ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 36 ข้าเรียกไม่ออก

ตอนที่ 36 ข้าเรียกไม่ออก

เพราะในคืนนี้สี่แฝดกินแค่ข้าวต้มและขนมถั่วแดงเท่านั้น ลู่เจียวเลยไม่ให้พวกเขากินเยอะ ดังนั้นจึงมองแฝดสี่แล้วพูดว่า 

“วันนี้กินแค่นี้ก็พอ อย่ากินเยอะเกินไป ไม่อย่างนั้นท้องจะเสียเอา พรุ่งนี้ค่อยกินเถอะ รีบไปเล่นกับพี่เสี่ยวเป่าได้แล้ว” 

เซี่ยเสี่ยวเป่าจึงพาแฝดสี่ไปที่ห้องโถงทันที 

ลู่เจียวตักเครื่องในหมูที่ต้มแล้วออกจากหม้อ จากนั้นเอาหัวหมูต้มในน้ำแกงต่อ หัวหมูต้องใช้เวลาเคี่ยวนานหน่อยถึงจะเข้าเนื้อ 

“พี่รอง เจ้าช่วยอะไรข้าหน่อยได้ไหม” 

เซี่ยเอ้อร์จู้รีบลุกขึ้นมองลู่เจียวทันที “น้องสะใภ้มีอะไรอยากให้ข้าช่วยหรือ” 

“อากาศร้อนเกินไป เครื่องในหมูที่ต้มเสร็จก็เก็บรักษายาก ข้าอยากแบ่งให้ทุกคนที่ช่วยพวกเราในวันนี้ ประเดี๋ยวพี่รองช่วยส่งให้ทุกคนที แล้วแบ่งหนึ่งไว้ให้พี่สะใภ้รอง ยัยหนูใหญ่และยัยหนูรองชิม” 

เซี่ยเอ้อร์จู้ได้ยินก็รีบโบกมือทันที “ไม่ต้องแล้ว น้องสะใภ้สามและเด็กๆ เก็บไว้กินกันเถอะ” 

ลู่เจียวแย้มยิ้ม “ทางนี้ยังมีหัวหมู ตอนนี้พวกเขาไม่ขาดแคลนอาหารแล้ว พี่รองวางใจเถอะ” 

เซี่ยเอ้อร์จู้ยังอยากจะพูดต่อ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ขัดขึ้น “พี่รองช่วยพวกเรามาเยอะ ของที่ให้ไปก็รับไว้เถอะ แต่ต้องระวังตัวหน่อย จะพลอยทำให้พี่สะใภ้รอง ยัยหนูใหญ่และยัยหนูรองลำบากไปด้วยไม่ได้ล่ะ” 

นางพูดเช่นนี้ก็เพื่อเตือนเซี่ยเอ้อร์จู้ว่าอย่าให้ตระกูลเซี่ยสังเกตเห็น หากให้ตระกูลเซี่ยรู้ว่าพี่สะใภ้รอง ยัยหนูใหญ่และยัยหนูรองแอบกินอะไร คนทั้งตระกูลคงได้มากินหัวพี่รองแน่ 

ใบหน้าของเซี่ยเอ้อร์จู้ดูขมขื่นทันที พอเขาครุ่นคิดถึงภรรยาและบุตรีสองคน ก็รู้สึกลำบากใจยิ่ง บางครั้งเขาอยากจะแยกบ้านให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าเขารู้ดีแก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ พ่อแม่ใช้พวกเขาทั้งครอบครัวเป็นเสาหลักทำงานหนักหาเลี้ยงทั้งตระกูลขนาดนั้น แล้วจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร 

ถ้าเขาดึงดันจะแยกบ้าน ด้วยนิสัยของมารดา คงจะทำลายชื่อเสียงของเขาให้ป่นปี้ถึงจะพอใจแน่นอน 

เมื่อเป็นเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ไม่ได้อีก คนในหมู่บ้านเซี่ยคงไม่ยอมให้คนที่มีชื่อเสียงเสียหายอาศัยอยู่แน่ 

น้องสามแยกครอบครัวได้ ก็เพราะน้องสามได้รับบาดเจ็บ ทั้งตระกูลเซ่ยไม่ยอมเสียเงินรักษา จึงจะแยกบ้านออกมาอย่างราบรื่น 

เซี่ยเอ้อร์จู้กำลังตกอยู่ในภวังค์ เสียงของลู่เจียวทำลายความคิดของเขาทันที 

“พี่รอง งั้นก็รบกวนท่านช่วยเอาไปส่งที ข้าแบ่งเสร็จแล้ว” 

“ได้” 

เซี่ยเอ้อร์จู้ลุกขึ้นหิ้วเครื่องในต้มเครื่องเทศเดินออกไปด้านนอก เขาเอาไปส่งให้บ้านซย่าซื่อ ผู้ใหญ่บ้าน ตระกูลสวี่ และบ้านตัวเอง 

เซี่ยเสี่ยวเป่าเห็นเซี่ยเอ้อร์จู้ไปส่งอาหารให้บ้านตน ก็รีบวิ่งกลับบ้านทันที 

ลู่เจียวเห็นว่าดึกแล้ว จึงพาสี่แฝดเดินกลับห้องตะวันออก ขณะเดียวกันก็กำชับพวกเขา 

“ดึกมากแล้ว รีบไปนอนเถอะ” 

ก่อนหน้านี้นางเช็ดตัวและทายาให้แฝดสี่แล้ว ถือเสียว่าคืนนี้เช็ดตัวแก้ขัดไปก่อน 

ตอนที่ลู่เจียวอุ้มแฝดสี่ไปบนเตียงของเซี่ยอวิ๋นจิ่น จู่ๆ ซื่อเป่าก็ยื่นแขนมากอดคอนางไว้ “ท่านแม่ คืนนี้ข้าจะนอนกับท่าน” 

แฝดพี่สามคนจ้องหน้าเขาด้วยความขุ่นเคือง เสนอหน้าตลอดจริงๆ 

ลู่เจียวไม่เห็นด้วย นางนอนบนพื้นมาตลอด พื้นทั้งชื้นทั้งเย็น คงไม่ดีต่อสุขภาพเด็ก 

“ข้ายังต้องไปต้มหัวหมูต่อ พวกเจ้านอนก่อนเถอะ” 

ตาของซื่อเป่าใกล้ปิดแล้ว ทว่ายังคงยืนหยัด “งั้นข้ารอท่านแม่ก็ได้” 

ลู่เจียวลูบหัวของเขา “ได้ เช่นนั้นก็รีบหลับเถอะ” 

เอ้อร์เป่า ซานเป่าลืมตากลมโตมองลู่เจียว จู่ๆ ก็เงยหน้าพูด “ท่านแม่ พรุ่งนี้พวกเราจะได้กินเนื้อต้มเครื่องเทศอยู่ใช่หรือไม่” 

ลู่เจียวได้ยินเช่นนี้ก็รู้ว่าพวกเขาอยากกินเนื้อต้มมาก จึงพยักหน้า “ได้กินสิ รอให้พวกเจ้าตื่นขึ้นมาก็ได้กินแล้ว” 

เอ้อร์เป่าซานเป่าและซื่อเป่าส่งเสียงดีอกดีใจ “เช่นนั้นก็รีบนอนกันเถอะ” 

ลู่เจียวส่งแฝดสี่เข้านอน ไม่ลืมหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นปราดหนึ่ง “ข้าไปต้มหัวหมูก่อน มีอะไรก็เรียกข้า” 

“ได้” 

ลู่เจียวมองดวงตาสุขุมของเซี่ยอวิ๋นจิ่น แล้วมองต้าเป่าอีกครั้ง เหมือนกันอย่างกับแกะ 

นางหันเดินออกไป เอ้อร์เป่า ซานเป่าและซื่อเป่าที่อยู่ด้านหลังหลับใหลไปอย่างรวดเดียว มีเพียงต้าเป่าที่ลืมตานอนข้างกายบิดา 

แม้เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะมีร่างกายอ่อนแอ แต่กลับไม่รู้สึกง่วงแต่อย่างไร เขาอ่อนแอมากขนาดนี้ วันนี้อาการของเขากำเริบหนัก ตามหลักแล้วต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายนาน 

อย่างน้อยเขาต้องสลบไปสองสามวันถึงจะฟื้น แต่นึกไม่ถึงว่าไม่นานก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว สุขภาพของเขาดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ พอเห็นบุตรชายคนโตไม่หลับ จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “เหตุใดต้าเป่าถึงยังไม่หลับ” 

ต้าเป่าประสานมือทั้งสองข้างไปไว้ตรงท้ายทอย แล้วพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “พวกเขาเรียกนางว่าท่านแม่ แต่ข้าเรียกไม่ออก” 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว เขาไม่ขัดขวางที่เด็กๆ จะเรียกนางว่าแม่ แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอมเรียก เขาก็ไม่บีบบังคับเช่นกัน 

หว่านอะไรได้ผลอย่างนั้น เขาไม่มีทางบีบบังคับเด็กๆ แน่นอน 

“เรียกไม่ออกก็ไม่ต้องเรียกสิ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ รอให้วันไหนอยากเรียกค่อยเรียก” 

ต้าเป่าสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาหันไปจ้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ท่านพ่อ ท่านว่านางจะดีแบบนี้ตลอดไปไหม” 

อันที่จริงเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยากจะให้เด็กๆ อบอุ่นใจที่มีมารดาดีเช่นนี้ เขาเลยโน้มน้าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ไหนๆ ก็เปลี่ยนมาดีแล้ว น่าจะดีแบบนี้ตลอดไปแหละ” 

“อืม เช่นนั้นก็ดี” 

ลู่เจียวไม่รู้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้กำลังพูดคุยกันอย่างลึกซึ้ง นางต้มหัวหมูในหม้อ ตอนที่ต้มไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังไม่ได้กินยา นางจึงรีบเอายาที่ต้มในตอนเช้ามาอุ่น 

ตอนที่นางยกยาเข้าไปในห้อง เขากำลังจะหลับ หางตาเหลือบเห็นร่างอ้วนท้วนกำลังยกยาเข้ามาด้วยความสดใส สีหน้าของนางทำให้เขาอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก 

ทว่าพอเห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ทำหน้าปั้นปึ่งทันที แม้รู้ว่าแม่นางตรงหน้าไม่ใช่นางคนเดิม ทว่าพอเห็นดวงหน้านี้ ก็รู้สึกเกลียดชังอย่างไร้เหตุผล 

ต่อให้แม่นางผู้นั้นไม่อยู่แล้ว เขาก็ยังเคียดแค้นเข้ากระดูกดำ หากไม่ใช่นาง เขาก็คงไม่ต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงแบบนี้ 

ตอนนั้นเขาถูกคนวางยาจนสติเลื่อนลอย แม่นางผู้นี้ก็บุกเข้ามาในห้องนอนของเขา เขาจึงไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรไปบ้าง 

สุดท้ายตอนที่เขาได้สติขึ้นมา ก็เห็นแม่นางอวบอ้วนนอนอยู่ข้างกาย ทั้งยังมองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสา ตอนนั้นเขาถึงกับสลบไปอีกครั้ง 

หลังจากนั้นนางก็ตั้งครรภ์ เขาจึงจำเป็นต้องสู่ขอนาง เดิมทีคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ก็เพียงเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของนางเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าวันเข้าเรือนหอ แม่นางคนนี้เห็นว่าเขาไม่มีทีท่าจะแตะต้องตัวนาง จึงเข้ามากระชากเสื้อผ้าเขาทันที 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ก็เคียดแค้นนางเข้ากระดูกดำ 

ลู่เจียวยกยามา บุรุษคนนี้เมื่อครู่ยังมีแววตาอ่อนโยนอยู่เลย ทว่ากลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในเสี้ยววินาทีเดียว ท่าทางที่เย็นชาเช่นนี้ ทำให้คนรู้สึกหวาดผวา 

ลู่เจียวอดบ่นในใจไม่ได้ ทำตัวเป็นคุณชายจริงๆ กินดีอยู่ดีไปวันๆ แล้วยังทำหน้าเย็นชาใส่คนที่คอยรับใช้อีก รีบหายสักทีได้ไหม ข้าจะได้หลุดพ้นออกจากกรงบ้าๆ นี่เสียที 

ลู่เจียวคิดแล้วก็ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะแอบผสมหลินจือกับโสมเข้าไปในยาของเขา 

“รีบดื่มยาเถอะ” 

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท