ชายหนุ่มถอนหายใจ เอ่ยว่า “แม่นางไม่รู้จักเขาหรือ”
“ข้ามิใช่คนในยุทธภพจริงๆ” หนานกงมั่วถอนหายใจตาม “พวกเราเห็นว่าฟ้ามืดแล้วจึงมาพักที่นี่สักคืนเพียงเท่านั้น ใครจะไปรู้ได้ว่าที่นี่จะมีจอมยุทธ์เยอะถึงเพียงนี้”
ชายหนุ่มมีท่าทีไม่อยากจะเชื่อ เอ่ยถาม “ถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางไปเฉินโจว ซึ่งยามนี้กำลังวุ่นวายทีเดียว แม่นาง ไม่ทราบว่าท่านพาคนติดตามมาสองคนมุ่งหน้าไปทางนั้นทำไมกันเล่า” หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ยตอบราบเรียบ “หาคน”
ชายหนุ่มเห็นว่านางไม่มีท่าทีโกหก จึงเชื่อนาง ดวงตามีแววเป็นมิตรมากขึ้น เอ่ยต่อไปว่า “คนผู้นั้นชื่อจินอู๋เฮ่อ เขาไม่ได้ร้ายกาจอันใด คนที่ร้ายกาจคือบิดาของเขา จินผิงอี้”
“ชื่อนี้…เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน” แม้นางจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยุทธภพ แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวข่าวลือต่างๆ ที่ถูกพูดถึงในหมู่ชาวบ้าน แต่ส่วนใหญ่นางเพียงฟังเป็นเรื่องสนุกจากนั้นก็ลืมเลือนมันไป เคยได้ยินที่ไหนกันนะ ชายหนุ่มอดไม่ได้เอ่ยออกเล่าให้ฟัง “สามปีก่อนเกิดการฆ่าล้างตระกูลหกสิบสี่ศพ อีกทั้งครึ่งปีก่อน คดีการสังหารร้อยกว่าศพที่หน้าประตูต้วนเจี้ยน แม่นางคงจะเคยได้ยินมาบ้างใช่หรือไม่”
ดวงตาคมของหนานกงมั่ววาววับขึ้นมาชั่วครู่ เอ่ยเสียงเบา “แน่นอนว่าเคยได้ยิน…สำนักกลเจ็ดดาว พรรคที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งในเจียงเป่ย”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ถูกแล้ว บิดาของจินอู๋เฮ่อก็คือจินผิงอี้เจ้าสำนักกลเจ็ดดาว หลายปีมานี้สำนักกลเจ็ดดาวมีอิทธพลในเจียงเป่ยมาก หากเขารู้ว่าพวกเจ้าทำร้ายบุตรชายของเขาล่ะก็ คงไม่มีทางยอมง่ายๆ เป็นแน่”
“เจ้าเมืองก็ไม่สนใจเลยหรือ” หนานกงมั่วแปลกใจเล็กน้อย แม้เรื่องของชาวยุทธภพจะเป็นเรื่องภายในยุทธภพ แต่ครอบครัวตั้งกี่สิบชีวิต รวมทั้งร้อยกว่าชีวิตนั่นอีก จะไม่สนใจเลยหรือ ชายหนุ่มยิ้มขมขื่น “ว่ากันว่า เจ้าเมืองเจียงเป่ยผู้นั้นคือพี่น้องร่วมสาบานของจินผิงอี้ ใครจะกล้ายุ่งเล่า ยิ่งไปกว่านั้น คนส่วนใหญ่ในยุทธภพไม่ชอบให้พวกราชวงศ์ยื่นมือเข้ามายุ่งหรอก”
เมื่อได้รับข้อมูลที่ต้องการแล้ว หนานกงมั่วจึงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ขอบคุณคุณชายมาก”
“แม่นางท่านนี้ หากท่านไม่ใช่คนในยุทธภพล่ะก็จงรีบหนีไปเถิด อย่างไรเสียโปรดระวังด้วย…” ชายหนุ่มเอ่ยพึมพำ
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ ทางด้านฝังและเวยก็ทราบผลแพ้ชนะแล้ว เหลือไว้เพียงผู้บาดเจ็บที่กำลังร้องคร่ำครวญ หนานกงมั่วพบว่า เมื่อเทียบกับเวยที่ลงกระบี่เพียงครั้งเดียวก็เกือบถึงชีวิต ฝังจึงดูมีความยั้งมือไว้อยู่บ้าง ผู้บาดเจ็บด้วยน้ำมือของเขาเป็นผู้บาดเจ็บหนักก็จริง และหลังจากนี้คงจะกลายเป็นคนไร้ความสามารถ แต่ไม่ถึงขั้นเอาชีวิตให้ตาย ฝั่งนี้ต่อสู้กันชุลมุน คนในห้องโถงใหญ่กลับไม่มีใครคิดยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว เดิมเป็นคนไม่รู้จักอยู่แล้ว พวกเขาก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว ยามนี้เห็นฝีมือของฝังและเวยแล้ว ความอยากรู้ว่าทั้งสองเป็นใครที่เคยมีก่อนหน้านี้ ยามนี้คงต้องละทิ้งมันแล้ว
“คุณหนู” ทั้งสองเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม
หนานกงมั่วยิ้มบางๆ “ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
“ทำให้คุณหนูต้องตกใจ เพราะพวกเราทำงานไม่รอบคอบ คุณหนูเชิญขอรับ” หนานกงมั่วพยักหน้า เหลือบมองผู้คนในห้องโถงอยู่เล็กน้อย ใบหน้าเฉยชาเหลือบมองไปยังคนพวกนั้นที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น จากนั้นจึงเดินขึ้นบันไดไป
“สำนักกลเจ็ดดาวของข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่” เมื่อเดินผ่านจินอู๋เฮ่อผู้นั้น จินอู๋เฮ่อพลันจ้องหนานกงมั่วเขม็ง กัดฟันเอ่ย
หนานกงมั่วหันไป เอ่ยกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ตายไปก่อนแล้วกัน” เข็มสีเงินเรียวเล็กราวกับเส้นผมพุ่งเข้าหาจุดตายของเขาอย่างไร้ร่องรอย จินอู๋เฮ่อเบิกตาโพลงจากนั้นค่อยๆ ปิดลงไป หนานกงมั่วก้าวเท้าเดินผ่านเขาไปอย่างเชื่องช้า ด้านหลังมีฝังและเวยติดตามเงียบๆ ทว่าขณะที่เดินผ่านร่างของจินอู๋เฮ่อนั้นกลับชะงักเท้าที่ก้าวเดินไปเล็กน้อย สีหน้าฝังเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะมองไปยังหญิงสาวที่เดินอยู่ตรงหน้า อดยิ้มออกมาไม่ได้
รอจนทั้งสามเดินหายไปด้านบน ในห้องโถงก็เสียงดังจอแจขึ้นมาอีกครั้ง ผู้จัดการร้านที่แอบอยู่มุมหนึ่งโผล่ออกมา สั่งเสี่ยวเอ้อร์ให้นำร่างที่บาดเจ็บล้มตายออกไป รวมถึงให้คนทำความสะอาดรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่บนพื้นเพื่อไม่ให้ขัดต่ออารมณ์อยากอาหารของแขกท่านอื่นๆ มีคนเห็นว่าจินอู๋เฮ่อพิงอยู่ที่ราวบันได้ไม่ขยับจึงแปลกใจ แค่ถูกตัดมือ คงไม่เป็นลมไปหรอกนะ
คนหนึ่งเดินเข้าไปใกล้ ยื่นมือไปผลักเขา ร่างของจินอู๋เฮ่อล้มคว่ำลงไป จึงพบว่าเขาได้ตายไปแล้ว ทุกคนต้องตกใจอีกครั้ง พร้อมกับเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบนที่ว่างเปล่านั่น นอกจากกระบี่ครั้งนั้นแล้วก็ไม่มีใครเห็นว่ามีใครลงมือกับจินอู๋เฮ่ออีก คนที่เข้าใกล้จินอู๋เฮ่อที่สุดมีเพียงหญิงสาวในอาภรณ์สีฟ้าผู้นั้น ที่แท้…หญิงสาวที่ดูบอบบางผู้นั้นเป็นยอดฝีมือสินะ สังหารคนตายแม้แต่ร่องรอยก็ยังหาไม่เจอ ทั้งสามคนนี้เป็นใครกันแน่
เมื่อกลับมาถึงห้อง เวยและฝังยังไม่กลับห้องของตนเองในทันที
“โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่ปลอดภัย คืนนี้ให้ข้าน้อยกับเวยผลัดเวรกันเฝ้ายามให้คุณหนูเถิดขอรับ” ฝังเอ่ยเสียงทุ้ม
หนานกงมั่วย่นคิ้วเล็กน้อย “พวกเจ้ากังวลเกินไปแล้ว ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก”
ฝังจนปัญญา พวกเขาพึ่งเคยเป็นผู้อารักขาครั้งแรกในชีวิต ไม่กังวลสิแปลก คุณหนูหนานกงสำคัญกับคุณชายเพียงใดไยพวกเขาจะไม่รู้ หากมิใช่เพราะเช่นนี้แล้วล่ะก็ คุณชายคงไม่เลือกเขาและเวยมาคอยคุ้มกันคุณหนูพร้อมกันหรอก หากเกิดอะไรขึ้นมา พวกเขาจะมีหน้าไปพบคุณชายได้เยี่ยงไร
หนานกงมั่วยังคงย่นคิ้ว “ยามนี้หูก่วงกำลังมีศึกสงคราม แล้วเหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายมารวมตัวอยู่ที่นี่ทำไมกัน”
ดวงตาฝังจมลึก เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “คงมิใช่เพราะว่าคนเหล่านี้ต้องการยื่นมือเข้ามายุ่งด้วยหรอกขอรับ ยามนี้เป็นยุคเริ่มต้นของราชวงศ์เซี่ย ฝ่าบาทคงไม่มีเวลามายุ่งเรื่องในยุทธภพ แต่ถ้าพวกเขากล้ายื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกองทัพ นั่นคงรนหาที่ตายเสียแล้ว” จอมยุทธ์ต่อให้เก่งกาจเพียงใดก็สู้ทหารเป็นพันเป็นหมื่นได้ ด้วยกำลังกองทัพของราชสำนัก หากต้องการต่อสู้กับยุทธภพแล้ว บรรดาสำนักต่างๆ ในยุทธภพคงทำได้เพียงยกมือยอมพ่ายแพ้ไปเท่านั้น
“ต่อให้มิใช่ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องเป็นแน่” หนานกงมั่วเอ่ย “พวกเจ้ามีข่าวใดหรือไม่”
ฝังส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่มีขอรับ”
ไม่นานจากนั้นก็มีแล้ว เวยเดินเข้ามาจากด้านนอก ยื่นซองจดหมายให้หนานกงมั่วเงียบๆ หนานกงมั่วรับมาไว้ในมือ “ให้ข้าดูหรือ” บนซองนั้นมีรูปนกชิงหลวนสีม่วงประทับเอาไว้ ฝังเอ่ยขึ้น “คุณชายให้พวกเราสองคนมาคุ้มครองคุณหนู แน่นอนว่าย่อมมิได้คิดจะปิดบังคุณหนูขอรับ” หนานกงมั่วมองซองจดหมายในมือ เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้ากลับมิเคยคิดมาก่อนเลยว่าสำนักวังจื่อเซียวที่มีชื่อเสียงในยุทธภพจะเป็นคุณชายของพวกเจ้านี่เอง”
ฝังทำเพียงยิ้มตอบกลับไป ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก เมื่อเปิดอ่านแล้วคิ้วสวยพลันยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
การรวมตัวของเหล่าจอมยุทธในครั้งนี้คงเรียกไม่ได้ว่าเข้ามาร่วมก่อกวนกองทัพแต่อย่างใด ทว่าก็ยังนับว่ามาเพื่อเรื่องนี้อยู่ดี ที่แท้มีข่าวเผยแพร่ออกไปทั่วยุทธภพ ว่ากันว่าดาบหงหมิง ศาสตราวุธที่ถูกร่ำลือว่าเป็นอาวุธวิเศษในตำนาน ยามนี้อยู่ในมือของจังติ้งฟัง ว่ากันว่าจังติ้งฟังปล่อยข่าวลือออกมาเอง ขอเพียงใครก็ตามที่สามารถเด็ดหัวแม่ทัพของราชสำนักได้ เขาจะมอบดาบหงหมิงและเงินกว่าหมื่นตำลึงทองให้ หากสามารถฆ่าหนานกงไหว เว่ยจวินมั่ว และเซียนเชียวเยี่ยทั้งสามคนสำเร็จก็จะยกบุตรีของตน จังอู๋ซิน หญิงงามอันดับหนึ่งให้เป็นรางวัลอีกด้วย