หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 16 ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ

ตอนที่ 16 ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ

 

“…” คนในวังต่างพูดอ้อมค้อมขนาดนี้เลยหรือ หนึ่งประโยคปลอบขวัญ อีกหนึ่งกลับข่มขู่ คำสัญญาที่ครอบคลุมนี้ทำให้ดูมีระดับขึ้นเช่นนั้นหรอกหรือ 

หนานกงมั่วรับแผ่นหยกจากมือเยี่ยนอ๋องมา 

บอกกับตัวเองอยู่ในใจ คนตรงหน้านั้นมีท่านอ๋องสองคน คนหนึ่งเป็นนายทหาร คนหนึ่งเป็นนักฆ่า อีกคนนั้นดูไปแล้วไม่ธรรมดาเลย หากแข็งข้อคงไม่เหลือทางรอดอย่างแน่นอน นางไม่เคยคิดอยากหนีหัวซุกหัวซุน 

นอกจากนั้น ดวงตาสีม่วงคู่นั้นราวกับคว้าผมเปียเล็กๆ ของนางเอาไว้แล้ว ต้องหาวิธีดึงผมเปียเล็กๆ กลับคืนมาให้ได้ 

สุดท้าย นางไม่ได้หลงตัวเองจนคิดว่าเว่ยจวินมั่วจะไม่ยอมแต่งกับใครนอกจากนางผู้เดียว ดังนั้นหากทั้งสองต่างก็ตกลงแล้ว พวกเขาก็จะยังมีความหวัง ช่วยกันหาวิธีแก้ปัญหาอย่างสันติเรื่องการแต่งงานได้ 

อย่างไรก็ตาม นับว่าเว่ยจวินมั่วเป็นผู้ชายหน้าตาดีที่หาได้ยากทีเดียว เจอชายรูปงามไม่รีบเข้าหา สัมผัส ฟ้าดินจะลงโทษ คำพูดสุดท้ายนั่นเป็นของน้องสาวบ้าผู้ชายผู้นั้นเป็นคนพูด 

“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” สองมือของหนานกงมั่วรับแผ่นหยกมา เอ่ยอย่างนอบน้อม 

เยี่ยนอ๋องมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า ในที่สุดดวงตาเยือกเย็นก็อ่อนลง แม้จะเติบโตมาในชนบท แต่ก็ยังดูเป็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ มารยาทการรับของยังดีกว่าผู้ที่ถูกเลี้ยงอยู่ในจวนฉู่กั๋วกงอยู่มาก เยี่ยนอ๋องเป็นราชวงศ์รุ่นที่สองจึงไม่ได้กินอยู่สุขสบายอยู่ในวังอย่างหรูหรา เมื่อครั้งนั้นยังพาทหารออกรบตามบัญชาจากฝ่าบาท แม้จะไม่ได้โดดเด่น ทว่ายังได้อยู่ท่ามกลางสนามรบและการนองเลือด สำหรับเรื่องสตรี แน่นอนว่าไม่ชื่นชอบประเภทอ่อนแอและบอบบาง เจออะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องกรีดร้องออกมา สุดท้ายเป็นลมล้มพับในที่สุด บุรุษนั้นชอบสตรีที่มีเสน่ห์ ตัวเล็กน่ารักก็ไม่เลว แต่ภรรยาเอกและอนุภรรยานั้นไม่เหมือนกัน 

พยักหน้าลงแล้ว เยี่ยนอ๋องจึงเอ่ย “ครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” หันกลับไปมองเว่ยจวินมั่ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลายวันนี้ไม่มีกิจใด เจ้าก็พาคุณหนูหนานกงไปหาเสด็จป้าและน้องของเจ้าบ้าง” 

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จลุง” เว่ยจวินมั่วกล่าวตอบรับเสียงเรียบ 

เมื่อรับสั่งกับหลานชายเสร็จแล้ว เยี่ยนอ๋องหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป เขามาถึงตานหยาง สิ่งแรกที่ทำคือมาที่เรือนหนานกงก่อนเป็นอันดับแรก ยังมีอีกหลายอย่างรอให้พวกเขาจัดการอยู่ ในเมื่อเจอหนานกงมั่วแล้วก็คงไม่ต้องอยู่นาน 

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลขอเพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นกะทันหัน 

เยี่ยนอ๋องหันกลับมา มองหนานกงมั่วด้วยสายตาเรียบนิ่ง โจวอ๋องเองก็มองไปยังหนานกงมั่วด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ย “เด็กผู้นี้ไม่เกรงใจจริงๆ เลย” หมายความดังที่กล่าว เจอกันครั้งแรกก็มีเรื่องทูลขอแล้ว หนานกงมั่วช่างไม่รู้มารยาทเอาเสียเลย เยี่ยนอ๋องกลับไม่รู้สึกโกรธ ทำเพียงเลิกคิ้วถาม “เจ้าว่ามาสิ” เขาเชื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าเป็นคนฉลาด ไม่มีทางขออะไรเกินเลยเป็นแน่ 

ภายใต้สายตากดดันของคนตระกูลหนานกง หนานกงมั่วก้มหน้าเอ่ยเสียงราบเรียบ “ในยามที่ท่านแม่ของหม่อมฉันยังมีชีวิตอยู่นั้นคอยกังวลเรื่องชื่อของหม่อมฉันมาโดยตลอด หม่อมฉันจึงอยากทำตามความประสงค์ของท่านแม่ เปลี่ยนนามเป็น มั่ว ขอท่านอ๋องได้โปรดเป็นพยาน” 

เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว มองไปยังหนานกงไหว แม้เรื่องนี้เขาจะสามารถจัดการให้ได้ แต่อย่างไรเสีย ชื่อก็เป็นสิ่งที่บิดามารดาตั้งให้ หากดึงดันจะเปลี่ยนโดยไม่สนใจความยินยอมของบิดามารดาคงถูกมองว่าอกตัญญู หนานกงไหวอ้าปากต้องการคัดค้านก็ได้รับรอยยิ้มเย็นที่ถูกส่งมาจากหนานกงมั่ว ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ คำพูดที่กำลังจะถูกเอ่ยออกมากลับต้องถูกกลืนกลับลงไป แววตายิ้มแย้มของหนานกงมั่วนั้นชัดเจนว่าหากเขาอยากคัดค้าน ทางที่ดีควรไตร่ตรองถึงผลที่จะตามมาด้วย 

หนานกงไหวโกรธอยู่ไม่น้อย ผู้ยิ่งใหญ่อย่างฉู่กั๋วกงอย่างเขาต้องมาถูกเด็กข่มขู่เยี่ยงนี้หรือ 

“เสด็จลุง” เว่ยจวินมั่วที่ยืนอยู่ด้านหลังของเยี่ยนอ๋องพลันเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้หลานเองก็เคยได้ยินมาบ้าง เมื่อครั้งนั้นชิงซวีเจินเคยกล่าวไว้ว่าชื่อนี้ไม่เป็นมงคล” 

“เรื่องจริงหรือ” เยี่ยนอ๋องหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงหันกลับไปบอกกับหนานกงไหว “งั้นก็เปลี่ยนเถิด ให้เรียกว่าหนานกงมั่ว หนานกงฮูหยินเกิดในตระกูลนักปราชญ์ ตัวอักษรมั่วก็มีค่าเช่นกัน” แน่นอนว่าต้องเปลี่ยน ชื่อไม่เป็นมงคลจะแต่งกับจวินมั่วได้เยี่ยงไร ต้องเปลี่ยนเสีย 

หนานกงมั่วมองไปยังสายตาเย็นชาของเว่ยจวินมั่วที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังเยี่ยนอ๋อง ความจริงคำพูดของเว่ยจวินมั่วนั้นนับว่ามีเล่ห์เหลี่ยม เมื่อครั้งนั้นคำพูดของชิงซวีเจินบอกเพียงว่าชื่อชิงเฉิงนั้นไม่เป็นมงคล มิได้กล่าวถึงว่าชิงนั้นไม่เป็นมงคล แต่เยี่ยนอ๋องคงไม่สนใจเรื่องนี้ และเว่ยจวินมั่วก็ไม่ได้คิดจะอธิบายต่อให้ละเอียด 

“ฉู่กั๋วกง ข้าเปลี่ยนชื่อให้คุณหนูใหญ่หนานกงเป็นหนานกงมั่วดีหรือไม่” 

รอยยิ้มหนานกงไหวแข็งค้าง พระองค์ตัดสินใจไปแล้วยังจะมาถามกระหม่อมอีกทำไมกัน 

“แน่นอนว่าต้องทำตามพระประสงค์ของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยนอ๋องพยักหน้าพอใจ “เด็กผู้นี้ช่างกตัญญู ข้าเห็นว่าเจ้าถึงวัยปักปิ่นแล้ว ได้มีจื้อแล้วหรือยัง” 

เจิ้งซื่อสองแม่ลูกได้ยินเช่นนั้น อดเกลียดชังอยู่ในใจไม่ได้ ไม่คิดว่าเยี่ยนอ๋องจะพึงพอใจต่อหนานกงมั่วถึงเพียงนี้ ดูท่าแล้วเหมือนจะตั้งจื้อให้นางด้วยซ้ำ หากเป็นเช่นนี้ เมื่อกลับถึงจินหลิง หนานกงมั่วก็คงมีหน้ามีตาไม่น้อย 

หนานกงมั่วยิ้มบางๆ เอ่ย “ทูลท่านอ๋อง หม่อมฉันติดตามร่ำเรียนการเยียวยารักษากับผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ท่านอาจารย์ได้ตั้งจื้ออู๋สยาแก่ข้าแล้วเพคะ” 

“อ้อ เจ้าเรียนการรักษาด้วยหรือ” เยี่ยนอ๋องมีความสนใจมากยิ่งขึ้น เดิมหนานกงมั่วก็ไม่คิดปิดบังเรื่องวิชาการรักษาของตนเอง เรื่องเช่นนี้คิดจะปิดบังก็คงปิดไม่มิด “เรียนบ้างเล็กน้อยเพคะ” 

โจวอ๋องที่อยู่ด้านข้างเข้าร่วมการสนทนา ยิ้มตอบ “เด็กน้อย งั้นเจ้าช่วยตรวจดูพี่สามที เมื่อสักครู่ตอนกลับมาพี่สามบอกว่ารู้สึกไม่สบาย” หนานกงมั่วหันไปมองรอยยิ้มของโจวอ๋องอย่างจริงจัง ไม่รู้ทำไม ตั้งแต่เดินเข้ามาคนผู้นี้ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่พูดอะไรมากมาย แต่ทุกครั้งที่เอ่ยออกมากลับทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แต่ถ้าบอกว่าเขาดูเป็นศัตรู แต่นางกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น บอกได้เพียงว่าองค์ชายผู้นี้ช่างเกิดมาเจ้าเล่ห์เหลือเกิน 

คนอื่นๆ เองก็หันมามองหนานกงมั่วด้วยท่าทีประหลาดใจ หนานกงมั่วนึกไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ เอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ให้หม่อมฉันจับชีพจรดูได้หรือไม่” สีหน้าของเยี่ยนอ๋องนั้นดูไม่ดี ในสถานการณ์เช่นนี้ ซ้ำยังพึ่งเจอกันครั้งแรก หนานกงมั่วไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่าเยี่ยนอ๋องนั้นให้ความสำคัญต่อเว่ยจวินมั่วหลานชายผู้นี้มากทีเดียว 

เยี่ยนอ๋องยื่นแขนออกมา หนานกงมั่วจับชีพจรเขาดูด้วยท่าทางนิ่งสงบ “ท่านอ๋องเคยได้รับบาดเจ็บสาหัส คาดว่าคงมีบาดแผลที่ถูกทิ้งเอาไว้” 

โจวอ๋องหัวเราะหยัน “พี่สามช่วยขวางคมดาบแทนรัชทายาท ใครๆ ต่างก็รู้” 

เช่นนั้นหรือ ข้าไม่รู้ กลอกตาอยู่ในใจ ใบหน้าของหนานกงมั่วเรียบนิ่งราวกับผืนน้ำ “ทุกครั้งที่ฟ้าครึ้มฝน ทำงานเหน็ดเหนื่อย จะมีอาการปวดที่บริเวณแผลยากจะทานทน ในยามที่รุนแรงอาจเป็นตะคริวหรือเป็นลมได้” 

โจวอ๋องหัวเราะไม่ออกทันใด อาการป่วยของเยี่ยนอ๋องเขาเองก็รับรู้เป็นอย่างดี 

“มีวิธีรักษาหรือไม่” เยี่ยนอ๋องถามออกมาเสียงเรียบ ทว่าในใจกลับมิได้คาดหวัง แม้แต่หมออาวุโสหลายท่านยังรักษาไม่ได้ หนานกงมั่วอายุยังน้อย สามารถบอกอาการออกมาได้นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว 

หนานกงมั่วนิ่งคิด เอ่ย “หม่อมฉันจะออกใบสั่งยาให้ก่อน เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวด หลังจากสามเดือนผ่านไปหม่อมฉันจึงจะฝังเข็มให้ท่านอ๋องได้ ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลานาน ในตอนรักษาบาดแผลคงมีข้อผิดพลาด หากรักษาให้หายดีคงจะเป็นเรื่องยาก แต่อาจจะดีขึ้นได้เจ็ดถึงแปดส่วน” 

“คุยโวโอ้อวดโดยไม่รู้สึกกระดากอาย…” 

“น้องสี่” เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว เอ่ยต่อว่า “เช่นนี้ก็ลำบากเจ้าแล้ว จวินมั่ว กลับไปเจ้านำยาส่งไปที่เรือนข้า ข้ายังมีธุระ ต้องไปก่อนแล้ว ฉู่กั๋วกง ข้าขอลาไปก่อนแล้ว” 

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท