จับมือสาวใช้พยุงตัวลุกขึ้น ผู้คนต่างเข้ามาชื่นชมยินดี ซิงเฉิงจวิ้นจู่นั้นงดงามอย่างแท้จริง เมื่ออยู่ในชุดเจ้าสาวแล้วยิ่งทำให้ดูงามสง่ายิ่งขึ้น
หุยเสวี่ย เฟิงเหอช่วยนางสวมเสื้อคลุมแขนตัวใหญ่ที่ปักรูปหงส์และดอกโบตั๋นด้วยเส้นไหมสีทองประณีต จากนั้นจึงคลุมผ้าคลุมศีรษะสีแดง เซี่ยฮูหยินกวาดตามองสำรวจอีกรอบ จากนั้นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เรียบร้อย”
“ขบวนรับตัวเจ้าสาวมาแล้ว เชิญเจ้าสาวออกมาได้” เสียงดังถูกส่งมาจากด้านนอก
ภายใต้ผ้าคลุมสีแดง มือข้างที่จับกับอีกคนไว้กัดแน่นขึ้น หญิงสาวด้านข้างตบเบาๆ ลงบนหลังมือของนาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องตื่นเต้น เกิดเป็นสตรี อย่างไรก็ต้องมีวันนี้กันทั้งนั้น ตอนนั้นข้าเอง…ก็ตื่นเต้นเหมือนจวิ้นจู่เช่นกัน” คนด้านข้างที่ถูกหนานกงมั่วคว้าเอาไว้ที่แท้คือเซี่ยฮูหยินน้อยนั่นเอง ในยามที่ไม่มีญาติสนิทที่เป็นสตรีแม้เพียงผู้เดียว ได้คนเอ่ยกระซิบวาจาเช่นนี้อยู่ข้างหูในเวลานี้ ทำให้หนานกงมั่วยิ้มบางๆ รู้สึกจิตใจสงบลงไม่น้อย
เซี่ยฮูหยินน้อยประคองหนานกงมั่วคนละข้างกับสตรีที่มาคอยดูแล เจ้าสาวต้องไปคำนับพ่อแม่ก่อนจึงจะออกจากบ้านได้
ที่ห้องโถงใหญ่จวนฉู่กั๋วกง หนานกงไหวนั่งรับแขกอยู่ด้านในด้วยใบหน้าชื่นมื่น หนานกงชวี่และหนานกงฮุยยืนอยู่ด้านข้าง ตำแหน่งที่นั่งด้านหน้าสุดถัดไปนั้นคือคนในอาภรณ์สีแดง แม้ใบหน้าจะยังคงเย็นชาทว่าน่าแปลกใจที่ไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นยะเยือกไปด้วย เว่ยจวินมั่วอยู่ในชุดสีแดง บริเวณอกประดับด้วยดอกไม้สีแดงดอกใหญ่โง่เง่าน่าตลก มองดูคิ้วที่คมเฉียงขึ้นทำให้ดูกล้าหาญ เป็นความงดงามที่ไม่ธรรมดา
ฝั่งตรงข้ามกับเว่ยจวินมั่วนั้นเป็นคุณชายเสียนเกอที่หล่อเหลาไม่ธรรมดาเช่นกัน วันนี้เปลี่ยนจากอาภรณ์สีขาวมาอยู่ในอาภรณ์สีม่วงอ่อนปักลายดอกบัวสีเงินประณีต เทียบกับภาพลักษณ์ที่ดูเจ้าชู้เช่นเมื่อก่อนแล้วยามนี้ดูสูงส่งและองอาจเป็นอย่างยิ่ง แม้คนที่อยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้จักชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและดูเป็นบุคคลสำคัญผู้นี้ ทว่ากลับไม่มีใครเอ่ยอันใดออกมา คิดเสียว่าเขาคือคุณชายที่ไม่ปรากฏตัวบ่อยนัก
เสียนเกอยกมือเท้าขมับขณะมองสำรวจบุรุษชุดแดงตรงหน้า มองซ้ายมองขวาอย่างไรก็รู้สึกขัดตา วันสำคัญยังคงใบหน้าเย็นชาอยู่ได้ หรือว่าไม่ดีใจที่ต้องแต่งงานกับมั่วเอ๋อร์ของเรากัน หึ ไม่ดีใจข้าก็จะพามั่วเอ๋อร์หนีไปเสีย
แม้เว่ยจวินมั่วจะกำลังพูดคุยอยู่กับหนานกงไหว แต่ยังแบ่งความสนใจครึ่งหนึ่งไปยังบุรุษในอาภรณ์สีม่วงตรงหน้า มักรู้สึกว่าวันนี้เสียนเกอจะหาเรื่องมาให้เขา ช่างไม่ควรเห็นแก่หน้าอู๋สยาแล้วปล่อยเขาไว้จริงๆ ควรให้คนจับเขาขังเอาไว้ รอจนงานแต่งผ่านล่วงเลยไปแล้วค่อยปล่อยเขาออกมาคงจะวางใจกว่า
“เจ้าสาวมาแล้ว” เสียงดังเข้ามาจากด้านนอก มองเห็นสตรีผู้ดูแลและเซี่ยฮูหยินน้อยกำลังประคองหนานกงมั่วเดินเข้ามา มีหญิงสาวกลุ่มหนึ่งเดินตามมาด้านหลัง
สตรีผู้ดูแลเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสาวคำนับบิดามารดา”
ในห้องโถง ป้ายวิญญาณของเมิ่งซื่อถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เบาะสีแดงถูกวางไว้ตรงหน้าหนานกงมั่ว ได้ยินเพียงเสียงผู้ดูแลเอ่ยบอก “คำนับบิดามารดา คุกเข่า คำนับครั้งที่หนึ่ง คำนับครั้งที่สอง คำนับครั้งที่สาม” หนานกงมั่วคุกเข่าคำนับป้ายวิญญาณของเมิ่งซื่อด้วยความนอบน้อมสามครั้ง นี่เป็นสิ่งที่นางควรทำ นางยืมร่างกายและสถานะของหนานกงชิงเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป รับมรดกของเมิ่งซื่อที่ทิ้งเอาไว้ให้ นางมีความทรงจำทุกอย่างของหนานกงชิง หนานกงมั่วที่ไม่เคยเจอกับมารดา ทว่านางมีความรู้สึกที่ดีต่อสตรีผู้อ่อนหวานในความทรงจำเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนหนานกงไหวที่นั่งอยู่ด้านข้าง หนานกงมั่วพลันมองข้ามไป คิดเสียว่าตนเองนั้นกำลังคุกเข่าให้เมิ่งซื่อเพียงผู้เดียว
หลังจากคำนับเสร็จแล้ว หนานกงไหวต้องกล่าวคำสั่งสอนก่อนจึงจะเป็นการเสร็จพิธี ผู้ช่วยสะบัดผ้า เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบิกบาน “เจ้าสาวออกเดินทางได้”
เจ้าสาวจะออกจากเรือนต้องให้พี่ชายใหญ่แบกออกไป หนานกงชวี่กำลังจะลุกขึ้นทว่าคุณชายเสียนเกอกลับลุกขึ้นขวางเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม เอ่ยขึ้น “พี่หนานกงไม่สบาย เป็นข้าดีกว่า”
ทุกคนชะงัก คนผู้นี้เป็นใครกัน แม้จะเรียกพี่หนานกงแต่ก็ไม่ใช่คนของตระกูลหนานกง หรือว่าเป็นคนของตระกูลเมิ่ง อย่าพึ่งเอ่ยถึงว่าตระกูลเมิ่งไม่เหลือใครแล้ว ต่อให้มีทว่าไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ นี่นา หนานกงชวี่กำลังจะตอบโต้ เมื่อสบตากับคุณชายเสียนเกอที่คล้ายจะยิ้มคล้ายไม่ยิ้มจึงต้องหุบปากฉับ ต่อให้เวลานี้ร่างกายของเขายังสบายดีอยู่ เกรงว่าหากปฏิเสธไปมันอาจจะไม่ดีแล้วก็ได้ ส่วนหนานกงฮุย ถูกคุณชายเสียนเกอมองเล็กน้อยก็หน้าซีดเสียแล้ว เขารู้จักฝีมือของคุณชายเสียนเกอดีกว่าหนานกงชวี่เสียอีก
หนานกงไหวชะงัก ไม่นานจึงยิ้มขึ้นมา กล่าว “ช่างเถิด ผู้นี้คือคุณชายเสียนเกอ ศิษย์พี่ของบุตรี นับว่าเป็นพี่ชายเหมือนกัน”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงของคุณชายเสียนเกอสำหรับที่จินหลิงแล้วไม่ได้โด่งดังเท่าในยุทธภพ แต่ก็พอรู้ว่าเสียนเกอเป็นหมอเทวดาที่เก่งกาจ แม้แต่ในโรงน้ำชายังมีนักปราชญ์มาเล่าเรื่องราวของคุณชายเสียนเกอให้ฟัง เพียงแต่บุคคลในเรื่องเล่านั้นต่างจากชายหนุ่มผู้หล่อเหลาไม่ธรรมดาตรงหน้านี้มาก ทั้งยังไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณหนูใหญ่หนานกงจะมีที่พึ่งพิงยิ่งใหญ่เพียงนี้ หมอเทวดา…ไม่ว่าจะเวลาใดทางที่ดีอย่าได้ทำให้เขาขุ่นเคืองเสียจะดีกว่า
ยามนี้นอกจวนฉู่กั๋วกงจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ประชาชนชาวจินหลิงต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดี ยามนี้คุณหนูใหญ่จวนฉู่กั๋วกงผู้ที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นซิงเฉินจวิ้นจู่ แน่นอนว่าย่อมต้องดึงดูดความสนใจจากประชาชนได้ดีทีเดียว เจ้าสาวยังไม่ทันออกมา สินเจ้าสาวก็ถูกทยอยขนออกมาจากจวนฉู่กั๋วกงไม่ขาดสาย เครื่องเรือนประดับบ้านชิ้นใหญ่ถูกส่งไปยังจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเมื่อหลายวันก่อนแล้ว ยามนั้นทำให้ประชาชนชาวเมืองจินหลิงตื่นตาไม่น้อย เครื่องเรือนทั้งหมดที่จวนฉู่กั๋วกงมอบให้คุณหนูใหญ่ล้วนเป็นไม้ชิงชัน ไม้หวงฮวาหลี รวมไปถึงไม้จินซือหนานมู่ เป็นต้น ทำให้ผู้คนต้องถอนหายใจถึงความร่ำรวยของตระกูลหนานกง ตอนนี้สินเจ้าสาวที่ถูกคนขนออกมาก็ยังไม่หมด สินเจ้าสาวที่ถูกขนออกมามีทั้งผ้าแพรไหมหลากหลายชนิด รวมไปถึงเครื่องประดับสวยงามที่ถูกเก็บไว้ในกล่องที่มองไม่เห็นนั้นไม่ต้องเอ่ยถึง แต่กิจการที่นานั้นมองเห็นได้ ห่อหุ้มกล่องไว้ด้วยผ้าไหมสีแดง ด้านบนวางกระเบื้องเคลือบ กระเบื้องหนึ่งชิ้นหมายถึงกิจการร้านหรือบ้านพักหนึ่งหลัง อีกทั้งยังมีก้อนดิน ดินหนึ่งก้อนหมายถึงพื้นที่หนึ่งฉิ่ง[1]
คนยังไม่ทันนับได้ชัดเจนว่าทั้งหมดนั้นมีที่นาและพื้นที่มากเพียงใด ด้านหลังกลับมีกล่องตามมาอีกมากมาย จนคนอดคิดไม่ได้ว่าฉู่กั๋วกงนั้นยกจวนฉู่กั๋วกงทั้งหมดให้คุณหนูใหญ่แล้วหรือไม่
“เจ้าสาวออกมาแล้ว เจ้าสาวออกมาแล้ว” เสียงประทัดดังขึ้นที่หน้าประตู ผู้คนยืดคอเฝ้ารอดู มองเห็นบุรุษรูปงามกำลังแบกเจ้าสาวเดินออกมา ด้านข้างมีเจ้าบ่าวที่สีหน้าดูไม่ดีนัก แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าเจ้าสาว แต่การได้เห็นหงส์ที่อยู่เคียงคู่กับดอกโบตั๋นสีทองดูราวกับมีชีวิตจริงๆ นั้นก็ตื่นตาไม่น้อย
เสียนเกอวางหนานกงมั่วลงตรงหน้าเกี้ยวเจ้าสาว เอ่ยเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม “มั่วเอ๋อร์ อาจารย์ยังมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้าด้วยนะ”
หนานกงมั่วชะงัก เงยหน้าขึ้นมา น่าเสียดายที่ผ้าคลุมนั้นบดบังดวงตาของนาง ทำได้เพียงเอ่ยถาม “ของขวัญชิ้นใหญ่อันใดหรือเจ้าคะ”
เสียนเกอยิ้มพลางเอ่ย “คงใกล้จะมาแล้ว”
“…” รู้สึกไม่วางใจศิษย์พี่ขึ้นมา
ที่แท้ก็ไม่นานจริงๆ หนานกงมั่วพึ่งเข้าไปนั่งในเกี้ยว ผู้ดูแลพึ่งสูดหายใจเข้ายังไม่ทันได้ออกคำสั่งให้ยกเกี้ยวขึ้น อยู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนหลังคาห่างออกไปไม่ไกล “เว่ยจวินมั่วอยู่ที่ใด”
—————————–
[1] ฉิ่ง คือหน่วยนับของที่ดิน 1 ฉิ่งเท่ากับ 100 หมู่/ไร่จีน เท่ากับ 66,667 ตารางเมตร