หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 203 จวนจะสำเร็จ (2)

ตอนที่ 203 จวนจะสำเร็จ (2)

พระชายารัชทายาทใบหน้าทะมึนขึ้น สายตาเย็นยะเยือกจ้องไปยังจูชูอวี้ “คำถามของซิงเฉิงจวิ้นจู่ คุณหนูจูช่วยให้คำตอบแก่ข้าด้วย”

จูชูอวี้เม้มริมฝีปากแน่นพูดไม่ออก เรื่องราวยังไม่ทันได้ตกลงนัดหมายกัน หากพูดออกไปอาจทำให้คาดเดาได้ เวลาเช่นนี้ยิ่งพูดก็ยิ่งผิด แต่สาวใช้หลานเอ๋อร์ผู้นี้นั้นมีความภักดีต่อเจ้านายเป็นอย่างยิ่ง ขณะกำเสื้อผ้าเอาไว้แน่น นางก็เงยหน้าขึ้นตอบว่า “รายงานองค์หญิง เป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ หม่อมฉัน…หม่อมฉันมาจวนรัชทายาทเป็นครั้งแรก เห็นว่าคุณหนูมิได้สั่งให้คอยปรนนิบัติแต่อย่างใดจึงแอบออกมาเที่ยวเล่นพักผ่อน ดังนั้น…”

หนานกงมั่วยืนอยู่ข้างๆ เว่ยจวินมั่ว สายตาที่มองหลานเอ๋อร์นั้นเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เช่นนี้…แม่นางหลานเอ๋อร์เลยมายังลี่สุ่ยเซวียนด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ”

หลานเอ๋อร์ลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายจึงพยักหน้า หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยถามต่อไป “เช่นนั้น…คุณชายเว่ยมาได้เยี่ยงไรเล่า คงไม่ใช่ว่าขี้เกียจจึงอยากออกมาพักผ่อนเช่นเดียวกันหรอกนะ” เว่ยจวินเจ๋อถลึงตามองหนานกงมั่วด้วยสายตามาดร้าย ทันในนั้นใบหน้าจึงเผยยิ้มประหลาดออกมา “แน่นอนว่าไม่ใช่ เห็นอยู่ว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่นัดข้าออกมาที่นี่”

“บังอาจ” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

หนานกงมั่วโบกมือหัวเราะ “องค์หญิงอย่าพึ่งโกรธเลยเพคะ” หันกลับมากวาดตามองสำรวจเว่ยจวินเจ๋อไปหนึ่งรอบ ดวงตาฉายแววสงสารอยู่เล็กน้อย เอ่ย “หากกล่าวเช่นนี้…เพราะข้ารู้ว่าแม่นางหลานเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงตั้งใจนัดคุณชายเว่ยสามมาเพื่อให้ร้ายพวกเจ้า ข้ากับคุณชายเว่ยสามมิได้เจอกันแต่อย่างใด แต่เป็นแม่นางหลานเอ๋อร์ผู้นี้แทน… ข้าที่ไม่ได้รู้จักกับนางมาก่อน คุณชายสามคิดว่าข้าเป็นคนที่เจอใครแล้วก็ใส่ร้ายเขาไปทั่วอย่างนั้นหรือ”

หลานเอ๋อร์ผู้นั้นตอบโต้ทันใด เอ่ยด้วยน้ำตา “แน่นอนว่าจวิ้นจู่ไม่ได้อยากให้ร้ายคุณชายสามและบ่าว เห็นได้ชัดว่าบ่าวไปชนเข้ากับจวิ้นจู่และคุณชายสาม…” เอ่ยยังไม่จบดี และเพราะการเอ่ยครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ จึงทำให้ผู้คนคิดเชื่อมโยงกันได้ง่ายขึ้น จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจ้องหนานกงมั่วด้วยความโกรธ หากมิใช่เพราะฐานะของนาง เกรงว่าคงหลุดปากด่าทอไปแล้ว ส่วนพระชายารองเฝิงนั้นไม่สนใจ กอดบุตรชายพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “เจ๋อเอ๋อร์…บุตรชายที่น่าสงสารของข้า ไยเจ้าจึงมาเกี่ยวข้องกับคนไร้ยางอายเช่นนี้เล่า…”

เพียะ! ร่างที่อยู่ด้านข้างหนานกงมั่วพลันขยับ ชั่วพริบตาเว่ยจวินมั่วก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพระชายารองเฝิง ฝ่ามือหนาตบเข้าไปที่ใบหน้าของพระชายารองเฝิงเสียงดังสนั่น

“เว่ยจวินมั่ว! เจ้ากล้าตีแม่ข้า!” เว่ยจวินเจ๋อกรุ่นโกรธ ลุกขึ้นเตรียมพุ่งเข้าหาเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วก้าวขึ้นมาด้านหน้าสองก้าว ยกมือขึ้นมาเบาๆ ก็จี้ไปยังจุดชวีฉือ[1]ของเว่ยจวินเจ๋อได้แล้ว เว่ยจวินเจ๋อพลันรู้สึกชาขึ้นมาครึ่งตัว ล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง เว่ยจวินมั่วมองลงไป สายตาราบเรียบมองสองแม่ลูกที่อยู่บนพื้น เอ่ยขึ้นอย่างเฉยชา “แค่หญิงชั้นต่ำคนหนึ่งเท่านั้น ตีแล้วจะทำไม”

“เจ้า!”

