หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 114 คิดจะเล่นกับข้า รนหาที่ตายหรือ (4)

ตอนที่ 114 คิดจะเล่นกับข้า รนหาที่ตายหรือ (4)

หนานกงไหวกวาดตามองหลินซื่อที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยสั่ง “สินเจ้าสาวของซูเอ๋อร์เจ้าเป็นคนรับผิดชอบ อย่าให้ผิดพลาด”

เจิ้งซื่อกำลังมีความผิด ไหนเลยจะกล้าพูดมาก จำต้องตอบรับโดยดี “เจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าน้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ”

มองท่าทางสิ้นหวังของเจิ้งซื่อ หนานกงไหวจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อแรงๆ เอ่ยปากไล่ “ออกไป”

เจิ้งซื่อประคองหนานกงซู เหลือบมองหนานกงไหวด้วยความคับแค้นใจ จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกไป

กลับมาถึงหอหนิงซวง หนานกงซูล้มลงซุกตัวลงไปกับเตียงร้องไห้ออกมา “ท่านแม่ ลูกควรทำเช่นไรเจ้าคะ ฮือ ฮือ…ลูกต้องทำเช่นไร” เจิ้งซื่อลูบผมบุตรีเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่ากลัว อย่ากลัว…ทุกอย่างมีทางออกเสมอ มีแม่อยู่ ใครก็มิกล้ารังแกเจ้า”

หนานกงซูเอ่ยขึ้นด้วยความน้อยใจ “แต่ว่า ข้าต้องไปเป็นอนุภรรยาที่จวนเย่ว์จวิ้นอ๋องจริงหรือเจ้าคะ” อนุภรรยาไม่เหมือนสนม แม้สนมเองก็เป็นอนุเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับพระชายาแล้วต่างกันเพียงขั้นเดียว ตระกูลของพระสนมยังนับว่าเป็นญาติกับฝ่าบาท พระสนมคลอดลูกก็สามารถเลี้ยงเองได้ แต่อนุภรรยานั้นมีไว้เพียงรองรับอารมณ์เท่านั้น ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าถวายตัว มันก็ถูกที่นางรักหวงจั่งซุน แต่นางไม่ได้รักถึงขั้นจะวิ่งไปเป็นอนุให้เขา เดิมคิดว่าด้วยฐานะของตนเอง อย่างไรเสียก็ต้องได้เป็นพระสนม ใครจะคิดว่า…

เจิ้งซื่อถอนหายใจ “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะทำสิ่งใดได้อีกเล่า”

“ให้หนานกงมั่วแต่งเข้าไปสิเจ้าคะ” หนานกงซูกัดฟันเอ่ย

เจิ้งซื่อตกใจ รีบยกมือขึ้นปิดปากหนานกงซู มองไปรอบๆ แล้วค่อยคลายใจลง “เจ้าพูดเหลวไหลอันใด เจ้าคิดว่าท่านพ่อเจ้าจะยอมตอบรับเรื่องเหลวไหลเช่นนี้หรือ นี่เป็นการหลอกลวงฮ่องเต้เชียวนะ” ในครั้งก่อนพระราชโองการกำหนดมาเพียงแซ่และบอกเพียงว่าเป็นสตรีตระกูลหนานกง แต่ในครั้งนี้ชี้มาที่หนานกงซูอย่างชัดเจน ใครจะกล้าทำอันใดอีก ยิ่งไปกว่านั้น หากหนานกงมั่วเข้าไปอยู่ในจวนหวงจั่งซุน จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเล่าจะทำเช่นไร ด้วยชื่อเสียงของหนานกงซูในเวลานี้ เปลี่ยนให้แต่งเข้าไปแทนหนานกงมั่ว เจิ้งซื่อไม่กล้ารับรองเลยว่าองค์หญิงฉังผิงจะไม่ตีนางให้ตายตรงนั้น

แน่นอนว่าหนานกงซูเองก็รู้ว่าสิ่งที่ตนเองกล่าวนั้นเป็นเรื่องเหลวไหล นางทำได้เพียงร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร “เช่นนั้นแล้วลูกต้องทำเช่นไร”

เจิ้งซื่อถอนหายใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เรื่องเป็นเช่นนี้แล้วก็คงต้องยอมรับมัน ซูเอ๋อร์ ท่านพ่อของเจ้าคือฉู่กั๋วกง ต่อให้ตอนนี้จะโกรธมากเพียงใด ต่อไปหวงจั่งซุนยังต้องพึ่งพาเขาอยู่มาก ขอเพียงเจ้ามัดใจหวงจั่งซุนเอาไว้ได้ ให้กำเนิดลูกหลานสักคน ไม่แน่อนาคตอาจได้ขึ้นเป็นพระสนม ทั้งหมดนี้ ต้องอาศัยตัวเจ้าเอง ซูเอ๋อร์ ต่อไปเข้าไปอยู่ในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องแล้วจะเอาแต่ใจตัวเหมือนเวลาอยู่ที่จวนมิได้แล้ว ไปอยู่บ้านคนอื่น ทั้งยังอยู่ในฐานะเช่นนี้ เจ้าต้องรับใช้นายหญิงใหญ่ของบ้าน แม่…ย่อมปกป้องเจ้ามิได้แล้ว”

นางเองก็เข้ามาในจวนในฐานะอนุภรรยา แต่ไม่เคยรับใช้นายหญิงใหญ่ของบ้านเลยสักครั้ง นางไม่มีทางยอมรับใช้เมิ่งซื่อ สถานการณ์ตอนนั้นคือเมิ่งซื่อไม่ยอมรับนาง ทำราวกับน้ำที่นางนำมาให้นั้นเป็นน้ำสกปรกก็มิปาน ไม่เคยเชยตามามองนางเลยสักครั้ง นับว่าโชคชะตาของนางนั้นไม่เลว เพียงแต่น่าเสียดาย หนานกงซูคงมิได้เจอกับนายหญิงใหญ่ที่สูงส่ง ไม่แม้แต่จะยุ่งเกี่ยวกับอนุภรรยาเช่นนั้น

เพียงได้ยินว่าตนเองต้องรับใช้หยวนซื่อ ใบหน้าของหนานกงซูยิ่งไม่น่ามองขึ้นไปอีก จับมือเจิ้งซื่อเอาไว้ “ท่านแม่ ท่านไปคุยกับท่านพ่อ ข้าไม่อยากเป็นอนุภรรยา”

“ซูเอ๋อร์” เจิ้งซื่อเสียงดังขึ้นมา หนานกงซูตกใจ มองเจิ้งซื่อท่าทางตื่นตระหนก เจิ้งซื่อสูดหายใจเข้าลึก “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่าเอ่ยวาจาอะไรโง่ๆ พวกนั้นอีก ฟังที่แม่พูดให้ดี เจ้าถูกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้สิ่งที่ควรเรียนรู้ก็รีบเรียนรู้ มิเช่นนั้นเมื่อไปอยู่ในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องแล้วเจ้าจะเอาตัวไม่รอด ซูเอ๋อร์ เจ้าจำเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องคว้าใจหวงจั่งซุนมาอยู่กับเจ้าให้ได้ มิเช่นนั้น ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางเอาชนะหยวนซื่อได้”

หนานกงซูพยักหน้าตอบรับอย่างไม่มั่นใจ ในสมองขาวโพลน นางยังไม่เข้าใจ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้…ทำไมกัน นางต้องไปเป็นอนุภรรยาให้คนอื่นงั้นหรือ

ตรงข้ามกับหอหนิงซวงที่กำลังเศร้าโศก หลายวันมานี้หนานกงมั่วนั้นมีแต่ความสดใสอารมณ์ดี เจิ้งซื่อยุ่งกับการสั่งสอนหนานกงซูจึงไม่มีเวลามาวุ่นวายกับนาง หลินซื่อเองก็สงบนิ่งลง ข่าวลือที่เกี่ยวกับนางก็ค่อยๆ เงียบหายไป และยังมีบางส่วนที่ช่วยชำระล้างให้นางจนใสสะอาด ลือกันว่าหนานกงมั่วถูกแม่เลี้ยงบีบบังคับให้ไปอยู่ชนบทตั้งแต่เด็ก ฮูหยินน้อยและแม่เลี้ยงร่วมมือกันทำลายชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่หนานกง เป็นต้น ขณะเดียวกันยังมีข่าวหนานกงมั่วมอบเงินสนับสนุนสำนักศึกษาตระกูลเซี่ยอยู่เงียบๆ ชั่วพริบตาหนานกงมั่วก็กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาในสายตาของประชาชนชาวเมืองจินหลิง ดังเช่นดอกบัวสีขาวผู้ถูกรังแกให้ร้าย ขณะนั่งอยู่ที่ห้องในโรงน้ำชา ฟังเสียงพูดคุยกันที่ดังมาจากด้านนอก หนานกงมั่วรู้สึกมีความสุขจนแทบหงายหลัง

“เห็นว่าเจ้าหัวเราะมีความสุขเช่นนี้ก็รู้ว่าข่าวลือในเมืองจินหลิงคงไม่มีผลกระทบต่อเจ้าสักนิดสินะ” เซี่ยเพ่ยหวนเดินเข้ามามองเห็นหนานกงมั่วนั่งกุมท้องหัวเราะจนไร้เรี่ยวแรง หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมามองพลางหัวเราะส่งให้เซี่ยเพ่ยหวน และยังมีหญิงสาวงดงามที่ยืนอยู่ด้านหลังนางอีกคนหนึ่ง ก็คือซุนเหยียนที่พึ่งเจอกันที่เรือนจี้ชั่งไปนั่นเอง

หนานกงมั่วรีบยืดตัวขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดว่าเจ้าจะออกมาเดินเล่นกับเขาด้วย คุณหนูซุน ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง”

ซุนเหยียนพยักหน้าตอบรับ ยิ้มบางๆ “คุณหนูหนานกง ยินดีเช่นกัน”

เซี่ยเพ่ยหวนหันกลับมายิ้มให้ซุนเหยียน “เจ้าอย่าไปสนใจนาง อย่าเผลอดูถูกภาพลักษณ์สุภาพอ่อนโยนของนางเข้าเชียว กระดูกด้านในของนางมิใช่คนดี”

หนานกงมั่วจนปัญญา “อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนใหม่ จะเริ่มเข้าสู่โลกสามีภรรยาที่อยู่กันมานานเช่นนี้เลยหรือ”

“ไม่รู้จักอาย” เซี่ยเพ่ยหวนยื่นมือไปหยิก หนานกงมั่วมีหรือจะยอมให้หยิกได้ เอนไปด้านข้าง เคลื่อนตัวไปนั่งบนที่วางแขนบนเก้าอี้ “คุณหนูซุน เชิญนั่ง” สามารถทำให้เซี่ยเพ่ยหวนรับรองอย่างดีถึงเพียงนี้ คิดว่าคุณหนูซุนผู้นี้คงน่าสนใจไม่น้อย หนานกงมั่วเองก็ประทับใจต่อนางจึงเอ่ยเชิญอย่างกระตือรือร้น

“ขอบคุณคุณหนู”

ทั้งสามนั่งลง หนานกงมั่วเทน้ำชาให้ทั้งสองด้วยตนเอง ก่อนจะเอ่ยวาจา “หลายวันมานี้ที่จวนข้ามีเรื่องมากมาย ไม่มีเวลาว่างมาเจอเจ้า ไม่คิดว่าเจ้าจะมีเพื่อนใหม่แล้ว ช่างได้ใหม่ลืมเก่าเสียจริง”

เซี่ยเพ่ยหวนยกถ้วยชาขึ้น “คุณหนูใหญ่หนานกงพึ่งกลับจินหลิงก็โด่งดังไปทั่วสารทิศ เซี่ยสามนับถือ เป็นเช่นไร ยามนี้จวนฉู่กั๋วกงคงไม่ถูกเจ้าก่อกวนจนแตกตื่นไปหมดใช่ไหม” หนานกงมั่วยักไหล่ เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีใสซื่อ “ข้าจะก่อกวนจนแตกตื่นได้เช่นไร ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเรือนจี้ชั่งของข้าเงียบสงบที่สุดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเจิ้งฮูหยินกับน้องสาวของข้าต่างหากที่ก่อกวนจนแตกตื่นไปทั้งจวน”

เซี่ยเพ่ยหวนเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อว่าในนั้นจะไม่มีฝีมือของคุณหนูใหญ่ร่วมด้วย “เพียงแต่น่าสงสาร…หนานกงซูจิตใจสูงส่ง ตอนนี้ตกต่ำต้องกลายเป็นอนุ” เป็นถึงคุณหนูจวนฉู่กั๋วกง มีตรงไหนไม่ดีจึงต้องไปเป็นอนุให้ผู้อื่น ชาตินี้หนานกงซูก็อย่าหวังที่จะชำระคำด่าทอมากมายให้ขาวสะอาดได้เลย

หนานกงมั่วเอ่ยเชื่องช้า “มีความสามารถมากเพียงใดก็จะได้ข้าวสวยมากเพียงนั้น ไม่มีเพชรก็อย่าทำงานเครื่องลายคราม[1] แล้วไม่ใช่ยังมีอีกประโยคหนึ่งหรือ ใจสูงกว่าฟ้า ชีวิตบางกว่ากระดาษ”

……………………………………………………

[1]ไม่มีเพชรก็อย่าทำงานเครื่องลายคราม ในสมัยโบราณเพชรยังไม่นับว่าเป็นอัญมณี เพชรเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อเอามาเจาะเหล็ก ทองหรือทำลวดลายเครื่องลายครามเพียงเท่านั้น ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิงถึงจะมองว่าเพชรเป็นอัญมณีชนิดหนึ่ง

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท