แม่เฒ่าจับสาวใช้เอาไว้ด้วยร่างกายที่สั่นไหวไปตามวัย มององค์หญิงฉังผิงอย่างประหลาดใจ เมื่อครั้งสามีของนางจากไป อดีตฮองเฮาเห็นใจนางและพานางไปอยู่ข้างกาย แม้ต่อมาราชวงศ์เซี่ยก่อตั้งประเทศแล้วอดีตฮองเฮายังเรียกนางเข้าวังอยู่บ่อยครั้ง องค์หญิงฉังผิงเรียกได้ว่าเป็นคนที่นางเห็นมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะเรื่องของเว่ยจวินมั่วในครานั้นนางไม่ได้เอ่ยอันใด องค์หญิงฉังผิงจึงมีความเกรงใจต่อนาง เช่นนี้จึงทำให้นางไม่เคยต้องถวายพระพร แม้ไม่ได้คุกเข่าลงไป แต่หากบอกว่าองค์หญิงฉังผิงไม่ได้ตั้งใจ บอกใครไปก็คงไม่อาจเชื่อได้
จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเองก็มององค์หญิงฉังผิงอย่างไม่อยากเชื่อ กัดฟันเอ่ย “องค์หญิง ท่าน…”
องค์หญิงฉังผิงเอ่ยเสียงเรียบ “ทำไมหรือ ข้าว่านับวันจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแห่งนี้ยิ่งไม่มีกฏเกณฑ์เสียเลย เชื้อสายรองจะมานินทาซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่ออย่างไรก็ได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
สีหน้าของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องบิดเบี้ยว กัดฟันเอ่ย “องค์หญิงกังวลเกินไปแล้ว ในจวนนี้ไม่มีใครนินทาซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อหรอก”
องค์หญิงฉังผิงเลิกคิ้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่รู้ว่าท่านอ๋องรีบร้อนเรียกจวินเอ๋อร์และอู๋สยามาคิดจะทำสิ่งใดหรือ พวกเขาพึ่งจะแต่งงาน มีเรื่องอันใดเอาไว้ผ่านไปอีกสักวันสองวันก็ไม่ได้” องค์หญิงฉังผิงนั่งลงด้านข้าง ขณะเดียวกันก็ดึงหนานกงมั่วลงนั่งข้างกาย สีหน้าอ่อนโยนราวกับคนละคนกับตอนที่เอ่ยกับจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องด้วยสีหน้าเย็นชาเมื่อครู่ จนเสิ่นซื่อและเซวียซื่อที่นั่งอยู่อีกฝั่งอิจฉาไม่น้อย ไม่ต้องเอ่ยถึงฐานะขององค์หญิง ขอเพียงมีแม่สามีที่จิตใจดีมีเมตตาเช่นนี้ก็นับว่าเป็นวาสนาไปชั่วชีวิตแล้ว
หนานกงมั่วยิ้มหวานตบหลังมือองค์หญิงเบาๆ หันกลับไปหาจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสด็จพ่อ ไม่รู้ว่าท่านเรียกพวกเรามารีบร้อนเพียงนี้มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือเพคะ”
จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องสำลัก ต้องเอ่ยอย่างไรดี จะบอกว่าเจ้าให้รางวัลแก่บ่าวไพร่ไม่ยุติธรรม เห็นได้ชัดว่าไม่เคารพต่อแม่เฒ่าเช่นนั้นหรือ แต่ของขวัญที่หนานกงมั่วมอบให้แม่เฒ่าก็ล้ำค่าและจริงใจแล้ว หากจะเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเอ่ยถึงก็คงจะ… ขณะที่จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องพูดไม่ออก ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะพูดไม่ออก เว่ยเชี่ยนเชิดหน้าเอ่ยอย่างทะนงตน “พี่สะใภ้ ยามที่ท่านให้รางวัลไยจึงลืมได้แม้กระทั่งคนข้างกายของท่านย่าได้เล่า”
หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “ลืมงั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร ข้าสั่งให้หยางจงส่งเงินรางวัลให้ด้วยตนเอง หรือว่าหยางจงผู้นี้ทำงานครั้งแรกก็เกียจคร้านแล้วอย่างนั้นหรือ”
เว่ยเชี่ยนแค่นยิ้ม “พี่สะใภ้อย่าคิดแสร้งงงงวย พี่สะใภ้ให้รางวัลหนักเฉพาะเรือนองค์หญิงและเรือนซูอวิ๋น ไม่ใช่ว่าไม่เห็นท่านย่าอยู่ในสายตาหรอกหรือเจ้าคะ”
หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “สิ่งที่น้องรองผู้นี้เอ่ยข้านั้นไม่เข้าใจ ข้าให้รางวัลหนักกับคนในเรือนของข้า มันเกี่ยวอันใดกับการไม่เห็นท่านย่าอยู่ในสายตาเล่า หรือว่า…บ่าวไพร่ในเรือนทุกคนเปรียบเสมือนหน้าตาของท่านย่าเช่นนั้นหรือ ไยข้าจึงไม่รู้ว่าพวกเขามีหน้ามีตายิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ บ่าวไพร่ในเรือนของมารดาและเรือนของข้านั้น ช่วงหลายเดือนมานี้พวกเขาต้องเหน็ดเหนื่อยเตรียมพิธีแต่งงานของข้าไม่น้อย ข้าที่เป็นนายจะให้รางวัลแก่พวกเขาแล้วมันอย่างไรเล่า หรือว่า…ต่อไปหากจะให้รางวัลกับใครก็ต้องให้ทุกคนในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอีกรอบเช่นนั้นหรือ ข้ามิได้มีเงินมากมายที่จะเอามาหว่านเล่นไปทั่ว ข้ายังไม่เคยได้ยินเลยว่าน้องรองให้รางวัลคนข้างกายของตนแล้วจะมาให้รางวัลคนเรือนแม่เฒ่าด้วย”
“ท่าน” เว่ยเชี่ยนหน้าแดงก่ำ กัดฟันเอ่ยต่อ “ท่านแก้ตัว ท่านย่าเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง คนข้างกายท่านย่าเองแน่นอนว่า…”
เพล้ง! ถ้วยชาตกกระแทกแตกกระจายอยู่ปลายเท้าเว่ยเชี่ยน เว่ยเชี่ยนตกใจเงยหน้ามองไปยังหนานกงมั่ว เห็นเพียงหญิงสาวที่เคยยิ้มหวานยามนี้ใบหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ดวงตาเย็นเยียบจ้องนางเขม็ง กล่าวว่า “น้องรองจะเอ่ยสิ่งใดก็ระวังเสียบ้าง เรื่องที่เจ้าบอกว่าท่านย่าสำคัญที่สุดในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง แล้วเจ้าเอาองค์หญิงไปไว้ที่ใด เอาบารมีของเชื้อพระวงศ์ไปไว้ที่ใดกัน”
เฝิงซื่อเห็นเว่ยเชี่ยนหน้าซีด เมื่อเห็นว่ากำลังจะแย่จึงรีบเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูรองใจร้อนกล่าวผิดไป ไยพระชายาซื่อจื่อถึงต้องยกตนข่มท่านเช่นนี้…”
หนานกงมั่วปรายตามองนาง เอ่ย “แล้วเจ้าเป็นใครกัน ข้าพระชายาซื่อจื่อไม่คุยกับคนที่ฐานะต่ำต้อย”
หนานกงมั่วมีดวงหน้าสวย แต่งกายงดงาม ทว่ายามนี้ใบหน้าสวยนั้นดูยโสโอหังคล้ายกับกำลังบอกว่า ‘ข้าเป็นคนมีเงิน ไม่คุยกับคนจน’ ทำให้คนที่นั่งอยู่สิบคนนั้นมีกว่าเจ็ดคนที่อยากตบนาง แน่นอนว่าย่อมทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น
พระชายารองชะงัก ตลอดหลายปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนดูถูกเหยียดหยามนางต่อหน้า เมื่อได้สติกลับมา เฝิงซื่อจึงยกมือขึ้นปิดหน้าพลางสะอึกสะอื้น “ท่านอ๋อง…แม่เฒ่า ฮือ หม่อมฉัน…หม่อมฉันไม่มีหน้าไปพบใครแล้ว หม่อมฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเพคะ…หม่อมฉันอายุถึงเพียงนี้ กลับต้องมาถูกพระชายาซื่อจื่อดูถูกเหยียดหยาม…”
“บังอาจ” จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องและแม่เฒ่าโมโหขึ้นมา รู้สึกว่าสตรีตรงหน้านั้นช่างสมแล้วกับการเติบโตมาในชนบท คิดว่ามีฉู่กั๋วกงเป็นบิดา เข้ามาวันแรกก็มาดูถูกมารดาเชื้อสายรอง แน่นอนแม่เฒ่านั้นคิดมากยิ่งกว่า ดวงตาวาวโรจน์ แม่เฒ่าเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “พระชายาซื่อจื่อ เฝิงซื่อคือชายารองของเสด็จพ่อเจ้า และเป็นมารดาเชื้อสายรองของซื่อจื่อ ไยเจ้าจึงกล้าไร้มารยาทเช่นนี้”
หนานกงมั่วราวกับไม่เห็นความโกรธของแม่เฒ่า เลิกคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มารดาเคยเชิญอาจารย์มาสอนมารยาทแก่ข้า ข้ายังจำได้ อาจารย์กล่าวว่าชายารองก็คือข้าทาส ชายาเอกนั่งชายารองต้องยืน ชายาเอกยืนชายารองต้องคุกเข่า เสด็จแม่นั้นเป็นองค์หญิงอีกทั้งยังเป็นชายาเอก นางกลับทำเพียงย่อตัวถวายพระพรแล้วก็นั่ง ไม่เพียงดูหมิ่นซ้ำยังไม่ภักดี ทาสผู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้เฆี่ยนตีให้ตายยังน้อยไปด้วยซ้ำ ท่านแม่เฒ่า ไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยถึงที่หลานสะใภ้ดูถูกเหยียดหยามนางเลย ต่อให้หลานดูถูกนางจริงๆ นั่นก็นับว่าเป็นบุญของนางแล้ว แม่เฒ่าดุด่าบ่าวในเรือนเคยนึกถึงจิตใจและไว้หน้าพวกเขาหรือไม่เจ้าคะ”
“…” ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพระชายาซื่อจื่อจะพูดจาเช่นนี้ได้ อยากฟาดนางสักครั้ง ผู้คนพากันคิดอยู่ในใจเงียบๆ
แม่เฒ่าเองก็โกรธไม่น้อย แต่เห็นได้ชัดว่าหนานกงมั่วยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็มองไปยังเฝิงซื่อที่ยกมือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยขึ้นอีก “พระชายารองเฝิงเป็นเพียงหลานสาวที่อยู่ใกล้ชิดของแม่เฒ่า คนในตระกูลที่สั่งสอนไม่ได้ ไม่คิดก้าวหน้า สูงสุดก็เป็นได้แค่ข้าราชการขั้นเจ็ดที่กล้าแต่รังแกชาวบ้าน คนเช่นนี้ จะมีสิ่งใดเอามาเชิดหน้าชูตาได้”
เฝิงซื่อหน้าซีด ท่าทางโงนเงน “ท่านอ๋อง แม่เฒ่า…”
จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องใบหน้าเขียวปั๊ด กัดฟันเอ่ย “พอแล้ว อย่างไรเฝิงซื่อก็เป็นมารดาของปั๋วเอ๋อร์และจวินเอ๋อร์”
หนานกงมั่วมองเขาแปลกๆ ก็ไม่ใช่มารดาของเว่ยจวินมั่วนี่ เกี่ยวอันใดกับนางเล่า
“ดังนั้นจึงได้บอกว่า เป็นอนุก็ต้องออกดอกออกผลให้เจ้าของ ไม่มีอันใดทำก็อยู่ในเรือนคลอดลูกไปเสีย วิ่งแจ้นออกมาข้างนอกให้คนอื่นขายหน้าไปทำไม” หนานกงมั่วทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย
องค์หญิงฉังผิงเองก็ตกใจกับลูกสะใภ้ผู้นี้ไม่น้อย ไม่เพียงทั้งน่าขันทั้งชอบ ยังรู้สึกว่าความเป็นห่วงที่มีให้นางก่อนหน้านี้คงมากเกินไป หันไปส่งสายตาให้เว่ยจวินมั่ว ส่งสัญญาณให้เขาเตือนหนานกงมั่วว่าหากพอใจแล้วก็หยุดเถิด เว่ยจวินมั่วกลับหลบสายตามารตา หลุบตาลงราวกับมองไม่เห็น
“กรี๊ด…ฮือ…” เฝิงซื่อเองก็ทนไม่ไหว ไม่สนอันใดทั้งสิ้น สุดท้ายจึงร้องไห้เสียงดังออกมา แม่เฒ่าเองก็โกรธจนตัวสั่น เอ่ยเสียงดัง “สามหาว ช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก พึ่งเข้ามาก็ไม่เคารพมารดาเชื้อสายรอง…”