“บังอาจ!” จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องโกรธเกรี้ยว ยังไม่ทันเอ่ยปากพระชายารัชทายาทที่อยู่ด้านข้างก็ตบโต๊ะเสียงดัง “บังอาจ! ยังมีมารยาทกันอยู่หรือไม่ ให้ข้าถามให้รู้เรื่องก่อน พวกเจ้าคิดจะทะเลาะกันค่อยกลับไปทะเลาะกันทีหลัง” จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเก็บกักความโกรธเอาไว้ วาจามากมายถูกกลืนกลับลงไป เขารู้ดีว่าพระชายารัชทายาทมีความสัมพันธ์กับองค์หญิงฉังผิงและองค์หญิงหลิงอี๋ไม่เลวนัก เวลาเช่นนี้ยิ่งไม่มีทางเข้าข้างเขา จึงทำได้เพียงจ้องเว่ยจวินมั่วด้วยความโกรธโดยไม่เอ่ยสิ่งใดอีก

เว่ยจวินเจ๋อเห็นว่าบิดาไม่ช่วยออกหน้าพูดแทนตนและมารดาแล้ว ความโกรธในใจยิ่งมีมากขึ้น เงยหน้าขึ้นเห็นเพียงความเหยียดหยามในดวงตาสีม่วงล้ำลึกของเว่ยจวินมั่ว

หนานกงมั่วปิดปากหัวเราะเบาๆ “พระชายารองเฝิง ฝ่ามือของเว่ยจวินมั่วเมื่อครู่ถือเสียว่าเป็นฝีมือของข้า หากท่านมีปัญหาก็มาเอาคืนกับข้า เพียงแต่…เรื่องนี้จะโทษซื่อจื่อก็ไม่ได้ ท่านโทษปากท่านเองที่มันเหม็นเน่ามากเกินไปเถิด หากมิใช่เพราะช้าไปหนึ่งก้าวคงเป็นข้าที่ตบเอง” ครั้งที่แล้วพระชายารองเฝิงก็เสียเปรียบให้กับนางไปแล้ว เวลานี้แทบอยากให้หนานกงมั่วรีบตายไปเสียด้วยซ้ำ หนานกงมั่วโน้มตัวลงไปมองเว่ยจวินเจ๋อและพระชายารองเฝิงสองแม่ลูก เลิกคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจวิ้นจู่เช่นข้าจะไปล่อลวงบุตรชายของท่าน เอ่ยถึงหน้าตา เอ่ยถึงวรยุทธ เอ่ยถึงความสามารถ หรือแม้แต่ฐานะ…บุตรชายท่านสามารถเอาอะไรมาสู้กับเว่ยซื่อจื่อได้บ้าง มีบุรุษที่ดีถึงเพียงนี้อยู่ไม่เอา ข้าจะไปคว้าเอาของชั้นสองนั่นทำไมกัน ข้าเป็นคนเรื่องมาก ท่านคิดว่าข้าตาบอดหรือ คุณหนูจู เจ้าว่าใช่หรือไม่”

ริมฝีปากจูชูอวี้สั่นเล็กน้อย เอ่ย “ข้าจะไปกล้าเดาใจของจวิ้นจู่ได้เช่นไร”

หนานกงมั่วไม่แปลกใจ เงยหน้าหันไปหาพระชายารัชทายาท “รายงานพระชายารัชทายาท คุณชายเว่ยสามบอกว่าหนานกงมั่วนัดเขามา ลองตามหาว่าผู้ถ่ายทอดข้อความว่าเป็นใครดีหรือไม่ แล้วเรียกมาไต่ถามดู สาวใช้เคียงกายสองคนของหม่อมฉันอยู่กับแม่นมขององค์หญิงฉังผิงตลอดเวลา มิได้อยู่ข้างกายหม่อมฉัน ต่อให้หนานกงมั่วโง่เขลาอย่างไร จะนัดบุรุษทั้งทีคงไม่ใช้สาวใช้จวนรัชทายาทส่งข้อความหรอกใช่หรือไม่ นอกจากนี้…หม่อมฉันยังจำสาวใช้ที่หลอกล่อหม่อมฉันมายังลี่สุ่ยเซวียนได้ดี เพียงเรียกมาสอบถามเดี๋ยวก็คงจะได้รู้”

พระชายารัชทายาทถอนหายใจ ยื่นมือไปดึงหนานกงมั่วมาอยู่ข้างๆ ตน เอ่ย “เป็นเพราะความประมาทของข้า ทำให้ซิงเฉิงจวิ้นจู่ต้องเหนื่อยแล้ว” ความหมายแฝงในประโยคนั้นคือเชื่อในสิ่งที่หนานกงมั่วได้เอ่ยออกมา ถึงพระชายารัชทายาทจะมิได้รับความโปรดปรานทว่ากลับได้นั่งอยู่ในตำแหน่งพระชายารัชทายาท และควบคุมอำนาจทั้งหมดในจวนรัชทายาทได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอด มีเรื่องแบบใดบ้างที่จะไม่เคยเจอ ไม่นานก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง กวาดตามองสามคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น พระชายารัชทายาทเอ่ยขึ้น “วันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของข้า ข้าไม่อยากเอ่ยอันใดมาก ข้าไม่อยากสนใจว่าเกิดอันใดขึ้นกับพวกเจ้า น้องเขยห้า ในเมื่อบุตรชายของท่านกล้าก่อเรื่องในจวนของข้า ข้าจะไม่ลงโทษคงไม่ได้ เด็กๆ ลากสองคนนี้ออกไปโบยคนละห้าสิบไม้ และเด็กคนนี้ ในเมื่อเสียบริสุทธิ์แล้ว…โบยเสร็จก็ส่งไปยังจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเถิด”

“พระชายารัชทายาท…พระชายาได้โปรดเมตตา” จูชูอวี้รีบเอ่ย “พระชายารัชทายาทเพคะ หลานเอ๋อร์เติบโตมากับหม่อมฉัน นางเองก็ได้รับความเสียหาย ขอพระชายาได้โปรดลงโทษแล้วส่งนางมายังตระกูลจูด้วยเถิดเพคะ” หลานเอ๋อร์เป็นคนที่นางเฝ้าฝูมฟักมานมนาน หากเสียไปง่ายๆเช่นนี้คงน่าเสียดาย

สายตาเย็นชาของพระชายารัชทายาทมองไปยังจูชูอวี้ “เหลวไหล คุณหนูจูยังเป็นคุณหนูในห้องหอยังมิออกเรือน สาวใช้เคียงกายจะเป็นหญิงสาวเสียความบริสุทธิ์ได้เช่นไร”

“หม่อมฉัน…หม่อมฉันจะจัดการนางให้เหมาะสม พระชายารัชทายาทได้โปรดเมตตาด้วยเพคะ”

หลานเอ๋อร์ผู้นั้นเองก็โขกศีรษะ เอ่ย “ขอพระชายารัชทายาทโปรดเมตตาด้วย บ่าวมิกล้าใฝ่สูงต่อคุณชายเว่ยสามเพคะ” หากนางกลายเป็นอนุภรรยาของเว่ยจวินเจ๋อ เรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของคุณหนูคงป่นปี้ไปกว่าครึ่ง

พระชายารัชทายาทขมวดคิ้ว หันไปมององค์หญิงทั้งสอง เอ่ยถาม “พวกเจ้าว่าเช่นไร”

องค์หญิงฉังผิงส่งเสียงหยัน เอ่ยอย่างเอือมระอา “พี่สะใภ้ใหญ่ตัดสินใจเถิด”

ทว่าองค์หญิงหลิงอี๋กลับหัวเราะขึ้นมา “ข้าว่า…คนที่คุณชายเว่ยสามผู้นี้ต้องตาเกรงว่าคงเป็นคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น…หึๆ ทาสที่ตลบหลังเจ้านายเช่นนี้โบยให้ตายเสียดีกว่า” จูชูอวี้หน้าซีด มององค์หญิงหลิงอี๋ด้วยตายตาไม่อยากจะเชื่อ ร่างเพรียวบางแทบโงนเงน

ด้านข้าง เว่ยจวินมั่วเอ่ยขึ้น “เสด็จป้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของอู๋สยา เรื่องหลังจากนี้ปล่อยให้จวินมั่วจัดการเถิด”

เว่ยจวินมั่วพึ่งขึ้นรับตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันเมืองหลวง พระชายารัชทายาทจึงไม่คิดจะทำให้เขาขายหน้า ลุกขึ้นพลางเอ่ยติดหัวเราะ “ก็ดีเหมือนกัน ด้านหน้ายังมีงานเลี้ยง ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจวินมั่วจัดการ น้องห้า น้องเจ็ด พวกเราไปกันเถิด”

————————–

[1] จุดชวีฉือ เมื่องอข้อศอก จุดชวีฉืออยู่ตรงรอยบุ๋มของศอก

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท