หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 255 นี่มันดอกบัวขาว[1]ดีๆ นี่เอง (1)

ตอนที่ 255 นี่มันดอกบัวขาว[1]ดีๆ นี่เอง (1)

เฝิงซื่อแสยะยิ้ม เอ่ย “ข้านึกว่าพระชายาซื่อจื่อจะจิตใจกว้างขวางมากกว่านี้เสียอีก พาเอาสินเจ้าสาวเข้าจวนมามากมายก็เท่านั้น” รางวัลก็ไม่ได้ต่างอันใดกันมากกับเมื่อครั้งเสิ่นซื่อและเซวียซื่อแต่งเข้าจวนเลยสักนิด

มามาผู้ดูแลชำเลืองมองเฝิงซื่อแล้วจึงเอ่ยว่า “นอกจากนั้นแล้วพระชายาซื่อจื่อยังมีรางวัลแก่เรือนซูอวิ๋นและเรือนขององค์หญิงโดยเฉพาะด้วยเจ้าค่ะ สาวใช้ขั้นสองทุกคนได้รับสามตำลึง สาวใช้ขั้นหนึ่งคนละสิบตำลึง พ่อบ้านผู้ดูแลคนละยี่สิบตำลึงเจ้าค่ะ” ดวงตาเฝิงซื่อวาววับ เอ่ยเสียงเข้ม “นางทำเช่นนี้หมายความเช่นไร เรือนท่านอ๋องและแม่เฒ่าก็เป็นเช่นนี้หรือ” มามาผู้ดูแลเอ่ยตอบ “เรือนท่านอ๋องและแม่เฒ่าก็ได้รับเพียงเงินเดือนหนึ่งเดือนเช่นกันเจ้าค่ะ” เมื่อนึกถึงรางวัลของเรือนซูอวิ๋นแล้ว มามาผู้ดูแลก็อดที่จะอิจฉาตาร้อนไม่ได้ หากพระชายาซื่อจื่อประทานรางวัลเหมือนกันทั่วทั้งจวนล่ะก็ ตามขั้นของนางแล้วนางต้องได้ยี่สิบตำลึง ยามนี้กลับได้เพียงเงินเดือนหนึ่งเดือน

ปัง!

“หนานกงมั่ว” เฝิงซื่อกัดฟันตบโต๊ะเสียงดัง ใบหน้าเย็นยะเยือกเอ่ย “นางทำเช่นนี้หมายความเช่นไร ดูถูกจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอย่างนั้นหรือ”

“ท่านแม่” เว่ยจวินปั๋วขมวดคิ้ว “ท่านแม่อย่าได้โกรธ เพียงเพราะรางวัลของบ่าวไพร่ไยต้องมีโทสะถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้น…การประทานรางวัลก็เป็นความยินยอมของพระชายาซื่อจื่อเอง หากจะให้บ่าวในเรือนตนเองและองค์หญิงหญิงมากหน่อยก็มิได้มีความผิดอันใด” คนในเรือนของตนเองต่อไปยังต้องใช้ประโยชน์ องค์หญิงไม่ใช่เพียงแม่สามีแต่ยังเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในจวน เอ่ยออกไปแล้วก็หาความผิดอันใดไม่ได้

เฝิงซื่อแค่นหัวเราะ เอ่ยเสียงเย็น “หึ หนานกงมั่วช่างจองหอง ข้าเองจะรอดูว่านางจะเก่งเพียงใด เรื่องนี้แม่เฒ่ารู้แล้วหรือไม่”

มามาผู้ดูแลส่ายหน้า “เกรงว่าแม่เฒ่าคงยังไม่รู้เจ้าค่ะ เพียงแต่…อีกไม่นานก็คงรู้แล้วเจ้าค่ะ”

“ยังไม่รีบไปจัดการอีก อย่างไรก็ต้องให้แม่เฒ่าได้รับรู้ถึงความกตัญญูของหลานสะใภ้คนใหม่ของนางบ้าง”

“เจ้าค่ะ พระชายารอง” มามาผู้ดูแลย่อตัวขอตัวลา จากนั้นรีบเดินออกไป ใบหน้าเฝิงซื่อปรากฏรอยยิ้มร้าย นางไม่จำเป็นต้องลงมือจัดการกับหนานกงมั่วด้วยตนเอง อย่างไรก็มีคนช่วยนางอยู่แล้ว

ห้องโถงฝูฮุ่ย

แม่เฒ่าโบกมือสั่งให้คนที่มารายงานออกไป นิ่งเงียบไปเนิ่นนาน ถ้วยชาสีสวยในมือพลันกระแทกลงกับพื้น “เว่ยจวินมั่ว ซิงเฉิงจวิ้นจู่”

“ท่านแม่เฒ่าใจเย็นเถิดเจ้าค่ะ” มามาคุกเข่าเอ่ยขึ้นอยู่ทางด้านข้าง แม่เฒ่าส่งเสียงหยันสั่งให้คนออกไป ข้างกายเหลือไว้เพียงมามาผู้รู้ใจและสาวใช้ใหญ่ สาวใช้ผู้นั้นขยับเข้ามาด้านหน้าบีบนวดไหล่ให้แม่เฒ่าอย่างระมัดระวัง เอ่ย “ท่านแม่เฒ่าอย่าได้โกรธเลยเจ้าค่ะ พระชายาซื่อจื่อพึ่งแต่งเข้ามาอีกทั้งอายุยังน้อย บางทีอาจยังคิดไม่รอบคอบ”

เห็นได้ชัดว่าแม่เฒ่าไม่ใช่คนถูกเกลี้ยกล่อมง่ายเพียงนั้น เอ่ยเสียงเย็น “คิดไม่รอบคอบอย่างนั้นหรือ นางยังรู้จักนับเรือนขององค์หญิงฉังผิงเข้าไปด้วย ใช่ว่าคนแก่เช่นข้าจะดูไม่ออกถึงเจตนาของเด็กเมื่อวานซืน เด็กคนนั้นทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้มีเราอยู่ในใจ” เมื่อครั้งอายุยังน้อยแม่เฒ่านั้นเคยยากจนมาก่อน ยามนี้มั่งมีแล้วจึงถือเรื่องเงินเป็นใหญ่ หลายสิบปีมานี้ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติมาตลอด ความหยาบคายจึงค่อยๆ ลดน้อยถอยลงไป หน้าตาเป็นสิ่งสำคัญ เกลียดที่สุดคือคนที่คิดว่านางเกิดมายากจนแล้วไม่ให้เกียรตินาง สองอย่างรวมกัน รวมกับเรื่องของเว่ยจวินมั่วอีก ยิ่งทำให้นางไม่ถูกชะตากับหนานกงมั่วมากยิ่งขึ้น

ความจริง การเกิดมาต่ำต้อยไม่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ตั้งแต่ราชวงศ์เซี่ยก่อตั้งประเทศมา แม้แต่เชื้อพระวงศ์ตอนเกิดก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนอื่น กลับเป็นผู้ที่เกิดมาสูงศักดิ์จริงๆ ที่ล้วนแล้วแต่เจียมเนื้อเจียมตัว อยู่อย่างสงบเสงี่ยม เพียงแต่หลักการก็คือหลักการ จะถูกสืบทอดต่อกันมาหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่อง

“ไป เชิญท่านอ๋องมา ข้าเองก็อยากจะรู้ สตรีที่เว่ยจวินมั่วแต่งมานั้นจะเก่งสักเพียงใด คิดว่ามีองค์หญิงและฉู่กั๋วกงคอยหนุนหลังแล้วจะทำอันใดก็ได้หรือ” แม่เฒ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด มามาที่หวาดกลัวท่าทางโกรธเกรี้ยวของแม่เฒ่ารีบตอบรับในทันใด เดินไปยังประตู ออกคำสั่งให้สาวใช้ไปเชิญจวิ้นอ๋องมา

มองท่าทางแม่เฒ่าที่โกรธจนต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าอก มามาคนนั้นจึงเอ่ย “ท่านแม่เฒ่าโปรดระวังด้วย อย่าโกรธคนไม่รู้ความผู้นั้นจนตนเองต้องแย่เลยเจ้าค่ะ พระชายาซื่อจื่อไม่เป็นโล้เป็นพาย ท่านแม่เฒ่าแค่ต้องค่อยๆ อบรมสั่งสอนนางก็พอแล้วเจ้าค่ะ” แม่เฒ่าพ่นลมหายใจออกมาอย่างต่อเนื่อง “ไม่รู้ว่าตระกูลเว่ยของเรามีเวรมีกรรมอันใด จึงได้แต่งอะไรน่าหนักใจเช่นนี้เข้าจวน…”

สองคนด้านข้างไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด ใครจะรู้ว่าอะไรที่น่าหนักใจที่แม่เฒ่าเอ่ยถึงนั่นคือพระชายาซื่อจื่อหรือองค์หญิงฉังผิง เพียงแต่…คาดว่าคงเป็นองค์หญิงฉังผิงเสียมากกว่า พระชายาซื่อจื่อพึ่งเข้าจวนมาวันเดียว ต่อให้ทำผิดพลาดอย่างไรก็คงบอกได้เพียงประโยคเดียวว่าไม่รู้ความเท่านั้น เรื่องในครั้งนั้นแม้เบื้องหน้าแม่เฒ่าจะมิได้เอ่ยอันใด แต่เพียงนางให้หลานสาวแต่งกับจวิ้นอ๋องเพื่อมาเป็นชายารอง ตลอดหลายปีมานี้ยังคอยช่วยเหลือพระชายารองอีก เท่านี้ก็รู้ได้แล้วว่าแม่เฒ่าไม่เอ่ยออกมาแต่ในใจนั้นไม่พอใจองค์หญิงฉังผิงเป็นที่สุด มามาผู้นั้นดูแลแม่เฒ่ามาหลายสิบปีย่อมรู้เรื่องราวมากมาย เกรงว่าแม่เฒ่าจะไม่พอใจองค์หญิงฉังผิงตั้งแต่ก่อนแต่งงานเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่แสดงออกไม่ได้

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยังไม่ทันได้เดินเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของมารดาดังออกมา หัวใจกระตุกรีบสาวเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ด้านหลังยังมีเฝิงซื่อที่ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปกปิดรอยยิ้มของตนเอง

“ท่านแม่ เกิดอันใดขึ้น” จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย สำหรับมารดาผู้นี้ที่เลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องให้ความเคารพอย่างมาก เมื่อครั้งที่บิดาของเขาจากไปเพราะช่วยชีวิตฮ่องเต้นั้นราชวงศ์เซี่ยพึ่งก่อตั้ง เขาเองยังเด็กมีอายุเพียงสิบเอ็ดสิบสองปีเท่านั้น สองแม่ลูกต้องลำบากตรากตรำไม่น้อย โชคดีต่อมาได้รับความช่วยเหลือจากอดีตฮองเฮา เมื่อเติบใหญ่จึงได้ออกติดตามฮ่องเต้สู้รบในสนามรบอยู่บ่อยครั้ง ตระกูลเว่ยจึงได้มีหน้ามีตามาจนถึงทุกวันนี้

แม่เฒ่าเงยหน้าขึ้นมา มองเว่ยหงเฟยด้วยดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อล้น “ซื่อจื่อที่เจ้าแต่งตั้งนั่น ช่างแต่งชายาได้ดีเสียจริง ข้าคงอยู่เป็นสุขมิได้แล้ว นี่พวกเขากำลังอยากทำให้ข้าต้องโมโหจนตายสินะ…ตอนนั้นเจ้าจะแต่งองค์หญิงฉังผิง ข้าห้ามเจ้าไม่ได้ ยามนี้เจ้าดูสิ บ้านเรากลายเป็นเช่นไร มีกี่คนที่คอยหัวเราะเยาะจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอย่างเจ้า”

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องสีหน้าทะมึนขึ้น เอ่ยถาม “พวกเขาทำอันใดให้ท่านแม่โกรธกริ้วถึงเพียงนี้”

แม่เฒ่าเอาแต่ร้องไห้ ไม่เอ่ยอันใด จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องหันไปมองมามาเคียงกายของแม่เฒ่า มามาเล่าเรื่องทั้งหมดที่ถูกเสริมเติมแต่งด้วยอารมณ์ให้ฟังหนึ่งรอบ จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องขมวดคิ้ว แม้เป็นเพียงการประทานรางวัลให้เรือนองค์หญิงและเรือนซูอวิ๋นมากกว่าเท่านั้น แต่เขาเองก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ในสายตาบุรุษอย่างเว่ยหงเฟยนั้นเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เงินเป็นของหนานกงมั่วเอง นางต้องการให้รางวัลแก่ใครก็ให้ แต่เมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของมารดา อีกทั้งยังเอ่ยไปถึงเรื่ององค์หญิงฉังผิง สีหน้าของเว่ยหงเฟยจึงไม่น่ามองขึ้นมา เงียบอยู่ชั่วครู่ จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจึงตบโต๊ะเสียงดัง เอ่ยเสียงเข้ม “ตามลูกไม่รักดีนั่นมาให้ข้า”

“เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง”

ในเรือนองค์หญิงฉังผิง องค์หญิงฉังผิงกำลังนั่งอยู่บนเบาะนุ่มจิบชาสมุนไพรที่หนานกงมั่วชงให้ด้วยตนเอง หลับตาลงลิ้มรสอย่างมีความสุขจากนั้นจึงลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สตรีบ้านอื่นกล่าวว่ามีฝีมือและเฉลียวฉลาด ส่วนมากเป็นเรื่องเย็บปักถักร้อย แต่ฝีมือการชงชาของอู๋สยาของเรานั่นช่างน่าทึ่ง จวินเอ๋อร์โชคดีจริงๆ” แม้ไม่รู้ว่าในชานั้นมีสิ่งใด องค์หญิงฉังผิงรู้จักเพียงดอกไม้สองชนิดเท่านั้น แต่ชาสมุนไพรที่มีรสชาติหอมหวานเบาๆ เช่นนี้เพียงจิบไปไม่กี่ครั้งก็ทำให้รู้สึกสบายตัวและอารมณ์ดีขึ้นมา

———————————

[1] ดอกบัวขาว (ศัพท์แสลง)ใช้ด่าผู้หญิงที่ภายนอกดูใสซื่อ แต่จริงๆ นั้นร้ายกาจ

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท