“หมายความเช่นไร”
กงอวี้เฉินเอ่ย “ไม่รู้หรือ เรื่องราวความรักของคุณหนูใหญ่ตระกูลจูและคุณชายเว่ยสามโด่งดังไปทั่วจินหลิง เจ้าว่านอกจากเว่ยจวินเจ๋อแล้ว ทั่วทั้งจินหลิงยังมีใครกล้าแต่งงานกับเจ้าอีกเล่า”
“ไม่ได้” จูชูอวี้เอ่ยเสียงเข้ม “ข้าจะแต่งกับเว่ยจวินเจ๋อไม่ได้”
กงอวี้เฉินยักไหล่ เอ่ยขึ้นด้วยความเสียดาย “น่าเสียดาย อย่างที่ข้าบอกไปแล้วว่าคงจะไม่ได้ จะบอกอะไรให้นะ เจ้าอย่าไปยั่วโมโหเว่ยจวินมั่ว อย่าเห็นว่าเขาไม่ชอบพูด หากคิดจะกัดคนจริงๆ เขามันร้ายกาจเสียยิ่งกว่างูพิษ” นึกถึงสมบัติที่ถูกแย่งไปกว่าครึ่งเมื่อครั้งอยู่จิ่นโจว กงอวี้เฉินก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
จูชูอวี้ส่ายหน้า “ไม่ได้ ข้าจะแต่งกับเว่ยจวินเจ๋อไม่ได้ เจ้า…เจ้าช่วยข้าสังหารเขาที”
“เจ้ามั่นใจหรือ” กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว จูชูอวี้สงบลงทันใด ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ เรื่องราวยังมีทางแก้ไข ข้าต้องไตร่ตรองเสียก่อน”
กงอวี้เฉินเข้าใจ “เจ้าอยากส่งเด็กสาวคนนั้นไปให้เว่ยสามงั้นหรือ” ผลักเรื่องทุกอย่างไปให้สาวใช้คนนั้น แม้จะเสียชื่อเสียงไปบ้างทว่าก็ยังดีกว่า รอเวลาผ่านไปชั่วครู่ก่อนจะกู้มันกลับคืนมา จูชูอวี้เงียบไม่เอ่ยวาจา ทางด้านนอกจูเอ๋อร์เอ่ยรายงานอย่างร้อนใจ “คุณหนู แย่แล้วเจ้าค่ะ”
“เกิดอันใดขึ้น”
จูเอ๋อร์กล่าวทั้งน้ำตา “หลานเอ๋อร์…หลานเอ๋อร์ตายแล้วเจ้าค่ะ”
กงอวี้เฉินหัวเราะเสียงดัง เอ่ย “ดูเหมือนแผนการของเจ้าจะไม่สำเร็จแล้ว ในเมื่อไม่ต้องการให้ข้าช่วย เจ้าก็จัดการเองแล้วกัน ข้าไปก่อนล่ะ” เอ่ยจบ กงอวี้เฉินก็พุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง หายตัวออกไปจากห้องนี้
จูชูอวี้นั่งอยู่ริมขอบเตียง มองสาวใช้ตรงหน้าที่กำลังรอคำตอบด้วยความตกตะลึง เนิ่นนานจึงได้สติกลับคืนมา เอ่ยถาม “ตายได้อย่างไร”
จูเอ๋อร์ส่ายหน้า “เดิมก็ยังดีๆ อยู่เจ้าค่ะ แต่จู่ๆ ก็กระอักเลือดออกมา ไม่นานก็สิ้นลมไป หมอบอกว่า…หลานเอ๋อร์บาดเจ็บภายใน ทำลายลมปราณเจ้าค่ะ”
จูชูอวี้โบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน ครอบครัวของหลานเอ๋อร์…ดูแลให้ดี ให้เงินพวกเขาไปเยอะหน่อย” จูเอ๋อร์มองคุณหนูของตนด้วยความกังวล พยักหน้าและหมุนตัวเดินออกไป
จูชูอวี้พิงพนักหัวเตียง นวดหัวคิ้วที่ปวดขึ้นมา ถอนหายใจเบาๆ “เว่ยซื่อจื่อ…วางแผนได้ดี”
หนานกงมั่วพึ่งกลับมาถึงจวน หนานกงไหวก็ส่งคนมาเรียกตัวไปพบที่ห้องหนังสือ สำหรับเรื่องนี้หนานกงมั่วก็มิได้ใส่ใจเท่าใดนัก ช่วงนี้หนานกงไหวคล้ายจะกระตือรือร้นเรียกนางไปพูดคุยด้วยที่ห้องหนังสือ แต่ความเป็นจริงกลับมิได้พูดคุยเรื่องสำคัญอันใดนัก และนางก็ไม่คิดว่าหนานกงไหวจะคิดว่านางฉลาดปราดเปรื่องจึงอยากหารือกับนางทุกเรื่อง เพียงเพราะไปหูก่วงครั้งเดียวเท่านั้นหรอก กลับกัน หนานกงมั่วเข้าใจดีว่าการระมัดระวังตัวของหนานกงไหวที่มีต่อนางยิ่งมีมากขึ้น แม้ความจริงแล้วการเป็นบิดาที่ต้องมาคอยระมัดระวังบุตรีช่างเป็นเรื่องน่าขันยิ่งนัก
“ท่านพ่อ” หนานกงมั่วมองห้องหนังสือว่างเปล่าที่มีเพียงหนานกงไหวอยู่เพียงผู้เดียวเท่านั้น หนานกงชวี่ที่เคยนั่งอยู่เป็นเพื่อนทุกครั้งอย่างที่ผ่านมากลับไม่เห็นแม้แต่เงา
หนานกงไหวเงยหน้าขึ้นมา พยักหน้าให้เล็กน้อย เอ่ยถาม “เว่ยซื่อจื่อมาส่งเจ้าหรือ” หนานกงมั่วพยักหน้าตอบรับ หนานกงไหวจึงเอ่ยต่อ “บ่ายวันนี้ที่จวนรัชทายาทเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่” แม้หนานกงไหวเองก็อยู่ที่เรือนรัชทายาทเช่นกัน ทว่าแขกสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีนั้นแยกกัน ดังนั้นหนานกงไหวจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น เพียงคาดเดาจากข่าวที่เล่าลือต่อกันมาเท่านั้น แน่นอนว่าหนานกงมั่วจะบอกความจริงกับเขาไม่ได้ จึงเอ่ยตอบง่ายๆ “ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ คุณชายสามจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องและสาวใช้จวนเกาอี้ปั๋วก่อเรื่องเล็กน้อย พระชายารัชทายาทไม่พอใจจึงไล่ออกไปเท่านั้นเจ้าค่ะ”
หนานกงไหวส่งเสียง หึ ขึ้นมา ปรายตามองหนานกงมั่ว เอ่ยถาม “ไม่มีอันใดงั้นหรือ ไม่มีอันใดแล้วไยเจ้าต้องไปอยู่ที่นั่น สาวใช้คนเดียวจริงหรือ ไยข้าจึงได้ยินเขาลือกันทั่วว่าคุณชายเว่ยสามมีรักปักใจต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลจูเล่า” หนานกงมั่วยังคงยิ้มพลางเอ่ย “ในเมื่อท่านพ่อรู้อยู่แล้วไยต้องถามอีกเล่า คงไม่ดีหากเราช่วยกันกระพือข่าวลือต่อ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เกิดขึ้นในจวนรัชทายาท ยิ่งไม่ควรเอ่ยถึงขึ้นไปอีก”
หนานกงไหวมองหนานกงมั่วอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าไม่สนว่าเจ้าไม่เข้าใจจริงๆ หรือแสร้งไม่เข้าใจกันแน่ และไม่สนว่าเจ้าและเว่ยจวินมั่วคิดจะทำอันใด เพียงแต่…ตระกูลจูมีทรัพย์สินส่วนตัวร่ำรวยเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศ ให้เว่ยสามแต่งกับจูชูอวี้ย่อมไม่ใช่ความคิดที่ดี”
ไม่ใช่เพียงไม่ใช่ความคิดที่ดี เห็นได้ชัดว่าเป็นการปิดกั้นเส้นทางของตนเองเสียด้วย เดิมสายของชายารองเฝิงก็ไม่ถูกกับเว่ยจวินมั่ว หากต่อไปไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลจูอยู่เบื้องหลังจะยิ่งวุ่นวายมากขึ้น หนานกงมั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ ไยท่านพ่อต้องกังวล หากตระกูลจูไม่อยากแต่งอย่างไรก็ต้องหาวิธีเอาตัวรอดได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น…ร่ำรวยเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศหรือ หึหึ ตั้งแต่สกุลเสิ่นล่มสลาย บนโลกใบนี้ยังมีใครกล้าเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศอีกเล่า”
สีหน้าของหนานกงไหวพลันเปลี่ยน เนิ่นนานจึงถอนหายใจออกมา “ช่างเถิด ในใจเจ้ามีแผนก็เป็นพอ สถานการณ์ของเว่ยซื่อจื่อเดิมก็ยากอยู่แล้ว หากให้จูชูอวี้เข้าไปอยู่ในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง อนาคตของเจ้าก็จะไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้”
หนานกงมั่วพยักหน้า ตอบ “ข้ารู้แล้ว ขอบคุณท่านพ่อที่กล่าวเตือนเจ้าค่ะ”
“ไปเถิด” เห็นท่าทางวางเฉยของนาง หนานกงไหวก็ไม่มีอารมณ์จะเอ่ยต่อ โบกมือไล่หนานกงมั่วออกไป
ปฏิกิริยาของตระกูลจูไม่ช้าเลย เช้าวันต่อมาจวนเกาอี้ปั๋วก็ปล่อยข่าวสาวใช้หลานเอ๋อร์รู้สึกผิดจึงฆ่าตัวตายเสียแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลจูกล่าวโทษตนเองที่สั่งสอนได้ไม่ดี ขอเกาอี้ปั๋วลงโทษ ถูกเกาอี้ปั๋วลงโทษให้คุกเข่าต่อหน้าศาลบรรพชน อีกด้านจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเริ่มอยู่ไม่นิ่ง ในเรือนพระชายารองเฝิง ชายารองเฝิงมองบุตรชายทั้งสองด้วยความปวดหัว เอ่ยถาม “เด็กตระกูลจูผู้นั้นสรุปว่าจะเอาหรือไม่”
เว่ยจวินเจ๋อทนไม่ไหว เอ่ย “แน่นอนว่าไม่เอา สตรีผู้นั้นเอามาทำอันใด เอามายืนยันว่าความสัมพันธ์ข้ากับนางเป็นความจริงเช่นนั้นหรือ”
ทว่าความเห็นของเว่ยจวินปั๋วกลับตรงกันข้าม เอ่ยเสียงเรียบ “แน่นอนว่าเอา น้องสาม อย่าลืมว่าเจ้ายอมรับความสัมพันธ์ของเจ้ากับคุณหนูจูต่อหน้าผู้คนไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลจูต้องการบ่ายเบี่ยง จะทำให้ผู้คนเข้าใจว่าเจ้าเป็นฝ่ายที่ต้องการนางอยู่ฝ่ายเดียว ถึงตอนนั้น…” เว่ยจวินเจ๋อส่งเสียงหยัน กลอกตา “พี่รอง พูดเสียน่าฟัง ท่านต้องการเงินของตระกูลจูมิใช่หรือ”
เว่ยจวินปั๋วชะงักไปชั่วครู่ ทว่าไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับ เพียงเอ่ย “แม้ชาติตระกูลสกุลจูจะต่ำต้อยไปบ้าง ทว่ามีประโยชน์กว่าหลายๆ ตระกูลชั้นสูงมาก ยิ่งไปกว่านั้น เพียงเป็นชายารองของเจ้าไม่มีอันใดไม่เหมาะสม น้องสาม อย่าเสียการใหญ่เพียงเพราะสตรีนางเดียว” เว่ยจวินปั๋วเข้าใจน้องชายผู้นี้เป็นอย่างดี แน่นอนรู้ว่าไยเขาจึงไม่ต้องการจูชูอวี้ หนึ่งคือสตรีเช่นจูชูอวี้นั้นมิใช่แบบที่เขาชื่นชอบ สองปีก่อนเขาพึ่งซื้อสตรีมาจากหอนางโลม มีเสน่ห์มารยา เว่ยจวินเจ๋อหลงจนโงหัวไม่ขึ้น แม้แต่ชายาเอกก็ไม่สนใจ ดังนั้นเว่ยจวินปั๋วจึงไม่เอ่ยให้มากความอีก เดิมน้องชายหลงใหลสตรี เว่ยจวินปั๋วมิได้คิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอันใด ทว่ายามนี้กลับรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเสียแล้ว
เว่ยจวินเจ๋อเอ่ย “ต่อให้ข้าอยากรับนางสนม ท่าทีของตระกูลจูท่านก็เห็นแล้ว เขาไม่เห็นหัวข้าด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้าเองเข้าใจแล้ว หญิงสกุลจูผู้นั้นชอบเว่ยจวินมั่ว พี่รอง ท่านคิดให้ดี หากแต่งเข้ามาแล้วกลับกินในคายนอก เช่นนั้นไม่แต่งเสียจะดีกว่า”