Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1787 รางวัลสะท้านโลก

ตอนที่ 1787 รางวัลสะท้านโลก
“พี่สาม บังเอิญจังเลย”
พอเห็นชายหนุ่มชุดม่วงที่เดินเข้ามา ใบหน้าอวี่อวิ๋นเหอก็เค้นยิ้มแข็งทื่อ
ชายหนุ่มชุดม่วงดูกระตือรือร้นนัก เขาเดินมาข้างหน้า ตบไหล่อวี่อวิ๋นเหอแล้วเอ่ยว่า “น้องหก เจ้าไม่ไปฝึกที่สำนักยุทธ์เตาโอสถหรือ ไยถึงแจ้นมาที่เมืองศิลาเมฆล่ะ ถ้าถูกท่านอารองรู้เข้าเกรงว่าจะโกรธอีก
ชายหนุ่มชุดม่วงมีนามว่าอวี่อวิ๋นเจิง ลูกหลานเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ เป็นหนึ่งในญาติผู้พี่ของอวี่อวิ๋นเหอ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิดกัน
เพียงแต่หลินสวินมองปราดเดียวก็ดูออกว่าความสัมพันธ์ของลูกพี่ลูกน้องคู่นี้คงไม่อาจพูดได้ว่าสนิทสนม
“พี่สามล้อเล่นแล้ว ท่านมาทำอะไรที่เมืองศิลาเมฆแห่งนี้หรือ”
รอยยิ้มอวี่อวิ๋นเหอฝืนมาก
อวี่อวิ๋นเจิงยิ้มเอ่ย “หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าข้ากับแม่นางหลันไฉ่อีกำลังจะหมั้นกันแล้ว คราวนี้มาเจรจาเรื่องงานหมั้น”
อวี่อวิ๋นเหออึ้งไป
หลันไฉ่อี บุตรสาวของหลันเทียนอวี๋เจ้าสำนักปราณศิลาเมฆ ฐานะสูงส่งลือชื่อ ทั้งยังเป็นหญิงงามแห่งยุคที่มีชื่อเสียงระบือไกลในโลกต้าอวี่
ครู่หนึ่งอวี่อวิ๋นเหอจึงได้สติกลับมา เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ต้องยินดีกับพี่สามแล้ว”
อวี่อวิ๋นเจิงหัวเราะชอบใจ “รอตอนข้าหมั้น เจ้าต้องกลับมาให้ได้ เท่านี้ก่อน ข้าขอไปก่อนแล้ว”
เขาพูดพลางพาเหล่าชายหญิงที่อยู่ข้างหลังจากไปอย่างผ่าเผย
อวี่อวิ๋นเหอมองพวกเขาจากไป สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ กัดฟันพูดกับตัวเองว่า “ดีใจจนลืมตัว คิดจริงๆ หรือว่าการแต่งงานกับผู้หญิงฐานะดีจะช่วยให้ชิงตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลไปได้ ข้าต่างหากที่เป็นลูกหลานสายตรง เป็นผู้สืบทอดของหัวหน้าตระกูลอย่างถูกต้อง!”
หลินสวินที่อยู่ข้างกันชำเลืองมอง ไม่ได้พูดอะไร
……
บนถนนไกลออกไป อวี่อวิ๋นเจิงหุบยิ้มลงไป นิ่วหน้าตรึกตรอง ‘ทำไมเจ้าโง่อวี่อวิ๋นเหอนี่ถึงแจ้นมาเมืองศิลาเมฆล่ะ…’
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกันคนหนึ่งยิ้มถาม “พี่อวี่ นั่นไม่ใช่ลูกของหัวหน้าตระกูลอวี่ของพวกเจ้า ศิษย์สืบทอดแท้จริงของสำนักยุทธ์เตาโอสถอวี่อวิ๋นเหอหรอกหรือ”
“เป็นเขาจริงๆ”
“นี่เป็นถึงลูกคุณหนูผู้มีชื่อเสียงล้ำเลิศในโลกต้าอวี่ของพวกเรา ขึ้นชื่อเรื่องความอวดดีไปทั้งใต้หล้า”
คนที่อยู่ข้างๆ ไม่น้อยหัวเราะขึ้นมา
ชื่อของอวี่อวิ๋นเหอ มีหรือพวกเขาจะไม่รู้จัก
อวี่อวิ๋นเจิงยิ้มเจื่อน ส่ายหัวแล้วถอนใจเอ่ยว่า “เฮ้อ น้องสามของข้าคนนี้แต่เล็กไม่เรียนหนังสือไม่รู้วิชา เอาแต่เที่ยวเล่น เรื่องสุรานารีไม่มีที่เขาไม่ช่ำชอง ทำให้ทุกคนได้เห็นเรื่องตลกเสียแล้ว”
หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยทันควันว่า “พี่อวี่ ได้ยินว่าอีกไม่นาน ‘การทดสอบประจำตระกูล’ ในตระกูลอวี่ของพวกเจ้าจะเปิดฉากขึ้นแล้ว ถึงตอนนั้นเป็นไปได้สูงที่จะเลือกหัวหน้าตระกูลน้อย มีคุณสมบัติจะได้สืบทอดอำนาจในตระกูล ข้าอยากแนะนำให้พี่อวี่ไปลองพยายามชิงดูสักครั้ง ถ้าปล่อยตำแหน่งหัวหน้าตระกูลน้อยให้ลูกคุณหนูนั่นสืบทอด…”
ยังไม่ทันพูดจบ ความนัยก็เปิดเผยออกมาอย่างไม่หมกเม็ด
อวี่อวิ๋นเจิงนัยน์ตาแน่วนิ่ง ยิ้มเอ่ยทันควันว่า “การทดสอบประจำตระกูลข้าย่อมไม่พลาดแน่ แต่จะชิงเอาตำแหน่งหัวหน้าตระกูลน้อยมาได้หรือไม่ ก็ได้แต่ทำให้ดีที่สุดและฟังลิขิตฟ้าแล้ว”
ระหว่างที่คนทั้งกลุ่มสนทนาก็เดินไกลออกไปช้าๆ
……
หลังจากได้พบอวี่อวิ๋นเจิง อวี่อวิ๋นเหอก็เปลี่ยนเป็นหนักใจมาตลอดทาง สีหน้าอึมครึมไปหมด
ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินไม่ได้สนใจ
เขาย่อมดูออกว่านี่เป็นการต่อสู้ภายในระหว่างทายาทตระกูลอวี่ เรื่องแบบนี้มีให้เห็นได้เจนตาทุกตระกูลไป
เพื่ออำนาจและตำแหน่ง เรื่องพี่น้องทะเลาะกัน พ่อลูกผูกแค้นกันมีอยู่มากมาย
แต่เห็นได้ชัดว่าในการต่อสู้ภายในของลูกหลานในตระกูลครั้งนี้ สถานการณ์ของอวี่อวิ๋นเหอไม่สู้ดีนัก
หอยินวาโย
ตั้งอยู่ในถนนพลุกพล่านแห่งหนึ่งในเมืองศิลาเมฆ จำแนกได้ง่ายนัก
เมื่อมาถึงที่นี่ รูปลักษณ์ของหลินสวินก็เปลี่ยนแปลงไปเงียบๆ แม้แต่บุคลิกลักษณะยังเปลี่ยนเป็นธรรมดาขึ้นมา นี่ก็คือเคล็ดวิชามหาไร้รูป
เพียงแค่โคจรพลังปราณ เว้นแต่เป็นคนที่มีอภินิหารพิเศษหรือเป็นระดับจักรพรรดิ หาไม่แล้วย่อมไม่อาจมองทะลุการปลอมตัวของเขาได้
อวี่อวิ๋นเหออึ้งไป คล้ายใคร่ครวญบางอย่าง
ส่วนหนานชิวเพียงแค่มองหลินสวินอย่างสงสัยแวบหนึ่งแล้วดึงสายตากลับมา เรื่องอะไรควรถามไม่ควรถาม ในใจนางย่อมรู้ดี
ไม่นานนักพวกหลินสวินก็เข้าไปในหอยินวาโย ผู้ดูแลหญิงผู้หนึ่งเดินมาต้อนรับ เอ่ยถามด้วยเสียงนอบน้อม
“ข้าอยากมาฟังเรื่องบางเรื่อง”
หลังหลินสวินแจ้งจุดประสงค์ที่มาแล้ว พวกเขาทั้งสามก็ถูกผู้ดูแลหญิงนำทางเข้าไปในห้องเงียบๆ ห้องหนึ่ง
“ข้าชิวหรง คารวะสหายยุทธ์ทุกท่าน”
ไม่นานนักชายชรารูปลักษณ์อ้วนท้วนสมบูรณ์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง พลังผนึกในห้องถูกเปิดออก ก่อรูปเขตผนึกสายหนึ่ง สามารถต้านการสอดแนมจากภายนอกได้
หลินสวินเอ่ยทันควันว่า “ข้าอยากรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับแหล่งสถานคุนหลุนเมื่อหกปีก่อน”
ชิวหรงอึ้งไปก่อนพยักหน้าน้อยๆ “หอยินวาโยของข้ารวบรวมข้อมูลนี้ไว้ไม่น้อยจริงๆ เพียงแต่เรื่องนี้ราคาออกจะสูง ถึงอย่างไรสหายยุทธ์ก็รู้ดี ว่าแหล่งสถานคุนหลุนเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล เรื่องที่เกิดขึ้นภายในนั้นล้วนเป็นความลับชั้นหนึ่งในปัจจุบัน…”
ไม่ทันพูดจบก็ถูกหลินสวนิตัดบท “ผลึกมรรคเท่าไร”
ชิวหรงพลันยิ้ม ดูออกว่าหลินสวินเป็นคนตรงไปตรงมาไม่ชอบพูดจาพร่ำเพื่อ เขาชูนิ้วมือทั้งห้าขึ้นทันที “ห้าพันผลึกมรรค”
ปึง!
อวี่อวิ๋นเหอโกรธแล้ว มือตบลงไปบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า “แค่ข้อมูลบ้าๆ นิดเดียวเอง อ้าปากก็กล้าไถห้าพันผลึกมรรค เจ้าเฒ่า ทำไมเจ้าไม่ปล้นไปให้ชัดๆ เสียเลยล่ะ”
รอยยิ้มของชิวหรงเจื่อนลง แต่สายตามองไปที่หลินสวินแล้วเอ่ยว่า “จ่ายค่าตอบแทนมากเพียงไหน ก็จะได้รับข้อมูลราคาเท่านั้น สหายยุทธ์ ท่านว่าอย่างไร”
ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก จ้องชิวหรงอยู่ครู่หนึ่งก็นำถุงเก็บของออกมาวางบนโต๊ะ เอ่ยว่า “อย่าทำให้ข้าผิดหวังจะดีที่สุด”
ชิวหรงยิ้มแฉ่ง สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง บรรทัดหยกกองหนึ่งก็ปรากฏออกมา เขาเอ่ยว่า “เรื่องใหญ่บางส่วนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนแหล่งสถานคุนหลุนปิดฉากลง ล้วนบันทึกไว้ในบรรทัดหยกพวกนี้”
จิตรับรู้ของหลินสวินแผ่ออก เริ่มพลิกอ่านทีละชิ้น
เมื่อหกปีก่อน แหล่งสถานคุนหลุนจมสู่การผนึกและหายไปจากโลกอีกครั้ง
บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ในหมู่ผู้แข็งแกร่งนับหมื่นคนที่เข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน สุดท้ายก็เพียงร้อยกว่าคนที่รอดชีวิตออกมา
ส่วนคนที่เหลือล้วนร่างอยู่ภายในนั้น!
ผู้ฝึกปราณที่รอดชีวิตออกมากลายเป็นจุดสนใจของทั้งใต้หล้า
ในนั้นบุคคลแห่งยุคอย่างพวกจวนอวี๋เหิง ลูกหลานเผ่าจักรพรรดิตระกูลจวนอวี๋ ฮว่าซิงหลี ผู้สืบทอดเรือนมรรคเหล่ามาร หรือฉุนอวี๋เกอ เพราะแสดงความสามารถได้โดดเด่นที่สุดในแหล่งสถานคุนหลุน จึงกลายเป็นผู้ที่ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้าในคราเดียว
นอกจากนั้นยังมีเรื่องราวและข่าวลับที่น่ายินดีและแสนเศร้ามากมาย แต่ต่างถูกหลินสวินอ่านผ่านๆ ไม่ได้รู้สึกสนใจ
กระทั่งพลิกไปถึงบรรทัดหยกที่อยู่ในนั้นเล่มหนึ่ง หลินสวินพลันใจสะท้าน
‘ถ้าว่ากันด้วยเรื่องผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเดินทางสู่แหล่งสถานคุนหลุน ย่อมเป็นหลินสวิน ชายคนนี้มาจากดินแดนรกร้างโบราณ มีพลังปราณระดับมกุฎมหาอริยะ ตั้งแต่ก่อนเข้ามาในแหล่งสถานคุนหลุน…’
บนบรรทัดหยกบันทึกวีรกรรมแต่ละอย่างในแหล่งสถานคุนหลุนของหลินสวินโดยละเอียด เช่นการสังหารเยี่ยนฉุนจวินผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาล กับลู่อ๋างจากเผ่านักรบกิเลนโลหิตที่แดนหลอมสมบัติ…
การต่อสู้กับเหล่าผู้กล้า ชิงไอมรรคหลอมสมบัติ ‘บทประพันธ์มหามรรค’ ที่หน้าภูเขากลับหัว…
การสังหารเหล่าผู้แข็งแกร่งอย่างกู่ฉางซิน เถาเจี้ยนสิง คุนจิ่วหลินที่ยอดเขาพญามังกร สำแดงอานุภาพอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ เลือดย้อมยอดเขา
หรือแม้แต่ในแดนผนึกแท่นสักการะ หนึ่งในแดนสามผนึกของแหล่งสถานคุนหลุน ตัวคนเดียวเคลื่อนกวาดปลิดชีพเหวินฉิงเสวี่ย สังหารซวีหลิงคุน…
แต่ละเรื่องแต่งเติมจนหลินสวินเหมือนกลายเป็นคนที่ดุร้ายหาใดเทียบ อหังการดั่งเทพมาร!
‘ตามคำร่ำลือ หลังเจ้าหลินสวินคนนี้อุทิศตนเป็นอริยบุคคล ก็ชิงเอายอดศุภโชค ‘บรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์’ ไป!’
‘ตามคำร่ำลือ การเดินทางสู่แหล่งสถานคุนหลุนคราวนี้ ผู้สืบทอดหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่ถูกหลินสวินนี่ล่วงเกินไปกว่าครึ่ง!’
‘ตามคำร่ำลือ ชายคนนี้มีมหาศุภโชคนานาชนิดอยู่กับตัว ครอบครองยอดสมบัติมากมาย…’
จนกระทั่งอ่านจบ ในใจหลินสวินไม่ได้หวั่นไหวเท่าไร ข่าวพวกนี้อาจมีส่วนที่กล่าวเกินจริง แต่ล้วนเคยเกิดขึ้นมาก่อนจริงๆ
อย่างเดียวที่ทำให้หลินสวินขมวดคิ้วก็คือ ในบรรทัดหยกทุกเล่มกลับมีบันทึกของพวกอาหู เจ้าคางคก อาหลู่อยู่เบาบาง
บอกแต่ว่าในตอนสุดท้ายพวกอาหูหายลับไปอย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็น ไม่มีใครยืนยันได้ว่าพวกเขาไปที่ไหนกันแน่
“พวกนี้เป็นข้อมูลทั้งหมดแล้วหรือ”
หลินสวินเงยมองชิวหรงที่อยู่ตรงข้าม
“ใช่แล้ว”
ชิวหรงพยักหน้า “แต่ถ้าสหายยุทธ์ยังมีข้อสงสัยอื่นก็ลองพูดมาได้ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะช่วยเจ้าไขความสงสัยได้เล็กน้อย”
หลินสวินนิ่งคิดแล้วพูดว่า “ข้าอยากรู้เรื่องที่เกี่ยวกับหลินสวินบางเรื่อง”
พอพูดถึงชื่อตัวเอง ในใจหลินสวินก็ออกจะรู้สึกแปลกอย่างอดไม่อยู่ ความรู้สึกนี้… ยังพิลึกอยู่บ้างจริงๆ
ชิวหรงเผยรอยยิ้มเหมือนคาดไว้ก่อนแล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เอ่ยว่า “บนทางเดินฟ้าดาราในตอนนี้ หลินสวินเป็นจุดรวมความสนใจของคนนับไม่ถ้วน ต่อให้ผ่านไปหกปี แต่ข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับเขายังเป็นเรื่องที่ใต้หล้าติดตามมากที่สุดดังเดิม”
เขาพูดพลางสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง บรรทัดหยกเล่มหนึ่งก็โฉบออกมา “สหายยุทธ์เชิญอ่าน ในบรรทัดหยกเล่มนี้มีประกาศเสนอรางวัลที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินคนนี้อยู่มากมาย”
อวี่อวิ๋นเหอกับหนานชิวสงสัยใคร่รู้อย่างอดไม่ได้ มองตามมา
หลินสวินไม่ได้ปิดบัง เปิดบรรทัดหยกออก…
‘เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ประกาศเสนอรางวัล จับเจ้าหลินสวินผู้นี้ ผู้ให้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ทุกคนจะได้รับหนึ่งล้านผลึกมรรค!’
‘เรือนมรรคจักรวาลขอประกาศแจ้งต่อใต้หล้า ว่ามองหลินสวินเป็นศัตรูคู่แค้นที่ต้องสังหาร…’
‘เรือนมรรคยุทธจักรเสนอรางวัลสามล้านผลึกมรรคเพื่อจับหลินสวิน!’
‘เผ่านักรบกิเลนโลหิต…’
‘เผ่านักรบฉงฉี…’
……
ประกาศเสนอรางวัลแต่ละอันเป็นของยักษ์ใหญ่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างหกเรือนมรรคใหญ่
และยังมีเผ่าเก่าแก่อย่างสิบเผ่านักรบใหญ่ กระทั่งไม่ขาดขุมอำนาจชั้นยอดอย่างเผ่าจักรพรรดิตระกูลคุน เผ่าจักรพรรดิตระกูลซวี
ประกาศรางวัลนำจับแต่ละอันล้วนพุ่งเป้ามาที่หลินสวินเพียงคนเดียว!
มิหนำซ้ำมูลค่าของประกาศแต่ละชิ้นยังเรียกได้ว่าตะลึงโลก สามารถทำให้ราชันอริยะยังคลุ้มคลั่ง ทำเอากึ่งจักรพรรดิตาลุกวาว ระดับจักรพรรดิยังใจเต้น!
“สวรรค์!”
หนานชิวตกตะลึงอ้าปากค้าง
“หมอนี่จะค่าตัวแพงเกินไปแล้ว ถ้าจับเขาได้ก็เท่ากับคว้าคลังสมบัติธรรมชาติแห่งหนึ่งไว้ได้!”
อวี่อวิ๋นเหอก็สูดหายใจเย็น รู้สึกสั่นสะท้านไปแล้ว
อย่างต่ำก็มีรางวัลนับจำถึงหนึ่งล้านผลึกมรรค นี่มันอะไรกัน เกือบเท่ากับยานข้ามโลกห้าลำ อาวุธกึ่งจักรพรรดิหนึ่งชิ้น โอสถเทพหมื่นปีหนึ่งหมื่นต้น!
“หกปีก่อนตอนที่ประกาศรางวัลนำจับเหล่านี้เผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ก็สะเทือนไปทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ผู้ฝึกปราณทั้งใต้หล้าต่างหาหลินสวินไปทุกที่อย่างกับบ้าคลั่ง แม้แต่คนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิบางคนยังออกเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าทำให้ทั้งโลกจับตามอง”
“โดยเฉพาะเขตแดนดาราใจกลาง คลื่นลมไม่รู้เท่าไรซัดขึ้นมาเพราะหลินสวินคนเดียว”
ชิวหรงทอดถอนใจ “ช่วงนั้นผู้ฝึกปราณบนทางเดินโบราณฟ้าดาราที่มีชื่อว่าหลินสวินบางส่วนต่างโชคร้ายครั้งใหญ่กันหมด ทั้งยังเกิดเรื่องตลกเพราะเหตุนี้ไม่รู้เท่าไร”
อวี่อวิ๋นเหอก็สีหน้าทอดถอนใจ อุทานออกมาว่า “การเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งนี้ข้าก็เคยได้ยินมาก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินคนนี้ดันแพงขนาดนี้… ถ้าให้ข้าไปจับเขา เช่นนั้นควรจะได้เงินรางวัลเท่าไรดี”
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหลินสวินมุมปากกระตุกไปครู่หนึ่ง
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท