ ย่อมดึงดูดสายตาของทุกคน 

แต่นางยังคงทำหน้านิ่งเฉย ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแม้แต่น้อย 

บริกรหอยาเป่าเหอออกมาอย่างว่องไว “แม่นาง จั่งกุ้ยเชิญเข้าไปด้านในขอรับ” 

ลู่เจียวเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ นางไม่กลัวว่าจั่งกุ้ยจะทำมิดีมิร้าย นางมีกำลังมาก และยังรู้วิชาการแพทย์ ทั้งยังมีห้วงอากาศเป็นที่กำบังในยามคับขัน ฉะนั้นนางไม่กลัวว่าคนอื่นจะทำอะไรอยู่แล้ว 

ด้านหน้าหอยาเป่าเหอมีห้องอยู่สี่ห้อง ด้านหลังเป็นลานกว้างที่ตากสมุนไพรไว้ไม่น้อย แล้วยังมีคนคอยทำยาเม็ด ส่วนด้านหลังสุดคือเรือนขนาดเล็กที่ตรงกลางเป็นห้องโถง เวลานี้ด้านในมีคนสามคนกำลังนั่งเสวนากันอยู่ 

ลู่เจียวเข้าไป ทั้งสามก็เงยหน้ามองมาอย่างพร้อมเพรียงกัน 

หนึ่งคนคือบุรุษวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวสีเทาหน้าตาเป็นมิตร ส่วนอีกสองคนเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลา หนึ่งในนั้นนอกจากจะหล่อเหลาแล้วยังมีรอยยิ้มอันอบอุ่นประดับบนใบหน้า ทำให้เห็นแล้วรู้สึกน่าเข้าหา 

ส่วนอีกคนแม้มีหน้าตาหล่อเหลา ทว่าสีหน้ากลับดูเย็นชา สุขุมเยือกเย็นและน่าเกรงขาม ทำให้เห็นก็รู้เลยว่าคนผู้นี้มีฐานะไม่ธรรมดา 

ลู่เจียวยังไม่ทันเอ่ยอะไร บุรุษที่มีใบหน้าเย็นชาก็พูดขึ้นเสียงเรียบ “เจ้าเองหรือที่จะขายเห็ดหลินจืออายุห้าสิบปี” 

ลู่เจียวพยักหน้าแล้ววางตะกร้าสานลง จากนั้นหยิบเห็ดหลินจือออกจากตะกร้าพร้อมยื่นให้พวกเขาที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะกลม 

ชายหนุ่มท่าทางอ่อนโยนที่อยู่ด้านข้างยื่นมือมารับไว้ แล้วหันไปมองชายข้างๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  

“หลิงเฟิง นี่เป็นเห็ดหลินจืออายุห้าสิบปีจริงๆ ทั้งยังเป็นเห็ดหลินจือชนิดหายาก ไม่เลวจริงๆ” 

แม้ลู่เจียวจะไม่รู้ราคาของเห็ดหลินจือ แต่ก็รู้ว่าต้องไม่น้อยเป็นแน่ จึงเอ่ยว่า “พวกท่านก็ดูออก ถ้าไม่ได้ราคาสมเหตุสมผล ข้าค่อยเอาไปขายในอำเภอก็ได้” 

จ้าวหลิงเฟิงสีหน้าเข้มขึ้น นึกไม่ถึงว่าแม่นางบ้านนอกกลับมากเล่ห์เช่นนี้ ทว่าเขาก็ไม่คิดจะโกงนางอยู่แล้ว เพราะเห็ดหลินจืออายุห้าสิบปีเช่นนี้หายากจริงๆ 

“สองร้อยตำลึงเงินก็แล้วกัน ต่อให้เจ้าเอาไปขายในอำเภอก็ได้มากสุดเท่านี้ แน่นอนว่าถ้าเอาไปขายในหัวเมืองหรือเมืองหลวงก็อาจจะได้อีกราคา” 

ลู่เจียวครุ่นคิด รู้สึกว่าแค่นี้ก็ไม่เลวแล้ว นางคงไม่มีเวลาว่างเอาไปขายในหัวเมืองหรือเมืองหลวงแน่นอน 

“ได้ ตกลงที่สองร้อยตำลึงเงิน ข้าจะซื้อสมุนไพรด้วย ไว้คิดเงินด้วยกันทีเดียว” 

จ้าวหลิงเฟิงพยักหน้า มองชายวัยกลางคนด้านข้าง “หลี่จั่งกุ้ย ไปดูแลนางที” 

“ขอรับนายน้อย” 

หลี่จั่งกุ้ยลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกพร้อมลู่เจียว นางเดินออกมาไกลเช่นนี้แล้วยังได้ยินเสียงตื่นเต้นดีใจด้านหลังอยู่ 

“เห็ดหลินจือนี่ดูแค่ภายนอกก็ยอดเยี่ยมแล้ว สรรพคุณต้องดีกว่าปกติแน่นอน” 

ลู่เจียวยกยิ้มมุมปาก นี่เป็นของจากห้วงอากาศของนาง จะไม่ดีได้อย่างไร มันเติบโตในป่าเซียนเชียว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ นางคงไม่ขายหรอก แต่ราคาที่คนผู้นี้ให้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล 

——————————————– 

[1] จั่งกุ้ย คือ ผู้จัดการในสมัยจีนโบราณ 

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท