“ข้าเกลียดที่สุดคือสตรีปากมากเช่นเจ้า ยิ่งเกลียดสตรีที่เอ่ยวาจาให้ร้ายอู๋สยา เจ้าเข้าใจหรือไม่” เสียงของเว่ยจวินมั่วดังขึ้นที่ข้างหู
หนานกงซูพยักหน้าลุกลี้ลุกลน อยากขยับออกห่างเว่ยจวินมั่วด้วยความหวาดกลัว น่าเสียดายนางยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้านหลังเป็นพนักพิงของเก้าอี้จึงไม่สามารถถอยไปไหนได้อีก
“เจ้าว่า…ข้าควรทำเช่นไรกับสตรีปากมากเช่นเจ้า ตัดลิ้นเจ้าเป็นอย่างไร”
“เว่ยซื่อจื่อ” หนานกงซูหวาดกลัว เจิ้งซื่อเองก็หวาดกลัว แต่นางไม่เหมือนหนานกงซูที่ได้สบตากับเว่ยจวินมั่ว ยิ่งไปกว่านั้นคนที่กำลังถูกข่มขู่ตรงหน้านางคือบุตรีเพียงคนเดียวของนาง แม้เจิ้งซื่อจะหวาดกลัวเพียงใดก็ยังคงเอ่ยเสียงดัง “ที่นี่คือพื้นที่ใต้พระบาทโอรสสวรรค์ ท่านกล้าทำร้ายใครตามใจชอบหรือ” ชายหญิงชุดดำที่อยู่ไม่ไกลมองเจิ้งซื่อด้วยความเห็นใจ น่าสงสารสตรีโง่เขลา สิ่งที่คุณชายเอ่ยไม่แน่ว่าจะทำจริง แต่เจ้าไม่ให้เขาทำซ้ำยังข่มขู่เขา แน่นอนว่าเขาจะทำ เพียงแต่…มองหนานกงไหวที่เอาแต่จ้องมองคุณชาย คุณชายคงไม่ลงมือในตอนนี้หรอกใช่หรือไม่ อย่างไรเสียก็ต้องไว้หน้าพ่อตาบ้าง
หนานกงไหวเอ่ยขึ้น “เว่ยซื่อจื่อ พอแล้ว เจิ้งซื่อข้าจะจัดการแน่ ซูเอ๋อร์ยามนี้เป็นคนของจวนเย่ว์จวิ้นอ๋อง ขอซื่อจื่อโปรดเมตตา”
เว่ยจวินมั่วยืดตัวขึ้น กวาดตามองเจิ้งซื่อและหนานกงซูเล็กน้อย กลับไปนั่งลงตามคำขอของหนานกงไหว เอ่ยถามเสียงเรียบ “ดี เช่นนั้นก็ขอให้ฉู่กั๋วกงรีบให้คำอธิบายแก่ข้าและจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องด้วย มิเช่นนั้น ข้าคงต้องเข้าวังไปทูลขอความยุติธรรมจากเสด็จปู่แล้ว พิธีแต่งงานครั้งนี้เสด็จปู่เป็นคนพระราชทานให้ ฮูหยินของท่านทำเช่นนี้…ไม่พอใจเยี่ยงไรต่อเสด็จปู่หรือไม่ จำได้ว่าก่อนหน้านี้…จวนของท่านก็ดูเหมือนจะไม่พอใจต่อการพระราชทานสมรสในครั้งนี้ด้วย”
หนานกงไหวชะงัก รู้ว่าเว่ยจวินมั่วกำลังเตือนเขาว่าจวนฉู่กั๋วกงได้ละเมิดราชโองการของฮ่องเต้มาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่แล้วฮ่องเต้ไม่ได้เอาความใช่ว่าจะไม่รู้ ครั้งนี้หากยังเล่นอันใดอีกฮ่องเต้คงไม่ใจดีอีกเป็นแน่
หนานกงไหวถอนหายใจแล้วพยักหน้าลง “ซื่อจื่อวางใจ ข้าจะให้คำอธิบายที่ซื่อจื่อและมั่วเอ๋อร์พอใจ แต่ว่า ขอซื่อจื่อช่วยส่งหลักฐานให้ข้าด้วย ข้าจะได้ตรวจสอบอีกรอบ เพื่อเลี่ยงที่จะ…”
เว่ยจวินมั่วโบกมือ ชายชุดดำด้านหลังลอบพ่นลมหายใจ รีบวางเอกสารกองหนาไว้ตรงหน้าหนานกงไหว หนานกงไหวกวาดตามองทว่าไม่ได้เปิดดู ทำเพียงเอ่ยชื่นชม “ซื่อจื่อช่างมีความสามารถ” ตั้งแต่เมื่อคืนที่หนานกงมั่วหายตัวไปจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงสิบสองชั่วยามด้วยซ้ำ สามารถสืบเรื่องราวได้มากมายเช่นนี้ รวมไปถึงหลักฐานที่สมบูรณ์ ผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงผู้นี้ไร้ซึ่งอำนาจเหมือนที่เห็นภายนอกจริงๆ หรือ หนานกงไหวนึกสงสัยอยู่ในใจ แต่เมื่อนึกถึงเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องที่อยู่ในจินหลิงยามนี้ หนานกงไหวจึงกดความสงสัยในใจลงไป
“เอาตัวเจิ้งซื่อไป และซูเอ๋อร์ กลับจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องไปเสีย” หนานกงไหวเอ่ยเสียงเข้ม
“ขอรับ นายท่าน” องครักษ์สองคนประกบซ้ายขวาพาตัวเจิ้งซื่อออกไป หนานกงซูตกใจเพราะเว่ยจวินมั่วไม่น้อย ซ้ำยังถูกชกเข้าไปหนึ่งหมัด แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บภายในนั้นไม่เบาเลย จึงไม่มีกำลังต่อต้านทำได้เพียงปล่อยให้สาวใช้พาตัวออกไป
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องโถงอีกครั้ง หนานกงไหวถอนหายใจ เอ่ยถาม “ซื่อจื่อ หากถึงวันพิธีแต่งงานแล้วยังตามหาตัวมั่วเอ๋อร์ไม่เจอ ซื่อจื่อมีแผนอันใดหรือไม่” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “กั๋วกงมีแผนอันใดหรือไม่เล่า” หนานกงไหวเอ่ย “หากเป็นดังคำของซื่อจื่อ พิธีสมรสถูกพระราชทานโดยฝ่าบาทจึงไม่อาจผิดพลาดได้ หากถึงวันนั้นมั่วเอ๋อร์ยังไม่กลับมา…ข้าคงต้องหาคนมาแต่งแทน รอจนอู๋สยากลับมาทุกอย่างก็จะกลับมาปกติ หากมั่วเอ๋อร์ทำเช่นนั้นจริง…ซื่อจื่อก็ประกาศออกไปว่าพระชายาซื่อจื่อจากไปเพราะอาการป่วยก็ย่อมได้”
หนานกงฮุยกำลังจะเอ่ยบางอย่าง กลับถูกสายตาของหนานกงชวี่ห้ามเอาไว้ เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้นมา “กั๋วกงคิดจะให้ใครแต่งแทน”
หนานกงไหวตอบ “ข้ายังมีหลานสาวอีกคน มีนามว่าเจียว เป็นเชื้อสายรองให้ซื่อจื่อก็ไม่เลวนัก” ความหมายคือให้หนานกงเจียวแต่งแทนระหว่างรอหนานกงมั่วกลับมา แน่นอนว่าให้หนานกงเจียวเป็นชายารอง หนานกงมั่วเป็นชายาเอก หากหนานกงมั่วกลับมาไม่ได้ ต่อไปเว่ยจวินมั่วค่อยหาชายาคนใหม่ ส่วนหนานกงเจียวนั้นแล้วแต่เขาจะจัดการ เว่ยจวินมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ส่ายหน้าเอ่ย “ไม่ ข้าจะแต่งอู๋สยาเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
หนานกงไหวขมวดคิ้ว “ซื่อจื่อ ตอนนี้เรากำลังพูดถึงว่าหากวันนั้นอู๋สยากลับมาไม่ทันจะทำเช่นไร”
“เช่นนั้นก็เลื่อนออกไป” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบโดยไม่คิดลังเล
“เลื่อนออกไปหรือ เลื่อนออกไปทำไมกัน” น้ำเสียงติดหัวเราะดังมาจากประตู ทุกคนต่างตกใจ มองหญิงสาวที่อยู่ในชุดชาวบ้านยืนหัวเราะอยู่หน้าประตู ด้านหลังมีคุณชายเสียนเกอในอาภรณ์สีขาวราวกับหิมะเดินตามหลังมา รวมไปถึง…ในมือเสียนเกอยังหิ้วใครมาด้วย
“มั่วเอ๋อร์”
“มั่วเอ๋อร์” หนานกงฮุยรีบวิ่งเข้าไป ตั้งแต่รู้ว่าน้องสาวเผชิญกับสิ่งใดมาบ้าง หนานกงฮุยยิ่งรู้สึกละอายต่อน้องสาวผู้นี้มากขึ้น ยามนี้เห็นนางกลับมาได้อย่างปลอดภัยจึงดีใจจนน้ำตาคลอ
หนานกงมั่วเบี่ยงตัวหลบหนานกงฮุยที่พุ่งเข้ามาเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปคว้าดึงคนที่พุ่งเข้ามาจนศีรษะเกือบชนเข้ากับคุณชายเสียนเกอกลับคืนมา หนานกงฮุยเองก็ไม่สนใจ ลูบท้ายทอยเบาๆ ปล่อยให้หนานกงมั่วที่ตัวเล็กกว่าตนคว้าคอเสื้อเอาไว้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มั่วเอ๋อร์ ดีจริงที่เจ้ากลับมาแล้ว เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” หนานกงชวี่กุมขมับ ถอนหายใจพลางเอ่ย “น้องรอง ให้มั่วเอ๋อร์กับคุณชายเสียเกอเข้ามาก่อน” ไม่เห็นหรือว่าใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายเสียนเกอเริ่มไม่พอใจแล้ว ท่าทางราวกับอยากจะโยนคนที่อยู่ในมือทิ้งเต็มที
“อ้อ” หนานกงฮุยหลบทางให้ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน
“อู๋สยา” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเรียกเสียงเบา
หนานกงมั่วยิ้มซุกซน พยักหน้าให้เขา “ลำบากท่านแล้ว” แม้จะอยู่ด้านนอกกลับมายังไม่ได้ แต่หนานกงมั่วกลับไม่ร้อนใจ เพราะนางรู้ว่าเว่ยจวินมั่วจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยได้
คุณชายเสียนเกอส่งเสียงหยัน “เขาลำบากที่ไหนกัน เป็นข้าที่ลำบากเที่ยวตามหาเจ้าไปทั่ว เขาทำเพียงนั่งรอข่าวอยู่ที่นี่ดีมากเลยหรือ มั่วเอ๋อร์ บุรุษเช่นนี้เอามาแล้วจะมีประโยชน์อันใด อาศัยที่ยังไม่แต่งงานให้ศิษย์พี่ช่วยจัดการเถิด” เว่ยจวินมั่วตวัดสายตาขึ้นจ้องคุณชายเสียนเกอ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบกระบี่อ่อนที่เอวเบาๆ คุณชายพลันเข้าใจคำว่าใบหน้าเป็นอัมพาตก็วันนี้ ใครจะจัดการใครกันแน่
“ศิษย์พี่” หนานกงมั่วจนปัญญา
คุณชายเสียนเกอโยนคนที่อยู่ในมือไปยังเก้าอี้ ถอนหายใจ “ช่างเถิด สตรีย่อมเข้าข้างคนอื่น ศิษย์พี่เข้าใจ”
พลั่ก คนที่ถูกโยนกระแทกกับเก้าอี้เสียงดัง ผู้คนรอบข้างอดที่จะสูดหายใจลึกไม่ได้ ต้องมีความแค้นมากเพียงใดกันนะ แต่คนที่ถูกโยนกลับยังไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ทุกคนพึ่งสังเกตเห็นชายหนุ่มในชุดผ้าจีวรดูไม่ค่อยสะอาดนักกำลังสลบไสล ศีรษะของชายหนุ่มไม่มีผม…เรียกกันทั่วไปว่า นักบวช
“นี่คือ…ไต้ซือเนี่ยนหย่วนหรือ” หนานกงไหวเอ่ยถาม รู้สึกไม่พอใจสำหรับเรื่องที่บุตรีกลับมาแล้วไม่ทักทายตนเอง ทว่าเนี่ยนหย่วนที่ยังคงสลบไสลนั้นดึงความสนใจของเขาไป
หนานกงมั่วยักไหล่ เอ่ยอย่างจนปัญญา “ไต้ซือเนี่ยนหย่วนอาจะมีปมอะไรสักอย่าง เพื่อรีบกลับมาจึงต้องทำให้เขาสลบไปก่อน” ใครใช้ให้ไต้ซือเนี่ยนหย่วนบาดเจ็บหนัก แล้วยังไม่ยอมให้นางช่วย หากเป็นเช่นนั้นต่อไป ไม่ใช่เนี่ยนหย่วนกระอักเลือด ก็อีกสามถึงห้าวันพวกเขาอาจจะยังออกมาไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อนั่งดูหนังสดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทั้งยังเคารพชายหญิงไม่แตะเนื้อต้องตัว ตีให้สลบไปก่อนค่อยว่ากัน เพียงแต่…ไม่รู้ทำไมเขาจึงสลบมาจนถึงตอนนี้