ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 152 ไปมาหาสู่(กลาง)

ตอนที่ 152 ไปมาหาสู่(กลาง)

ฉินอี๋เหนียงปลอบใจเหวินอี๋เหนียง “เช่นนี้ก็ดีแล้ว เจ้าจะได้เจอเจินเจี่ยเอ๋อร์ทุกวัน!”

เหวินอี๋เหนียงกัดริมฝีปาก “เจอแล้วเช่นไร ข้าจะหาสามีดีๆ ให้นางได้เช่นนั้นหรือ หรือเกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้าสามารถช่วยเหลือนางได้?” พูดจบนางก็สะบัดแขนเสื้อเดินเข้าไปในห้อง

ฉินอี๋เหนียงรีบตามไป ได้ยินสืออีเหนียงพูดกับหู่พั่ว “…ไปดูที่ห้องเก็บของกับเจินเจี่ยเอ๋อร์ ดูว่านางชอบแบบไหนก็ใช้แบบนั้น จากนั้นก็ไปหาพ่อบ้านไป๋ ให้เขาลองคำนวณดูว่าหากเปลี่ยนห้องโถงในลานของเราเป็นเรือนหลักที่มีห้องเอ่อร์ฝังสามห้อง แล้วเพิ่มเรือนปีกที่มีห้องเอ่อร์ฝังสามห้องทางทิศตะวันตกนั้นต้องใช้เงินเท่าไร ฤดูหนาวอาศัยอยู่ที่เรือนปีกทางทิศตะวันออกเพียงชั่วคราวไม่เป็นไร แต่ฤดูร้อนไม่ได้ เปลี่ยนห้องโถงเสีย ข้าจะไปบอกท่านโหวเอง บอกให้เขาย้ายห้องหนังสือไปที่นั่น เอาเรือนปีกทางทิศตะวันตกให้เจินเจี่ยเอ๋อร์…” เมื่อเห็นเหวินอี๋เหนียงกับฉินอี๋เหนียงเดินเข้ามา นางก็หยุดพูด “มาแล้วหรือ”

พวกนางสองคนย่อเข่าคำนับ

สืออีเหนียงบอกให้ให้สาวไปเอาเก้าอี้มาให้พวกนางนั่ง

เหวินอี๋เหนียงท่าทีเปลี่ยนไป นางดูเงียบสงบมากขึ้น

ยิ่งไม่มีใครพูดอะไรก็ยิ่งทำให้บรรยากาศภายในห้องเย็นยะเยือกขึ้น แม้แต่สืออีเหนียงก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยกล่าวสิ่งใด

ฉินอี๋เหนียงเหลือบมองเหวินอี๋เหนียง ก่อนที่จะกัดฟันเปิดปากพูดกับสืออีเหนียง “ฮูหยิน เจินเจี่ยเอ๋อร์จะย้ายมาที่นี่หรือเจ้าคะ”

สืออีเหนียงพยักหน้า “ไท่ฮูหยินดูปฏิทินแล้ว วันที่ยี่สิบแปดเดือนนี้เป็นวันที่ดี”

ฉินอี๋เหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องใหญ่ หากต้องการให้ข้าช่วยเหลือ ฮูหยินบอกได้เลยนะเจ้าคะ”

“ตอนนี้ยังไม่มี” สืออีเหนียงพูด “หากข้าคิดออกว่าจะให้อี๋เหนียงช่วยอะไร ถึงตอนนั้นค่อยเชิญอี๋เหนียงมาก็ไม่สาย”

“เช่นนั้นข้าก็จะรอคำสั่งของฮูหยินนะเจ้าคะ!” ฉินอี๋เหนียงตอบรับด้วยความเคารพ แต่จากนั้นก็หาเรื่องคุยต่อไม่ได้ บรรยากาศพลันกลับมาอึดอัด นางแอบขยิบตาส่งสัญญาณให้เหวินอี๋เหนียง แต่นางกลับไม่มีชีวิตชีวาเหมือนปกติ นั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าที่มึนงง ไม่สนใจอะไรสักอย่าง ฉินอี๋เหนียงแอบถอนหายใจอยู่ในใจ นางพยายามหาเรื่องขึ้นมาพูดคุย เมื่อมองดูรอบๆ ก็เห็นดอกดารารัตน์วางอยู่บนโต๊ะ นางจึงยิ้มแล้วพูดว่า “ดอกดารารัตน์ของฮูหยินยังไม่บานหรือเจ้าค่ะ หรือว่าต้องถามคนของห้องหน่วนฝังว่ามีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ดอกไม้บานเร็วขึ้น”

สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าอยากให้มันบานช่วงฤดูใบไม้ผลิ ไม่ได้รีบร้อนอะไร”

ฉินอี๋เหนียงตอบรับ แล้วก็ไม่มีสิ่งใดจะพูดอีกแล้ว

สืออีเหนียงมองพวกนางสองคน คนหนึ่งใจลอย ส่วนอีกคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรจะคุยแต่พยายามหาเรื่องคุย ซึ่งตัวนางนั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดคุยกับพวกนางเช่นกัน นางจึงหยิบถ้วยชาขึ้นมา “สายมากแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไปเถิด”

ฉินอี๋เหนียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางลุกขึ้นยืน เห็นเหวินอี๋เหนียงนั่งอยู่ตรงนั้น นางจึงรีบใช้นิ้วจิ้มไปที่หลังของนาง เหวินอี๋เหนียงได้สติกลับมาก็รีบลุกขึ้นยืน พวกนางคำนับสืออีเหนียงแล้วก็เดินออกไป

สืออีเหนียงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจเช่นกัน

ถึงแม้ว่าบรรดาอี๋เหนียงจะทำตามกฎเกณฑ์ แต่นางก็ไม่มีอะไรจะพูดคุยกับพวกนางจริงๆ ทุกคนไม่ต้องเจอกันบ่อย ก็คงจะผ่อนคลายไม่น้อย

หู่พั่วและสาวใช้อีกสองสามคนเก็บข้าวของทั้งคืน เช้าของวันต่อมาก็ย้ายไปอยู่ที่เรือนหลัง จากนั้นก็ให้คนไปเรียกป้าเซี่ยงมา มอบหน้าที่ทำความสะอาดเรือนปีกทางทิศตะวันออกให้นาง แล้วบอกกับนางว่าจะให้เงินคนที่มาทำงานคนละสองก้อน ป้าเซี่ยงได้ยินเช่นนี้ก็รีบเรียกคนมาด้วย สืออีเหนียงเห็นว่าสายแล้ว นางจึงไปที่เรือนของไท่ฮูหยิน

เจินเจี่ยเอ๋อร์และจุนเกอรู้ข่าวแล้ว จุนเกอนั้นกอดเจินเจี่ยเอ๋อร์ร้องไห้ไม่หยุด เจินเจี่ยเอ๋อร์ก็เอาแต่เช็ดน้ำตา

ไท่ฮูหยินเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจ “พวกเจ้าโตกันแล้ว จะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตไม่ได้”

สืออีเหนียงลูบหัวจุนเกอเบาๆ “ทุกคนยังอยู่ในจวนเดียวกัน”

จุนเกอสะอึกสะอื้นแต่ก็ไม่พูดตอบอะไร

ฮูหยินสามมาแล้ว “เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ”

“ข้าจะให้เจินเจี่ยเอ๋อร์ย้ายไปอยู่กับสืออีเหนียง” ไท่ฮูหยินเล่าให้นางฟัง

“นี่เป็นเรื่องที่ดี!” ฮูหยินสามยิ้ม “ถึงแม้ว่าสกุลอย่างเรา ทานข้าวไม่จำเป็นต้องลงมือทำอาหารเอง แต่สำหรับสตรีนั้นแม้แต่เสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยของบุรุษ หากให้คนอื่นมาช่วยทำมันคงไม่ดี เจินเจี่ยเอ๋อร์ถือโอกาสนี้ไปอยู่กับน้องสะใภ้สี่ จะได้เรียนรู้การเย็บปักถักร้อยกับน้องสะใภ้สี่ด้วย”

เจินเจี่ยเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ก็หน้าแดง จับมือจุนเกอกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ไท่ฮูหยินขมวดคิ้ว “พูดอะไรเหลวไหลต่อหน้าเด็ก”

ฮูหยินสามพูดว่า “ข้าพูดความจริง การเรียนเป็นเรื่องสำคัญ แต่การเย็บปักถักร้อยก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น บ้านเกิดของเฉินจื่อเสียงคือครอบครัวยากจนมิใช่หรือ แต่เมื่อพวกเขาแต่งภรรยา เรื่องแรกที่ดูก็คือเรื่องเย็บปักถักร้อย หากเจินเจี่ยเอ๋อร์ของเราต้องแต่งงานกับสกุลเช่นนั้น ท่านให้สินเดิมหนึ่งร้อยยี่สิบสี่ชิ้นก็ยังเกรงว่าจะเอาใจแม่สามีไม่ได้”

ไท่ฮูหยินได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว

สืออีเหนียงเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด นางจึงรีบยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านแม่ ประเดี๋ยวข้าอยากจะพาเจินเจี่ยเอ๋อร์ไปเลือกของตกแต่งที่นางชอบในห้องเก็บของ ห้องของนางก็ให้นางจัดเองดีกว่าเจ้าค่ะ!” จากนั้นก็เล่าเรื่องที่จะเปลี่ยนห้องโถงเป็นเรือนปีกให้ไท่ฮูหยินฟัง “หากให้เจินเจี่ยเอ๋อร์นอนเรือนปีกทางทิศตะวันออก คงจะลำบากนางเจ้าค่ะ”

ไท่ฮูหยินพยักหน้าซ้ำๆ “เช่นนั้นเจ้าก็พาเจินเจี่ยเอ๋อร์ไปเถิด! เรื่องเปลี่ยนห้องโถงข้าจะเป็นคนไปบอกพ่อบ้านไป๋เอง”

สืออีเหนียงที่กำลังกังวลเรื่องเงิน แต่ตอนนี้ไท่ฮูหยินออกหน้ารับผิดชอบเอง…นางจึงเอ่ยขอบคุณไท่ฮูหยินด้วยความดีใจ

ไท่ฮูหยินก็เป็นเหมือกับคนแก่ทั่วไปที่ชอบเห็นลูกหลานมีความสุข นางยิ้มแล้วเร่งให้สืออีเหนียงรีบออกไป ทำให้แผนของฮูหยินสามพังลง เดิมทีนางอยากมาเชิญสืออีเหนียงให้ไปรู้จักกับบรรดาผู้ดูแลที่ส่วนรายงานกับนาง

สืออีเหนียงเข้ามาในเรือนหน่วนเก๋อของเจินเจี่ยเอ๋อร์ เจินเจี่ยเอ๋อร์กำลังพูดคุยกับจุนเกอเบาๆ “…หากท่านย่าเห็นด้วย เจ้าก็ไปนอนกับข้าได้”

เห็นสืออีเหนียงเดินเข้ามา พวกเขาสองคนก็ยืนขึ้น จุนเกอยืนอยู่หน้าเจินเจี่ยเอ๋อร์ ทำท่าทีราวกับกลัวว่านางจะมาพาเจินเจี่ยเอ๋อร์ออกไป

สืออีเหนียงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วนั่งลง

เสี่ยวหลีรีบรินชาร้อนให้นาง

สืออีเหนียงถามเจินเจี่ยเอ๋อร์เบาๆ “หรือว่าเจ้าไม่อยากย้ายออกไปจริงๆ”

ทันใดนั้น ใบหน้าของเจินเจี่ยเอ๋อร์ก็ดูงุนงง

“ข้าไม่มีความหมายอื่น” สืออีเหนียงอธิบายให้นางฟังราวกับเป็นสหาย “แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าโตแล้ว จะเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในเรือนหน่วนเก๋อของตัวเองไม่ได้ เจ้าต้องออกไปเดินเล่นบ้าง ไปรู้จักสหายบ้าง เจ้าอยากลองดูหรือไม่ หากเจ้าไม่ชอบจริงๆ ข้าจะปรึกษากับท่านย่า ให้เจ้าย้ายกลับมา”

จู่ๆ เจินเจี่ยเอ๋อร์ก็ร้องไห้ นางส่ายหน้า “ข้าแค่เป็นห่วงท่านย่ากับจุนเกอ หากข้าย้ายออกไปแล้ว ใครจะดูแลพวกเขา”

สืออีเหนียงเห็นว่านางอายุแค่นี้ แต่กลับพูดคำพูดแบบนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยรู้ว่าความเอาแต่ใจเป็นอย่างไร สืออีเหนียงก็พลันน้ำตาคลอ

“ถึงแม้ว่าเจ้าจะอยู่กับข้า แต่เจ้าก็ยังต้องมาคารวะท่านย่าทุกวัน ถึงตอนนั้นค่อยอยู่คุยเป็นเพื่อนท่านย่าก็ได้” พูดจบ นางก็มองไปที่จุนเกอ “เช่นนี้ก็ดีกับจุนเกอ เขาเป็นบุรษ เอาแต่เลี้ยงดูอยู่ในเรือนไม่ได้”

เจินเจี่ยเอ๋อร์เช็ดน้ำตา พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

แต่จุนเกอกลับตะโกนว่า “ข้าจะอยู่กับพี่หญิง!”

สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ว่าจะไม่ให้พวกเจ้าเล่นด้วยกัน แต่ว่าพวกเจ้าสองคนนั้นล้วนอยู่กับท่านย่า ก็ควรจะแบ่งไปอยู่กับข้าคนหนึ่งมิใช่หรือ”

จุนเกอได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจ “ทำไมพวกเราต้องไปอยู่กับท่านด้วย”

“เพราะว่าข้าอยู่คนเดียวนั้นก็กลัวเหมือนกัน!”

จุนเกอบึนปากแต่ก็ไม่พูดอะไร

สืออีเหนียงหัวเราะ นางนั่งลงคุยกับเขา “หากเจ้าคิดถึงเจินเจี่ยเอ๋อร์ เจ้าก็ไปเล่นที่เรือนข้า เช่นนี้ เจ้าก็มีที่เล่นตั้งสองที่ ไม่ดีหรอกหรือ”

จุนเกอคิดว่าประโยคนี้ไม่ถูกต้อง แต่ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง เขาเองก็บอกไม่ได้ เขาเอียงหัวครุ่นคิดอยู่นานแล้วพูดว่า “ต้องให้ท่านย่าอนุญาตถึงจะไปได้ขอรับ”

“จุนเกอของเราช่างรู้ความเสียจริง” สืออีเหนียงเอ่ยชื่นชมเขา “รู้ว่าต้องให้ท่านย่าอนุญาตก่อน ผู้ใหญ่จะได้ไม่เป็นห่วง”

จุนเกอได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขาก็มีรอยยิ้ม

สืออีเหนียงถือโอกาสจับมือจุนเกอ “เราไปเลือกของตกแต่งห้องให้เจินเจี่ยเอ๋อร์ด้วยกันดีหรือไม่ ถึงตอนนั้นก็ตกแต่งห้องของเจินเจี่ยเอ๋อร์ให้สวยงาม เจ้าคิดว่าดีหรือไม่”

จุนเกอรีบตอบกลับว่า “ดีขอรับ” อย่างทันที

สืออีเหนียงจับมือเขาเดินไปที่เรือนของไท่ฮูหยิน “เราจะไปที่ห้องเก็บข้อง แต่เจ้าไปบอกท่านย่าก่อน ประเดี๋ยวท่านย่าจะเป็นห่วง”

จุนเกอพยักหน้า รีบจับมือเจินเจี่ยเอ๋อร์ออกไปทันที “เราไปเลือกของตกแต่งที่สวยงามให้ท่านกัน”

เจินเจี่ยเอ๋อร์มองไปที่สืออีเหนียงอย่างกังวล นางเอ่ยอย่างลังเล “เป็นเช่นนี้ได้หรือเจ้าค่ะ”

สืออีเหนียงหยิบป้ายคู่ในมือให้นางดู “ท่านย่าให้มา”

เจินเจี่ยเอ๋อร์เห็นเช่นนี้ก็ตาแดงขึ้นมา นางไม่พูดอะไร เดินไปบอกลาไท่ฮูหยินกับสืออีเหนียง จากนั้นก็ไปยังห้องเก็บของกับเว่ยจื่อและสาวใช้อีกสองสามคน

สืออีเหนียงหยุดอยู่ที่บันไดหน้าห้องเก็บของ นางยิ้มแล้วพูดว่า “เจินเจี่ยเอ๋อร์ นี่คือห้องของเจ้า เจ้าอยากจะตกแต่งเช่นไรก็ตกแต่งเช่นนั้น ข้ากับจุนเกอจะรอเจ้าอยู่ข้างนอก หากเจ้าเลือกเสร็จแล้วก็ทำรายการเอาไว้ด้วย ทำไว้สองชุด จากนั้นก็ให้ท่านป้าย้ายของไปที่เรือนของข้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ข้างนอก” พูดจบ ก็ให้สาวใช้ไปเอาเก้าอี้มาสองตัว จากนั้นก็นั่งเล่นพันด้ายกับจุนเกอ

เจินเจี่ยเอ๋อร์ยืนมองจุนเกอที่หัวเราะเล่นพันด้ายอยู่กับสืออีเหนียงหน้าห้องเก็บของด้วยสีหน้าที่สับสน

เพราะว่าคนที่อยู่ตรงหน้า วันที่เงียบสงบของนางกำลังจะเปลี่ยนไป เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ นางนั้นไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร…

เว่ยจื่อมองเจินเจี่ยเอ๋อร์ที่ดูเหม่อลอย นางยิ้มแล้วเรียกเบาๆ “เจินเจี่ยเอ๋อร์เจ้าคะ”

เจินเจี่ยเอ๋อร์ได้สติกลับมา รีบยิ้มแล้วพยักหน้าให้เว่ยจื่อ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องเก็บของ

สืออีเหนียงตั้งใจไม่เข้าไปด้วย นางไม่อยากให้เจินเจี่ยเอ๋อร์มาคอยเดาว่านางชอบอะไรแล้วเลือกของตามความชอบของนาง นางอยากให้เจินเจี่ยเอ๋อร์เลือกของที่ตัวเองชอบอย่างแท้จริง

เมื่อนางและจุนเกอกำลังเล่นพันด้ายกันอย่างมีความสุข ก็มีสาวใช้วิ่งเข้ามารายงาน “ฮูหยิน นายหญิงสามสกุลเฉียวของจวนเฉิงกั๋วกงมาเจ้าค่ะ”

ลืมเรื่องนี้ไปเลย

นางพูดคุยกับเจินเจี่ยเอ๋อร์สองสามประโยค เกลี้ยกล่อมให้จุนเกอกลับไปที่เรือนของไท่ฮูหยิน จากนั้นก็พาลี่ว์อวิ๋นและหงซิ่วกลับไปที่เรือนของตัวเอง

นายหญิงเฉียวสวมเสื้อกั๊กยาวสีฟ้า สีหน้าของนางก็ยังคงดูระแวดระวังเหมือนเดิม

สืออีเหนียงบอกให้สาวใช้ยกเก้าอี้มาให้นายหญิงเฉียวนั่ง รอให้สาวใช้ยกชาร้อนเข้ามา นางถึงค่อยๆ พูด “ที่เชิญนายหญิงเฉียวมา หนึ่งคือเรื่องสุขภาพของเฉียวอี๋เหนียง อยากให้ท่านมาเยี่ยมนาง นางมีคนคอยพูดคุยเป็นเพื่อน จะได้หายป่วยไวๆ สองคือ ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษานายหญิงเฉียวเจ้าค่ะ”

นายหญิงเฉียวนั่งตัวตรง ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่ามีเรื่องอันใดที่ข้าพอจะช่วยฮูหยินสี่ได้”

นางแค่เอ่ยถามแต่ไม่ได้รับประกันว่าตัวเองจะช่วยสืออีเหนียง

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท