ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 42 เลี้ยงเองรับผิดชอบเอง

ตอนที่ 42 เลี้ยงเองรับผิดชอบเอง

สี่แฝดวิ่งตามโก่งเสิ้งไป ไม่นานก็เลือกหมามาหนึ่งตัว มันเป็นตัวที่มีขนดำเกือบทั้งตัว แต่มีขนสีเหลืองเป็นวงรอบคอ ต้าเป่าอุ้มไว้กลางอก ท่าทางตื่นเต้นดีใจมาก แฝดอีกสามคนก็จ้องมองอย่างตื่นเต้นไม่แพ้กัน 

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือสุนัขตัวเมียที่เดินตามอยู่ด้านหลัง มันไม่โมโหเพราะหวงลูกแม้แต่น้อย แต่เดินตามเด็กๆ มาอย่างอ่อนโยน 

ลู่เจียวเห็นว่าต้าเป่าเลือกน้องหมาเสร็จแล้ว จึงพูดกับป้าสะใภ้สามด้วยความเกรงใจ “ป้าสะใภ้สาม ข้าเกรงใจท่านจริงๆ” 

ป้าสะใภ้สามโบกมือด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรที่บ้านก็ไม่มีปัญญาเลี้ยงอยู่แล้ว ข้ากำลังถามพอดีว่ามีคนอยากรับเลี้ยงหรือไม่ บ้านเจ้าอยากเลี้ยงก็เอาไปเลย” 

ลู่เจียวได้ยินก็สีหน้าเปลี่ยน หันไปถามป้าสะใภ้สาม “หมาตัวอื่นก็จะเอาไปให้คนอื่นหรือ” 

ป้าสะใภ้สามเห็นท่าทางของนางก็คิดว่า นี่อยากอุ้มกลับไปอีกตัวหรือ แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธ อย่างไรก็ไม่ได้อยากเลี้ยงหมาเยอะขนาดนี้อยู่แล้ว ครั้งนี้หมาตัวเมียคลอดลูกมาสี่ตัว ยังมีชีวิตอยู่ทุกตัว นางก็ทนดูหมาคอกนี้หิวตายไม่ได้ มีคนต้องการลูกหมาก็เป็นเรื่องดี 

“เจ้าอยากได้อีกตัวหรือ” 

แฝดสี่คนได้ยินคำพูดนี้ก็มองลู่เจียวด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ท่านแม่ พวกเราเลี้ยงสองตัวได้หรือ” 

ลู่เจียวหันมองไปแฝดสี่ด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “พวกเจ้าจะเอาไหมล่ะ” 

“เอาสิ” แฝดสี่หันไปมองโก่วเสิ้ง เขาดูอาลัยอาวรณ์ ทว่าก็รู้ว่าย่าของเขาจะให้คนอื่นอยู่ดี ถ้าให้คนอื่น สู้ให้แฝดสี่ดีกว่า เพียงแต่โก่วเสิ้งเป็นเด็กไหวพริบดี เขาหันควับไปมองต้าเป่า 

“ให้เจ้าอีกตัวก็ได้ แต่ถ้าวันหลังป้าสะใภ้สามทำของเล่นอะไร ก็ต้องแบ่งให้ข้าหนึ่งอัน” 

ต้าเป่าครุ่นคิดก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ได้” 

เมื่อเด็กๆ ตกลงกันได้แล้ว ก็ไปอุ้มหมาลายขาวดำมาอีกหนึ่งตัว 

พออุ้มหมามาแล้ว ลู่เจียวก็พาแฝดสี่กลับมา ก่อนจะกลับ ก็ให้แฝดสี่อำลาย่าสะใภ้สามและมารดาของโก่วเสิ้ง 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีของแฝดสี่ แล้วยังจะสั่งสอนให้พวกเขาเป็นคนมีมารยาทอีกด้วย 

ถึงแม้วันหน้านางจะหย่ากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทว่าเปลี่ยนเด็กๆ ได้เท่าไรก็เปลี่ยนไปก่อน 

พวกลู่เจียวทั้งห้าคนอุ้มสุนัขกลับไปสองตัว ตลอดทาง โก่วเสิ้งก็ติดตามไปด้วย เพราะเขาจะไปเอาแมลงปอไม้ไผ่ 

ลู่เจียวขอบคุณซย่าซื่อเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีนาง ตนคงไม่กล้าไปขอสุนัขตัวน้อยกับท่านป้าสะใภ้ สุดท้าย ไม่เพียงแต่ได้สุนัขกลับบ้าน แล้วยังได้สานความสัมพันธ์อันดีกับป้าสะใภ้สามอีก แค่นี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว 

แฝดสี่กลับไปถึงบ้านก็อุ้มลูกหมาสองตัวไปอวดเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นนึกไม่ถึงว่าลู่เจียวจะยอมให้เด็กๆ อุ้มหมากลับมาสองตัว ยุคสมัยนี้ แม้แต่คนยังกินข้าวไม่อิ่ม นับประสาอะไรกับหมา แล้วนางยังคิดจะเลี้ยงสองตัวอีก 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็เลิกคิ้วมองแฝดสี่ “แม่พวกเจ้าไม่โกรธหรือ” 

ลู่เจียวกำลังเดินเข้าไป ได้ยินคำพูดนี้ของเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็เลิกคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเป็นคนให้พวกเขาอุ้มกลับมาเอง โกรธอะไรของเจ้า เจ้าเห็นข้าทำตัวเหมือนเด็กขนาดนั้นเลยหรือ” 

นางพูดจบก็ไม่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นแม้แต่ปราดเดียว เพียงมองต้าเป่า “เอาแมลงปอไม้ไผ่ไปให้โก่วเสิ้ง” 

โก่วเสิ้งชูแมลงปอไม้ไผ่ในมือขึ้นอย่างดีใจทันที “ป้าสะใภ้สาม ดูนี่ๆ” 

เขามองของเล่นในมือด้วยความชื่นมื่น 

ลู่เจียวเลิกคิ้วครุ่นคิด ค่อยทำของเล่นสนุกๆ ให้แฝดสี่ดีกว่า เด็กในสมัยนี้มีของเล่นไม่มากเลย 

แต่พอเห็นสุนัขสองตัวนี้ ก็คิดว่าต้องให้แฝดสี่คอยเลี้ยงดู 

ลู่เจียวคิดแล้วหันมองสี่แฝด กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “วันข้างหน้าพวกเจ้าต้องเลี้ยงเจ้าหมาสองตัวนี้ให้ดีล่ะ เลี้ยงหมาไม่เพียงแต่เอาไว้เล่น อย่าเลี้ยงไปวันสองวันก็เบื่อแล้วไม่ยอมเลี้ยงต่อ หมาก็เหมือนสหายรักของพวกเจ้า ไหนๆ พวกเจ้าตัดสินใจเลี้ยงแล้ว ก็ต้องเลี้ยงตลอดไป ต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำความสะอาดบ้านของพวกมันด้วย เข้าใจหรือไม่” 

แฝดสี่พยักหน้าเต็มแรง พร้อมให้คำมั่นสัญญา “ท่านแม่ พวกเราต้องเลี้ยงเสี่ยวเฮยและฮวาฮวาให้ดีแน่นอน” 

ลู่เจียวตกตะลึง แม้แต่ชื่อก็ตั้งกันเสร็จแล้วหรือ 

“เสี่ยวเฮยกับฮวาฮวา?” 

ต้าเป่าอุ้มสุนัขขนดำมา “นี่ชื่อเสี่ยวเฮย” 

เอ้อร์เป่าอุ้มสุนัขขนขาวดำมา “นี่ชื่อว่าฮวาฮวา” 

“ได้ แล้วแต่พวกเจ้าเลย พวกเจ้าอย่าลืมให้อาหารก็พอ อย่าลืมรักษาความสะอาดด้วยล่ะ รอให้น้องหมาชินกับบ้านพวกเรา ไม่มีอะไรทำก็อาบน้ำให้พวกมันด้วย อาบให้สะอาดค่อยอุ้มเล่น” 

โก่วเสิ้งที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นทันที “ป้าสะใภ้สาม น้องหมาไม่ต้องอาบน้ำกระมัง พวกมันลงไปอาบในแม่น้ำเองก็ได้” 

ลู่เจียวเลิกคิ้ว แล้วอธิบายว่าเหตุผลว่าทำไมน้องหมาถึงต้องอาบน้ำ 

ตอนนี้พวกมันยังเด็ก รอให้โตขึ้นอีกหน่อย ถ้าไม่อาบน้ำรักษาความสะอาดให้ หมาก็จะมีเห็บเกาะตามตัว หลังจากอธิบายจบ นางก็ตะโกนบอกเซี่ยอวิ๋นจิ่น 

“เจ้าเฝ้าเด็กๆ ไว้ที ข้าจะไปปลูกผัก” 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งนางจากไปด้วยสายตา แล้วมองเด็กสี่ห้าคนที่ดูมีความสุข ก็รู้สึกสับสนในใจ 

นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเอง พวกเขาไม่เพียงแต่มีกินมีใช้ แล้วยังได้เลี้ยงหมาอีก แต่ก่อนแฝดสี่ดูอ่อนปวกเปียกไร้ชีวิตชีวา ตอนนี้ไม่เพียงแต่ดูที่มีความสุข แล้วยังดูมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมากขึ้นด้วย 

ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะแม่นางผู้นี้ 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดครุ่นคิดไม่ได้ ถ้าให้นางอยู่ดูแลแฝดสี่ต่อก็ไม่เลว 

ลู่เจียวหาไม้ไปทำเป็นด้ามจอบ แล้วเริ่มขุดดินที่อยู่ข้างรั้วทั้งสองฝั่งเพื่อเตรียมดินปลูกผัก 

ลู่เจียวไม่ได้ขอเมล็ดพันธุ์จากคนอื่น ในห้วงอากาศมีหมดทุกอย่าง ทั้งเมล็ดพันธุ์ต้นหอม ผักชี ผักกาดขาว ผักกาด ขึ้นฉ่ายและปวยเล้ง แม้แต่ถั่วฝักยาว มะเขือ ลูกมะระหวานและมะเขือเทศก็ยังมี 

ทีแรกนางอยากปลูกของพวกนี้ไว้ในห้วงอากาศ ทว่าเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าห้วงอากาศมีพื้นที่เล็กเกินไป ไม่เหมาะกับการปลูกผัก เลยเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ด้านในเท่านั้น 

อย่างไรของในห้วงอากาศก็ไม่มีทางเสีย เมล็ดพันธุ์ก็ไม่เน่าเสียอยู่แล้ว 

ผ่านไปครึ่งวัน นางขุดดินตรงหน้าลานบ้านเสร็จ ก็ไปขุดหลังบ้านต่ออีกสองแปลง 

นางมีกำลังมาก การใช้จอบขุดดินเป็นเรื่องง่ายดาย 

หลังจากเตรียมดินเสร็จก็เริ่มหว่านเมล็ดพันธุ์ ตอนที่หว่านเสร็จก็แอบเอาน้ำวิเศษมารดให้ผักที่ปลูก หลังจากนั้นก็จะปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม 

หลังจากรดน้ำวิเศษไปแล้ว เมล็ดพันธุ์ก็งอกเป็นต้นกล้าเล็กๆ อย่างรวดเร็ว นางไม่กล้าใช้น้ำวิเศษกระตุ้นให้พืชโตไวมากเกินไป ไม่เช่นนั้นจะต้องมีคนสงสัย 

ตอนเที่ยงพวกเขากินข้าวสวย กับข้าวก็คือหัวหมูต้มพะโล้ แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้กินหัวใจหมูด้วย ลู่เจียวไม่กล้าให้เขากินเยอะ เลยตุ๋นไข่และน้ำแกงไข่ให้เขากินอีกอย่างละถ้วย 

แฝดสี่ดื่มน้ำแกงไข่คนละถ้วย 

หลังจากกินเสร็จ ซื่อเป่าก็ตบหน้าท้องอย่างภาคภูมิใจ “ท่านแม่ ดูท้องข้าสิ อย่างกับกลองเลย” 

ลู่เจียวกลัวว่าซื่อเป่าจะแน่นท้อง เลยให้เขาลุกขึ้นเดินย่อยไปมาสักพัก 

“พาเสี่ยวเฮยและฮวาฮวาไปเดินเล่นในสวนสิ” 

แฝดสี่ได้ยินคำพูดนี้ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที พวกเขาพาเจ้าหมาน้อยสองตัวไปเดินเล่น ทว่าน้องหมายังคงไม่ชินกับสถานที่แห่งนี้ ยังคงเดินตัวสั่น ไม่ค่อยกล้าก้าวไปด้านหน้า สุดท้ายแฝดสี่จึงต้องอุ้มไปไว้ในบ้านของพวกมัน 

ภายในเรือน ลู่เจียวป้อนเซี่ยอวิ๋นจิ่นกินข้าว พลางพูดว่า “เดี๋ยวเจ้าให้เด็กๆ นอนกลางวันด้วยล่ะ ข้าาจะขึ้นเขาไปวางกับดัก พรุ่งนี้จะเอาเนื้อสัตว์กลับไปให้ท่านแม่ กลับบ้านแต่ไม่มีของติดไม้ติดมือคงไม่ดี” 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวทำงานไม่หยุด ก็อดหันไปมองนางไม่ได้ 

ดูเหมือนนางจะผอมลงหน่อย แม้จะผอมลง แต่ผิวพรรณกลับยิ่งผุดผ่อง อีกอย่างตอนที่นางเข้ามาใกล้ เขายังได้กลิ่นกายอันหอมหวานของนาง เป็นกลิ่นที่เย้ายวนใจยิ่งนัก 

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท