หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 69 งานเลี้ยงครั้งแรก (2)

ตอนที่ 69 งานเลี้ยงครั้งแรก (2)

“รายงานองค์หญิง ท่านอ๋องมาแล้วเพคะ” สาวใช้จากด้านนอกรีบเข้ามารายงาน ดวงตาขององค์หญิงฉังผิงนิ่งขึ้น ใบหน้างดงามยิ้มหยัน เอ่ยเสียงเรียบ “เขามาทำอันใด” เว่ยจวินมั่วคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “ลูกสั่งโบยเว่ยจวินอี้ไปพ่ะย่ะค่ะ”

องค์หญิงฉังผิงชะงัก รอยยิ้มจางหาย “เจ้านี่จริงๆ เลย…” ไม่นานสีหน้าจึงเปลี่ยนไป คิ้วสวยเลิกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเย็น “โบยก็โบยแล้ว แล้วอย่างไรเล่า”

“องค์หญิงนี่หมายความว่าเยี่ยงไร” ประโยคนั้นขององค์หญิงฉังผิงถูกจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องผู้มาใหม่ได้ยินเข้า สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เอ่ยถามขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ

เว่ยจวินมั่วลุกขึ้น เอ่ยเรียกเสด็จพ่อเสียงเรียบ จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องชายตามองเว่ยจวินมั่วด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีความรู้สึกอื่นใดในดวงตายกเว้นเสียแต่ความรังเกียจ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเย็นชาของผู้เป็นบิดา เว่ยจวินมั่วเองไม่คิดจะใส่ใจ หลังจากกล่าวถวายพระพรเสร็จจึงยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง องค์หญิงฉังผิงช้อนตาขึ้น มองชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างเฉยเมย เอ่ยถาม “ท่านอ๋องมาที่นี่ มีเรื่องอันใดหรือ” ตั้งแต่เว่ยจวินมั่วกำเนิดออกมา น้อยครั้งที่จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจะก้าวเข้ามาเหยียบที่นี่

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเหลือบมองเว่ยจวินมั่วด้วยสายตาเย็นชา ยิ้มเย็น “ข้าเองก็อยากถามองค์หญิง อี้เอ๋อร์ทำผิดสิ่งใด ไยต้องโบยเขาจนลงจากเตียงไม่ได้”

เว่ยจวินมั่วก้าวขึ้นมาด้านหน้า กั้นระหว่างองค์หญิงฉังผิงและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เอ่ยตอบ “เสด็จพ่อ เป็นกระหม่อมเองที่สั่งโบย”

“นี่เจ้า… ลูกไม่รักดี จวินอี้เป็นน้องของเจ้า เจ้าลงมือทำร้ายเขาถึงเพียงนี้ ช่างโฉดชั่วเสียจริง” วาจาของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องราวกับเปล่งลอดไรฟันออกมา ราวกับการดุด่าว่าลูกไม่รักดีเช่นนี้มันเป็นเรื่องน่าละอาย เว่ยจวินมั่วยังคงเฉยเมย ไม่โกรธและไม่เสียใจ เพียงเอ่ยขึ้น “เว่ยจวินอี้อาศัยอำนาจจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเที่ยวเดินบนถนนให้รถม้าของผู้อื่นต้องตกใจไม่พอ ซ้ำยังไปข่มขู่ ทำให้หญิงสาวต้องอับอาย เสด็จพ่อคิดว่าเขาไม่ควรโดนสั่งสอนหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องใบหน้าแข็งทื่อ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาได้ฟังมา หลายปีมานี้จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนั้นเคยชินแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ก็มักจะโยนความผิดมาที่เว่ยจวินมั่ว แม้สุดท้ายรู้ว่าตนเองนั้นผิด ทว่ากลับไม่มีความละอายใจ แต่ครั้งนี้เขากลับไม่กล้าเอ่ยออกมาว่าเว่ยจวินอี้ไม่ควรถูกสั่งสอน หลายปีมานี้เขาละเลยองค์หญิงฉังผิง สนมให้กำเนิดบุตรชาย ราชวงศ์ไม่ได้บอกว่าไม่ผิด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฝ่าบาทจะยินดีที่เห็นธิดาถูกละเลย หรือยินดีที่จะเห็นหลานของตนถูกเชื้อสายรองกดขี่ เพียงแต่เรื่องของเว่ยจวินมั่ว ราชวงศ์เองก็จนปัญญาแล้วจริงๆ เมื่อปล่อยให้ฝ่าบาทเห็นความบกพร่องของเขา พระองค์คงไม่ไว้หน้าเขาเป็นแน่

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องส่งเสียงหยันในลำคอพร้อมกับเบือนหน้าหนี บ่งบอกว่าให้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป

ด้านหลังเว่ยจวินมั่ว มุมปากขององค์หญิงฉังผิงแสดงความเย้ยหยันและผิดหวัง เอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อท่านอ๋องมาแล้ว พอดีข้ามีเรื่องต้องปรึกษาท่านอ๋อง จวินเอ๋อร์ เจ้าไปนั่งลงด้านข้างเสีย”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่” เว่ยจวินมั่วพยักหน้า กลับมานั่งลงยังที่นั่งฝั่งซ้ายมือขององค์หญิงฉังผิง มองจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องที่นั่งลงฝั่งขวา ดวงตาของเว่ยจวินมั่วเรียบนิ่งไร้กระแสคลื่น ในยามที่เขายังเด็ก เขาก็เข้าใจแล้วว่าไม่มีทางร้องขอความรักจากบิดาผู้นี้ได้ เพราะทุกครั้งที่ร้องขอมักจะนำพาความเจ็บปวดมาให้เขาอยู่เสมอ นึกถึงดวงตาแปลกประหลาดของตนที่ต่างออกไปจากผู้คนในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง บางทีไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนของตระกูลเว่ย แม้ว่ามารดาจะไม่เคยเอ่ยอันใด ทว่าเว่ยจวินมั่วกลับไม่โกรธมารดา หลายปีมานี้เขารู้ว่าไม่ว่ามารดาจะทำสิ่งใดก็ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อเขา แม้ต้องทิ้งทุกอย่างที่นางควรจะมี เขาจำได้เสมอ ในตอนที่เขายังเด็ก เสด็จพ่อเคยบอกกับเสด็จแม่ หากยอมส่งเขาออกไป ทุกอย่างก็ยังสามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ เสด็จแม่ทำเพียงจ้องมองเสด็จพ่อนิ่งๆ จากนั้นไล่เขาออกไป จากนั้นก็ปิดตำหนักใช้ชีวิตด้วยตนเอง

“องค์หญิงมีเรื่องอันใดหรือ” จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด

องค์หญิงฉังผิงขมวดคิ้ว เอ่ยตอบ “เสด็จพ่อพระราชทานสมรสให้จวินเอ๋อร์และคุณหนูใหญ่จวนฉู่กั๋วกง ควรหาฤกษ์ยามที่เหมาะสมและไปสู่ขอได้แล้ว”

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องชะงักไปราวกับพึ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “เรื่องเช่นนี้ องค์หญิงปรึกษากับน้องสาวก็พอแล้ว มาบอกกับข้าทำไมกัน”

สีหน้าขององค์หญิงฉังผิงนั้นเข้มขึ้น ถ้วยชาที่ถืออยู่ถูกวางกลับไปบนโต๊ะ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ปรึกษาหรือ ปรึกษาแล้วสุดท้ายนางเตรียมสินสอดหกสิบสี่หาบงั้นหรือ หลายปีมานี้ข้าไม่สนใจจัดการ นางลืมฐานะของตนไปแล้วหรือไม่”

ได้ยินคำพูดขององค์หญิงฉังผิง ใบหน้าของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจึงสลดลง เนิ่นนานจึงเอ่ย “สินสอดหกสิบสี่หาบก็ไม่นับว่าน้อยแล้ว ตอนที่เจ๋อเอ๋อร์ ปั๋วเอ๋อร์ และอี้เอ๋อร์แต่งงานก็หกสิบสี่หาบเช่นกันมิใช่หรือ” สนมเอกของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องคือญาติผู้น้องของเขาเอง

“เว่ยหงเฟย!” องค์หญิงฉังผิงตะโกนเสียงดัง

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องชะงัก มององค์หญิงฉังผิงเงียบๆ ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก องค์หญิงฉังผิงหลับตา น้ำเสียงหนักแน่นเอ่ย “จวินเอ๋อร์ของข้าคือผู้ที่จะเอาโอรสที่เกิดจากนางสนมเหล่านั้นมาเทียบได้หรือ จวนฉู่กั๋วกงเป็นใครกัน ส่งสินสอดเช่นนี้ไป ท่านอ๋องคิดจะตบหน้าหนานกงไหวหรือ”

ความจริงจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องก็รู้สึกผิด ไม่ว่าเว่ยจวินมั่วจะเป็นโอรสของใคร แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง เขาแต่งกับบุตรีของหนานกงไหว หนานกงไหวมิใช่ผู้ที่จะละเลยได้ง่ายๆ ซ้ำยังเป็นขุนศึกที่ออกรบเคียงข้างฝ่าบาทในช่วงก่อตั้งประเทศ กองกำลังของหนานกงไหวนั้นเขาย่อมแสวงหามัน อย่างไรก็ตามกองกำลังของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนับว่ามีความสามารถน้อยกว่ามาก ทว่าเมื่อหนานกงไหวผู้นั้นขึ้นเป็นฉู่กั๋วกง ส่วนเขากลายเป็นจวิ้นอ๋อง ที่สูงส่งกว่าก็คือมารดาของเขาเป็นเครือญาติของฝ่าบาท และเขายังเป็นราชบุตรเขย ไม่เช่นนั้นตอนนี้ฐานะของเขาก็คงต่ำกว่าหนานกงไหว แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ เขาจะยอมรับต่อหน้าองค์หญิงฉังผิงได้เยี่ยงไร เพียงเห็นใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกันขององค์หญิงฉังผิงและเว่ยจวินมั่ว อีกทั้งยังมีดวงตาประหลาดคู่นั้นของเว่ยจวินมั่ว เขาก็รู้สึกราวกับคนทั่วหล้ากำลังเย้ยหยันเขา เป็นถึงจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแต่กลับถูกชายาของตนสวมเขา

เนิ่นนานจึงได้ยินเสียงหยันของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ องค์หญิงก็จัดการด้วยตนเองเถิด”

องค์หญิงฉังผิงกลับไม่โกรธเพราะท่าทางไม่ใส่ใจของเขา เพียงพยักหน้าเบาๆ “ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง รอสำนักหอดูดาวหลวงคำนวณฤกษ์ยามได้แล้วจะไปมอบสินสอดแก่ตระกูลหนานกง หากท่านอ๋องไม่มีสิ่งใดแล้วก็กลับไปเถิด”

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจ้องมององค์หญิงฉังผิงอยู่นาน สุดท้ายจึงลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป

ความเงียบเข้าปกคลุมห้องโถงดอกไม้ เนิ่นนานทีเดียวกว่าองค์หญิงฉังผิงจะลืมตาขึ้น มองไปยังเว่ยจวินมั่วพร้อมกับเอ่ยเสียงเบาออกมา “จวินเอ๋อร์ แม่ขอโทษเจ้า…”

“เสด็จแม่ นี่มิใช่ความผิดของท่าน” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ องค์หญิงฉังผิงส่ายหน้า เอ่ยตอบ “ไม่ เจ้าไม่เข้าใจ…เจ้า…” หลังจากส่ายหน้าไปมา สุดท้ายองค์หญิงฉังผิงยังคงไม่เอ่ยสิ่งใด ความโศกเศร้าพาดผ่านดวงตาของเว่ยจวินมั่ว ยื่นมือออกไปคว้ามือขององค์หญิงฉังผิงมากุมเอาไว้ เสียงทุ้มต่ำเอ่ย “ขอแค่เสด็จแม่ไม่เป็นอะไร ลูกไม่สนใจเรื่องพวกนี้ รออู๋สยาแต่งเข้ามา…เสด็จแม่ พวกเราย้ายออกไปอยู่ที่อื่นเถิด”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท