เว่ยจวินมั่วยกมือขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดมือที่วางอยู่บนโต๊ะ เอ่ยถาม “ใครกันทำลายเรื่องดีๆ ของข้า”
ชายด้านหลังตัวสั่นเทา รีบเอ่ยตอบเสียงเบา “รายงานคุณชาย วันนี้รุ่งเช้าฟ้ายังไม่ทันสาง คุณหนูใหญ่ตระกูลจูก็ไปขอพบเย่ว์จวิ้นอ๋องขอรับ”
“เซียวเชียนเยี่ยงั้นหรือ” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “เขาไม่อยากอยู่อย่างสงบแล้วหรือ”
ชายคนนั้นเอ่ยตอบ “ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลจูกล่าวอันใดกับเย่ว์จวิ้นอ๋อง จากนั้นเย่ว์จวิ้นอ๋องจึงไปเข้าเฝ้ารัชทายาท รัชทายาทจึงเรียกจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเข้าเฝ้า ต้องการปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ อีกทั้ง…คุณหนูใหญ่ตระกูลจูยังส่งของกำนัลไปให้คุณหนูหนานกงเพื่อเป็นการขอโทษ และยังส่งจดหมายมาขอโทษคุณชายด้วยขอรับ นอกจากนี้ รัชทายาทส่งคนมาบอกว่า…คุณหนูยังไม่รู้ความดูแลคนข้างกายไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ขอคุณชายอย่าได้ถือสาหาความขอรับ” ชายผู้นั้นเอ่ยพลางยื่นจดหมายส่งให้
เว่ยจวินมั่วรับไปทว่าไม่เปิดอ่าน ขยำจดหมายในมือจนเป็นก้อนกลม ไม่นานก็กลายเป็นชิ้นเล็กน้อย ค่อยๆ ร่วงหล่นจากมือของเขา
“จูชูอวี้ผู้นี้…” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ ชายหนุ่มตั้งใจฟัง เนิ่นนานจึงได้ยินเสียงของเว่ยจวินมั่วดังขึ้น “กล้าไม่เบา ความทะเยอทะยานไม่น้อยเลย ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของเสด็จลุงรัชทายาท ช่วงนี้ยังไม่ต้องแตะต้องนาง เพียงแต่คงต้องสั่งสอนเสียหน่อย นั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” ชายหนุ่มตอบรับด้วยท่าทีนอบน้อม “คุณชายเชิญสั่งมาได้เลยขอรับ”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ให้ลิ่นฉังเฟิงไปจัดการเถิด เขารู้ดีว่าต้องทำเช่นไร จูชูอวี้เคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไวเช่นนี้ได้ คิดว่าคงเป็นเพราะตระกูลจูมีเงินเยอะมาก จึงไม่รู้ว่าสิ่งใดคือความสงบสุข”
“ขอรับ คุณชาย”
ในจวนเกาอี้ปั๋ว เกาอี้ปั๋วมองใบหน้างามที่เยือกเย็นของบุตรีอย่างกระวนกระวาย ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “อวี้เอ๋อร์ นี่มันเรื่องอันใดกัน เจ้าบอกว่าไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรื่องขององค์รัชทายาทมิใช่หรือ ไยจึง…ไยจึงมอบเงินไปกว่าห้าล้านตำลึงในครั้งเดียวเช่นนั้นเล่า เจ้าจะให้บิดาของเจ้าบอกกับคนในตระกูลเช่นไร” ต่อให้ตระกูลจูร่ำรวยเทียบเท่าราชวงศ์ แต่ใช้ห้าล้านตำลึงในครั้งเดียว ที่สำคัญคือเงินห้าล้านตำลึงนี้คล้ายจะมิได้แลกสิ่งใดกลับมาเลยด้วยซ้ำ สิ่งนี้อาจทำให้ผู้คนประณามเอาได้
จูชูอวี้หลับตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพ่ออย่าได้โกรธ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะข้าคิดง่ายไป เดิมที…อยากใช้ทางลัด ทว่ากลับมีหนานกงมั่วโผล่มาขวางเอาไว้ ข้าพลันสับสน ยามนี้…ตระกูลจูคงจำต้องเข้าไปร่วมด้วยเสียแล้ว”
เกาอี้ปั๋วกังวลเล็กน้อย เอ่ยถาม “กล่าวเช่นนี้…เจ้าคิดจะสนับสนุนเย่ว์จวิ้นอ๋องเช่นนั้นหรือ”
จูชูอวี้ยิ้มบางๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เอ่ย “ฝ่าบาทอายุมากแล้ว รัชทายาทมีตำแหน่งที่แน่นอน หากตระกูลจูต้องเลือก เลือกรุ่นหลานเป็นเรื่องที่สมควรมิใช่หรือ เย่ว์จวิ้นอ๋องเป็นโอรสเชื้อสายหลักของพระชายารัชทายาท แม้มิได้เป็นที่โปรดปรานของรัชทายาท แต่ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับเขาเป็นที่สุด เพื่อเห็นแก่ฝ่าบาทองค์รัชทายาทจะไม่ให้ความสำคัญกับเขาก็คงไม่ได้” เกาอี้ปั๋วลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ยถาม “อวี้เอ๋อร์คิดจะ…”
จูชูอวี้ส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่มีทางเข้าจวนเย่ว์จวิ้นอ๋อง ท่านพ่อ ส่งน้องสามเข้าไปที่จวนเย่ว์จวิ้นอ๋อง นางเป็นเชื้อสายรอง เข้าไปเป็นอนุในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องจะไม่มีใครว่าอันใดได้”
เกาอี้ปั๋วขมวดคิ้ว จ้องจูชูอวี้ เอ่ย “น้องสามของเจ้า…แม่เจ้าวางแผนให้นางออกเรือนแต่งเป็นภรรยาเอกของเชื้อสายรองจวนรองหัวหน้ากรมพิธีการแล้ว”
จูชูอวี้เอ่ย “ท่านพ่อ เย่ว์จวิ้นอ๋องเทียบกับเชื้อสายรองท่านรองกรมพิธีการได้หรือเจ้าคะ หากท่านไปคุยกับน้องสามเอง นางต้องยินยอมเป็นแน่ อย่างไรพวกเราก็ยอมจ่ายไปกว่าห้าล้านตำลึง จะไม่ได้อันใดกลับมาเลยได้หรือเจ้าคะ ท่านวางใจ รอจนน้องสามเข้าจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องไปแล้วจากนั้นจึงหาวิธีแต่งตั้งตำแหน่งให้พี่ใหญ่และพี่รอง ข้ามีวิธี…ทำให้พี่ใหญ่และพี่รองขึ้นสูงได้อย่างแน่นอน อีกทั้งพี่น้องในตระกูลของเรา เท่าที่ท่านพ่อเลี้ยงดูฝึกฝนมา อีกสองวันจะมีการสอบชิวเหวย[1] ครั้งนี้จะมีคนผ่านสักกี่คน ตระกูลเราอยู่ในราชสำนักน้อยเกินไปแล้ว การสอบชุนเหวย[2] ปีหน้าเราต้องให้คนของเราแข่งขันเข้าไปให้ได้มากๆ จึงจะถูก”
เมื่อได้ฟังที่นางกล่าว เกาอี้ปั๋วจึงละทิ้งเรื่องของบุตรีเชื้อสายรอง ว่ากันตามจริง เมื่อเห็นว่าบุตรีไม่ปักใจอยู่กับเว่ยจวินมั่วแล้ว เกาอี้ปั๋วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดว่าองค์หญิงฉังผิงจะยอมรับบุตรีของตนเป็นลูกสะใภ้ หากองค์หญิงฉังผิงต้องการเช่นนั้นคงส่งคนมาสู่ขอไปนานแล้ว ไยจะต้องไปขอให้ฝ่าบาทประทานสมรสให้เล่า แม้การได้รับพระราชทานสมรสจากฝ่าบาทจะเป็นเรื่องน่ายินดี ทว่าทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันดี ซื่อจื่อหาคู่ที่เหมาะสมมิได้จึงต้องไปขอให้ฝ่าบาทประทานสมรสให้
“อวี้เอ๋อร์ เจ้าคิดได้แล้วก็ดี” ขอเพียงไม่ปักใจอยู่กับเว่ยซื่อจื่อ เงินห้าล้านจ่ายไปก็จ่ายไปเถิด ยิ่งไปกว่านั้น เงินห้าล้านตำลึงของบุตรีก็มิได้เสียเปล่า หากสามารถแลกตำแหน่งที่ไม่เลวกลับมาได้ เช่นนั้นก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
จูชูอวี้ยิ้มบางๆ เอ่ย “เมื่อก่อนเพราะลูกเลอะเลือน ทำให้ตระกูลเราต้องวุ่นวาย ท่านพ่อวางใจ ต่อไปอวี้เอ๋อร์จะไม่เอาแต่ใจอีกแล้วเจ้าค่ะ” เกาอี้ปั๋วถอนหายใจ เอ่ย “เด็กดี เจ้าลำบากเพื่อพวกเราแล้ว”
“ได้อย่างไรกันเจ้าคะ ทั้งหมดนี้เป็นความยินยอมของข้า สักวันตระกูลจูจะต้องขึ้นเป็นใหญ่ในจินหลิง”
หนานกงมั่วเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนน วันคล้ายวันประสูติของพระชายารัชทายาทผ่านไปหลายวันแล้ว ในที่สุดก็กลับมาสงบสุขเสียที อย่างไรเสีย…ไม่เพียงนักเรียนในชนบทเท่านั้นที่ต้องเข้ารับการสอบ ในเมืองหลวงเองก็เช่นกัน ในจินหลิงมีกั๋วจื่อเจียน[3] และสำนักศึกษาซงเทาที่ตระกูลเซี่ยก่อตั้งขึ้น เจียงหนานนับเป็นแหล่งกำเนิดวรรณกรรมมาตั้งแต่สมัยโบราณ การสอบทุกครั้งจึงมีความครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวอันใดกับหนานกงมั่ว ตระกูลหนานกงไม่มีใครเข้าร่วมการสอบ หนานกงมั่วเองก็ไม่มีเพื่อนคนใดที่ต้องสอบ อย่างมากจึงทำได้เพียงชื่นชมความครึกครื้นไปด้วยก็เท่านั้น
“แม่นางมั่วหรือ หาได้ยากยิ่งที่ท่านจะมีอารมณ์ออกมาเดินเที่ยวเล่นเช่นนี้” เมื่อเดินเข้าไปในร้านปักเย็บแห่งหนึ่ง ลิ่นฉังเฟิงกำลังเอนหลังพิงโต๊ะคิดเงินมองมาที่นางด้วยท่าทางเกียจคร้าน
แม้คุณชายฉังเฟิงจะไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคุณชายจากชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ในเมืองหลวง มาอยู่ในภาพลักษณ์ของผู้จัดการร้านปักเย็บเช่นนี้ช่างทำให้คนร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้เสียจริง แน่นอนว่าหนานกงมั่วรู้ดีว่าลิ่นฉังเฟิงตั้งใจมารอตนอยู่ที่นี่ จึงเลิกคิ้วเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม “มาเจอคุณชายฉังเฟิงในสถานที่เช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่ง”
ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่ด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ อย่างไรเสียฉากหน้าของเขาในตอนนี้ก็คือการทำการค้า ไม่ว่าจะทำการค้าแบบใดก็นับเป็นการค้ามิใช่หรือ
“แม่นางมั่วมาเลือกผ้าปักหรือ มาสิ สินค้าจากร้านของเราเป็นสินค้าชั้นดีเลยนะ” ลิ่นฉังเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เดือนหน้าแม่นางมั่วก็ต้องแต่งงานแล้วมิใช่หรือ สินเจ้าสาวยังไม่พอหรือไม่ มาเถิด เลือกได้ตามสบาย” หนานกงมั่วมองใครบางคนอย่างจนปัญญา มองเข้าไปในร้านไม่เห็นมีใครอื่น จึงเอ่ยถาม “คุณชายฉังเฟิงมีเรื่องอันใดจะเอ่ยหรือไม่”
ลิ่นฉังเฟิงลูบปลายคาง เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ บางคนเตรียมของขวัญมาวางไว้ที่นี่ อยากให้แม่นางมั่วได้ดู”
“ของขวัญอย่างนั้นหรือ” รู้ว่าเขาหมายถึงใคร แต่หนานกงมั่วเพียงแปลกใจ ไยต้องเอามาไว้ที่นี่ “ไยจึงไม่ส่งไปที่จวนเล่า”
——————-
[1] ชิวเหวย การสอบขุนนางระดับมณฑล
[2] ชุนเหวย การสอบขุนนางระดับประเทศ
[3] กั๋วจื่อเจียน สำนักศึกษาสูงสุด