เมื่อได้ฟังคำพูดของเจิ้งซื่อ รอยยิ้มของหญิงผู้นั้นจึงเผยออกมา “หากมีฮูหยินน้อยเข้าไปพัวพัน คุณหนูใหญ่ก็คงต้องปวดหัวเป็นแน่”
เจิ้งซื่อหัวเราะ “หากหลินซื่อสู้นางไม่ได้ ก็เอาเรื่องนี้รายงานไปกับหนานกงชวี่เสีย ข้าก็อยากรู้ ภรรยากับน้องสาวเขาจะเลือกใคร”
“ฮูหยิน…ไม่เชื่อใจคุณชายใหญ่หรือเจ้าคะ”
รอยยิ้มของเจิ้งซื่อขมขื่น “อย่างไรก็ไม่ใช่บุตรที่คลอดเอง…” น่าเสียดาย หลายปีแล้วนางก็ยังไม่มีบุตรชายเลยสักคน เดิมยังมีความหวัง ทว่าตอนนี้นางอายุมากแล้ว ความหวังจึงค่อยๆเลือนราง และเพราะเหตุนี้หนานกงชวี่จึงจำเป็นต้องอยู่ในกำมือของนางต่อไป
เรือนจี้ชั่งยุ่งวุนวายอยู่หลายวัน ของชิ้นใหญ่ที่ต้องซื้อจากข้างนอกเตรียมพร้อมเกือบจะครบหมดแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ก็อย่างเช่นเครื่องเรือนที่ต้องจ้างช่างมาช่วยจัดการ หนังสือ วัตถุโบราณในห้องหนังสือ ผ้าไหมที่ต้องไปซื้อจากข้างนอก วัตถุดิบยาต่างๆ หนังขนสัตว์ มีเวลาสี่เดือน ของพวกนี้สามารถค่อยๆ เก็บไปได้ เรือนจี้ชั่งเริ่มสงบลง ขณะที่หนานกงมั่วเริ่มงานใหญ่ที่นางไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการปักชุดแต่งงาน
หญิงสาวทั่วไปนั้นเริ่มปักชุดแต่งงานตั้งแต่กำหนดวันแต่งงาน แต่การแต่งงานของหนานกงมั่วเป็นสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท ระหว่างนั้นตระกูลหนานกงก็ไปตานหยางและเดินทางกลับจากตานหยางมาก็ใช้เวลาไปพอสมควร ยามนี้จนกระทั่งฝ่ายชายมอบของกำนัลแล้วจึงได้จัดเตรียมชุดแต่งงานเสียที การปักชุดแต่งงานไม่นับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับหนานกงมั่ว อย่างไรเสียนางก็เล่นกับเข็มอยู่แล้ว แม้ว่าเข็มของนางส่วนใหญ่แล้วจะเอาไว้ทิ่มแทงคนมิใช่การเย็บปักถักร้อยก็ตาม แต่ความสามารถเดิมของหนานกงชิงเองก็ยังอยู่ แม้ท่านอาจารย์จะพึ่งไม่ได้ทว่าอาจารย์อาก็ยังพอพึ่งได้อยู่บ้าง สำหรับสิ่งที่สตรีควรร่ำเรียน หนานกงมั่วเองก็เคยเรียนอยู่บ้าง ทว่าเรียนก็คือเรียน นางไม่เคยเย็บชุดเลยสักครั้ง ยิ่งไม่เคยทำชุดแต่งงานเข้าไปใหญ่
มองหนานกงมั่วที่กำลังกลัดกลุ้มอยู่กับผ้าสีแดงที่วางอยู่บนโต๊ะ แม่นมหลานก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“แม่นม…” หนานกงมั่วเอ่ยบอกอย่างจนปัญญา “ข้าไม่ถนัดอะไรเช่นนี้เลยจริงๆ”
แม่นมหลานเอ่ยปลอบด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่ไม่ต้องร้อนใจไป ชุดแต่งงานนี้ใช่ว่าจะให้คุณหนูเย็บผู้เดียว พวกเราเพียงเลือกผ้าและลวดลายก็พอแล้ว แต่ว่าผ้าคลุมหน้าและห่อผ้าที่ต้องมอบแก่เจ้าบ่าวนั้นคุณหนูใหญ่จะต้องทำเองเจ้าค่ะ”
“ไม่มีปัญหา” คิ้วสวยของหนานกงมั่วขยับออกจากกัน เมื่อเทียบกับชุดแต่งงานแล้ว ห่อผ้าหรือผ้าคลุมก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปทันใด
แม่นมหลานส่ายหน้าเล็กน้อย มองท่าทางคุณหนูใหญ่ที่กำลังระบายลมหายใจพลางเอ่ย “แม่นมช่วยคุณหนูใหญ่คิดไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ มีเวลาเพียงสี่เดือน การปักชุดนี้คงต้องรีบสักหน่อย ฝีมือของหมิงฉินดีมาก สองวันมานี้ข้าดูแล้ว เฟิงเหอกับรู่ฮว่าเองก็ไม่แพ้กัน ห้องเย็บปักของบ้านเราก็มีช่างฝีมืออยู่บ้าง หกคนช่วยกันทำ ระยะเวลาสี่เดือนก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ลองเลือกดูว่าชอบผ้าแบบใดเจ้าคะ”
แม้ว่าชุดแต่งงานจะสวมเพียงวันเดียว แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหนนางก็แต่งงานเป็นครั้งแรก หนานกงมั่วจึงค่อนข้างรอคอย ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนกับที่คนในชาติที่แล้วของนางแม้รู้ว่าชุดแต่งงานนั้นสวมเพียงวันเดียว แต่หากเป็นไปได้ก็อยากได้ชุดแต่งงานที่ตนเองนั้นพึงพอใจ
บนโต๊ะเต็มไปด้วยผ้าไหมสีแดงเหมาะกับการตัดเย็บชุดแต่งงาน ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นนอกหรือในเมืองจินหลิง ในนั้นยังมีไม่น้อยที่นำไปเป็นเครื่องบรรณาการ แม่นมหลานหยิบผ้าสีแดงผืนใหญ่ออกมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ นี่เป็นผ้าแสงจันทร์ที่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องส่งมาให้ นับว่าเป็นผ้าชั้นดีที่สุดในปัจจุบัน ทุกๆ ปีถูกส่งเข้าวังอย่างมากก็เพียงสิบผืนเท่านั้น บ่าวคิดว่าคงเป็นฝ่าบาทที่ประทานให้แก่องค์หญิงฉังผิง หากคุณหนูใหญ่ใช้ผ้าผืนนี้มาตัดชุดแต่งงาน องค์หญิงคงดีใจเป็นแน่เจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วยื่นมือไปสัมผัสผ้าไหมผืนนั้นเบาๆ เนียนดุจเส้นไหม เกิดแสงระยิบระยับดารดาษภายใต้แสงที่สาดส่องต้องโดน เมื่อมองสังเกตให้ดีจะเห็นว่าผ้าแสงจันทร์ผืนนี้ถูกถักทอเป็นลวดลายดอกไม้และก้อนเมฆแห่งโชคลาภด้วยเส้นไหมสีทองสวยงาม ทำให้ยิ่งมองยิ่งรู้สึกชื่นชม หนานกงมั่วพยักหน้าตอบรับ “ดีมาก งั้นก็ใช้ผืนนี้เถิด” ผ้าแบบนี้นั้นไม่มีทางที่ลวดลายของมันจะมาบดบังความงามของลวดลายสวยจากการปัก อีกทั้งยังขับให้ลายปักนั้นดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ยิ่งทำให้งดงามจับตามากขึ้นไปอีก
หมิงฉินและคนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้น ตัดชุดแต่งงานให้คุณหนูใหญ่เองกับมือนั้นนับว่ามีความหมาย “คุณหนูใหญ่ชอบลวดลายอะไรหรือเจ้าคะ” ด้านหลังเฟิงเหอและรู่ฮว่าหยิบแบบของลวดลายต่างๆ ที่เหมาะกับการตัดชุดแต่งงานที่เตรียมเอาไว้ออกมา หนานกงมั่วรับมาและดูอย่างละเอียด ในที่สุดก็เลือกลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหลวนเฟิ่งเหอหมิง[1] เอ่ยถามด้วยความสงสัย “รูปภาพนี้ เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน”
แม้ชุดแต่งงานจะมีหลากหลายรูปแบบเช่นมังกรและหงส์นำพาความเจริญ หลวนเฟิ่งเหอหมิงที่แสดงถึงความรักของคู่สามีภรรยา ยวนยาง[2]เล่นน้ำที่แสดงถึงความรักเดียวใจเดียว แต่หลวนเฟิ่งหรือหงส์คู่ในรูปนี้ดูเหมือนจะต่างออกไป ดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก หนานกงมั่วพอจะจินตนาการได้ว่าเมื่อชุดตัดเย็บเสร็จหลวนเฟิ่งคงจะลอยเล่นอย่างเบิกบานอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ที่ปักเสร็จเรียบร้อย
รู่ฮว่าเอ่ยด้วยท่าทางเขินอาย “คือ…คือรูปที่บ่าววาดออกมาตอนว่างเจ้าค่ะ ปกติบ่าวก็มิได้มีงานอดิเรกอันใด มีเพียงงานเย็บปักถักร้อยที่พอถนัดเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“วาดสวยมาก งั้นใช้รูปนี้” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้น
รู่ฮว่าดีใจ เอ่ยขึ้น “จริงหรือเจ้าคะ หากคุณหนู…มิรังเกียจ…”
หนานกงมั่วยิ้มบางๆ “ได้อย่างไรกัน เจ้าวาดสวยมาก แม่นมหลาน ให้รางวัลรู่ฮว่ายี่สิบตำลึงด้วย”
“คุณหนูไม่รังเกียจภาพของบ่าวก็นับเป็นวาสนาของบ่าวแล้วเจ้าค่ะ บ่าวไม่กล้ารับเอารางวัลหรอกเจ้าค่ะ” รู่ฮว่าทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ รีบเอ่ยปฏิเสธ หนานกงมั่วส่ายหน้า ประคองนางขึ้นมา “เจ้าสมควรได้รับมัน รอชุดแต่งงานเรียบร้อยแล้วทุกคนก็จะได้รับรางวัลเช่นกัน คนข้างกายข้า เพียงทำหน้าที่ในสิ่งที่ตนควรทำให้ดี ข้าเองไม่มีทางเอาเปรียบพวกเจ้า”
ทุกคนต่างดีใจ รีบเอ่ยขอบคุณคุณหนูใหญ่ ไม่ได้มีใจอิจฉารู่ฮว่าที่ได้ไปก่อนยี่สิบตำลึง คุณหนูบอกชัดเจนแล้วหากพวกนางเพียงตั้งใจทำหน้าที่ ขอเพียงพวกนางมีความสามารถก็ไม่มีวันเอาเปรียบพวกนาง รางวัลแน่นอนว่าต้องมี เอาเวลาอิจฉาริษยาคนอื่นมาดูดีกว่าว่าตนเองนั้นมีความสามารถมากพอให้คุณหนูได้เห็นหรือไม่
มองใบหน้ายินดีของทุกคน แม่นมหลานเองก็พยักหน้าอย่างพอใจ นางกังวลมาตลอดว่าคุณหนูใหญ่ที่อายุยังน้อย อีกทั้งยังอยู่ห่างไกลไร้คนชี้แนะสั่งสอนนางให้ดูแลคนรอบข้าง ยามนี้คงไม่ต้องกังวลเรื่องทักษะการดูแลคนอื่นของคุณหนูใหญ่แล้ว
“รายงานคุณหนูใหญ่ ฮูหยินน้อยมาเจ้าค่ะ” ที่ด้านนอก เสียงสาวใช้รายงานอย่างนอบน้อม ตั้งแต่ครั้งนั้นที่หนานกงมั่วลงโทษโบยเหล่าสาวใช้ไป สาวใช้ในเรือนต่างก็ซื่อสัตย์ขึ้นมาก นอกเสียจากหนานกงไหวแล้ว หากเป็นคนอื่น ไม่มีใครเดินเข้ามาได้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากหนานกงมั่วเสียก่อน และหนานกงไหวเองก็คล้ายหลีกเลี่ยงเรือนจี้ชั่งอยู่เสมอ นานพอสมควรแล้วทีเดียวที่เขาไม่เคยมาเยือนที่นี่ด้วยตัวเองเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะมีเรื่องใดก็มักจะให้คนมาเชิญหนานกงมั่วไปคุยที่เรือนด้านหน้า
[1] หลวนเฟิ่งเหอหมิง หงส์คู่สอดประสาน อุปมาถึงคู่สามีภรรยา
[2] ยวนยาง หรือเป็ดแมนดาริน เป็นสัญลักษณ์แทนความรักและความซื่อสัตย์ เนื่องจากเชื่อกันว่ายวนยางเป็นนกที่มีคู่เพียงตัวเดียว