เมื่อเอ่ยจบ ไม่เพียงเฝิงซื่อ แม้กระทั่งแม่เฒ่าเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป หลายปีมานี้เพราะองค์หญิงฉังผิงมิได้กุมอำนาจเอาไว้แม่เฒ่าจึงไม่ว่าอันใด รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องที่นางจะใช้อำนาจเข้าข้างบุตรชาย ในเมื่อเว่ยจวินมั่วมิได้มีเลือดเนื้อของตระกูลเว่ย แม่เฒ่าจึงไม่ยอมให้องค์หญิงฉังผิงใช้อำนาจมากดขี่เว่ยจวินปั๋วและพี่น้องคนอื่นๆ เอ่ยมาถึงตรงนี้…แม่เฒ่าไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่ในใจนั้นก็เหมือนเว่ยหงเฟย…ไม่ปล่อยน้ำไปในที่นาของคนอื่น
มองไปยังองค์หญิงฉังผิงพลางยิ้มฝืน แม่เฒ่าเอ่ย “องค์หญิงสุขภาพไม่ดี เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ไหนเลยจะรบกวนองค์หญิงได้ ช่างเถิด ให้เฝิงซื่อคอยชี้แนะพระชายาซื่อจื่อเถิด”
เฝิงซื่อกำผ้าแน่น ยิ้มเจื่อนเอ่ยตอบรับ “เจ้าค่ะ หลายวันมานี้วุ่นวายอยู่กับพิธีแต่งงานของซื่อจื่อ ยังไม่ทันได้จัดการบัญชีเลย ขอพระชายาซื่อจื่อและองค์หญิงอภัยด้วย เดี๋ยวข้าจะรีบสั่งให้คนจัดการรวบรวมและส่งไปให้พระชายาซื่อจื่อโดยเร็ว”
องค์หญิงฉังผิงกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าเว่ยจวินมั่วพลันชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน “เช่นนี้ก็ดี อู๋สยาพึ่งแต่งเข้ามายังไม่มีเวลาว่างอันใดมากมายนัก”
“จวินเอ๋อร์” องค์หญิงฉังผิงขมวดคิ้ว ยามนี้หากไม่ดึงอำนาจครองเรือนกลับมา ต่อไปก็คงจะไม่ง่ายแล้ว อย่างไรเสียเว่ยหงเฟยและแม่เฒ่าก็ไม่มีทางยืนอยู่ฝั่งพวกเขาเป็นแน่
“เสด็จแม่” เว่ยจวินมั่วจ้องมององค์หญิงฉังผิงนิ่งๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นคง องค์หญิงฉังผิงย่อมเข้าใจถึงความคิดของบุตรชาย จึงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ กล่าว “ช่างเถิด แม่รู้ดีว่าเจ้าไม่อยากให้อู๋สยาต้องวุ่นวาย”
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ มองดูคนอื่นๆ ที่ลอบถอนหายใจเบาๆ ทุกคนที่อยู่ตรงนี้นอกจากองค์หญิงฉังผิงแล้วคงไม่มีผู้ใดหวังให้หนานกงมั่วเป็นคนปกครองเรือน หนานกงมั่วเองก็รู้ว่าเว่ยจวินมั่วคงตัดสินใจอยู่จินหลิงอีกไม่นาน สำหรับนางแล้ว นางย่อมไม่มีความสนใจต่อการจัดการชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวใหญ่ ยิ่งไม่สนใจเรื่องการขึ้นรับตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเว่ยจวินมั่วเข้าไปอีก หากเว่ยจวินมั่วต้องการยศฐาบรรดาศักดิ์เขาจะต่อสู้เพื่อมันด้วยตัวของเขาเอง ส่วนอำนาจในจวน…นางมีเงิน ต่อไปจะยิ่งมีเงิน เงินเล็กน้อยในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยังสู้เงินที่ล้นมือนางไม่ได้ด้วยซ้ำ ไยนางต้องไปเหนื่อยเพื่อคนอื่นซ้ำยังไม่ได้สิ่งใดเลยเล่า
แน่นอนว่าเฝิงซื่อไม่คิดว่าอยู่ดีๆ จะได้สิ่งที่ตนอยากได้โดยไม่ต้องออกแรง เดิมคิดว่าพระชายาซื่อจื่อแต่งเข้าเรือนอย่างน้อยตนเองก็ต้องแบ่งอำนาจออกไปกว่าครึ่ง ใครจะคิดว่าเว่ยจวินมั่วกลับดูไม่สนใจเรื่องปกครองในเรือนเลย นึกถึงสินเจ้าสาวที่ถูกขนเรียงรายมาจากจวนฉู่กั๋วกงเมื่อวานอีกทั้งยังมีตำแหน่งและอาณาเขตปกครองที่ฮ่องเต้พระราชทานให้นางอีก ความจริงเว่ยจวินมั่วมิได้ขาดอำนาจการปกครองนั่นด้วยซ้ำ ชั่วครู่ความริษยาพลันเกิดขึ้นมาในใจ เกรงว่าหากเอาสินสมรสของบุตรชายทั้งสามและบุตรีอีกสองมารวมกันก็ยังสู้เว่ยจวินมั่วที่แต่งซิงเฉิงจวิ้นจู่เพียงคนเดียวไม่ได้
“เช่นนั้นก็เอาตามนี้ ข้ายังมีธุระ คงต้องไปก่อนแล้ว” เว่ยหงเฟยลุกขึ้น โบกมือก่อนจะเดินออกไปอย่างหงุดหงิด เมื่อบุตรชายออกไปแล้ว แม่เฒ่าเองก็ไม่มีใจคิดสนใจใครอีก เมื่อสั่งงานเสร็จก็กลับออกไปทันทีเช่นกัน เมื่อออกมาจากห้องโถงฝูฮุ่ยแล้ว ทั้งสองเดินตามหลังองค์หญิงฉังผิงไปที่เรือนขององค์หญิง ขณะที่สาวเท้าก้าวเดินไปด้วยกัน องค์หญิงฉังผิงก็อดไม่ได้เอ่ยขึ้นว่า “จวินเอ๋อร์ เจ้าคิดอย่างไรกัน ไยจึงไม่ให้อู๋สยารีบรับอำนาจปกครองเรือนไป หากปล่อยไปอนาคตคงไม่ดีแน่ อีกทั้ง พระชายาซื่อจื่อไม่ปกครองเรือน พูดออกไปคงไม่ดีต่ออู๋สยา” อย่างไรหนานกงมั่วก็ไม่ใช่องค์หญิง แม้เป็นจวิ้นจู่แต่ก็อยู่ในฐานะพระชายาซื่อจื่อ เป็นถึงฮูหยินน้อยแต่กลับไม่มีอำนาจปกครองเรือน อาจถูกเย้ยหยันเอาได้
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “เสด็จแม่วางใจเป็นพอ ลูกมีแผนอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น…ไม่มีใครกล้ารังแกอู๋สยาอย่างแน่นอน”
องค์หญิงฉังผิงหมุนตัว หันไปมองเว่ยจวินมั่ว “เจ้ายังอยากไปโยวโจวอยู่อีกหรือ”
เว่ยจวินมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “เสด็จแม่ เสด็จลุงยังต้องการให้ลูกไปช่วย ยิ่งไปกว่านั้น จินหลิง…” องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ เอ่ยเรื่อยเฉื่อย “แม่รู้ จินหลิงที่แห่งนี้นั้นเข้มงวดเกินไป เจ้าไม่ชอบก็เป็นไปได้ หากอยู่จินหลิงเจ้าก็คงทำได้เพียงแย่งชิงตำแหน่งจวิ้นอ๋องดังเช่นคุณชายคนอื่นๆ เรื่องไปโยวโจว…เจ้าให้แม่ได้ไตร่ตรองดูเสียก่อน”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “เสด็จแม่ ทุกอย่างยังเร็วไปพ่ะย่ะค่ะ” ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงหรืออื่นใด เอ่ยถึงในยามนี้ยังเร็วไปมาก สำหรับสองพี่น้องคู่ต่อสู้นั้น เว่ยจวินมั่วไม่เคยมีพวกเขาอยู่ในสายตา สำหรับตำแหน่งจวิ้นอ๋องที่ทุกคนปรารถนา เว่ยจวินมั่วก็มิได้คิดสนใจด้วยซ้ำ
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ “ช่างเถิด พวกเจ้าพึ่งแต่งงานเรายังไม่หารือเรื่องนี้กันจะดีกว่า ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าหรอก จวินเอ๋อร์พาอู๋สยาไปเดินเล่นเสียเถิด แม่จะไปพักผ่อนสักหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”
“เสด็จแม่กลับดีๆ นะเพคะ”
มองแผ่นหลังขององค์หญิงฉังผิงเดินจากไป หนานกงมั่วจึงเอ่ยขึ้น “ความจริงรับอำนาจปกครองเรือนมาก็ได้ไม่เป็นไรหรอก เสด็จแม่ดูเหมือน…จะเสียใจมาก” เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ เอ่ย “ไม่จำเป็น เสียเวลาเปล่า เสด็จแม่เพียงกังวลว่าข้าจะไม่มีอำนาจปกครองเรือน” หากมารดาคิดอยากครอบครองอำนาจจริง มีหรือเฝิงซื่อจะยังกุมอำนาจไว้ในมือได้อยู่ สิ่งที่เฝิงซื่อสามารถกำเอาไว้ในมือได้นั่นเป็นเพียงสิ่งที่มารดาไม่ต้องการก็เท่านั้น
เมื่อกลับมาถึงเรือนซูอวิ๋น สาวใช้หลายคนรีบเดินเข้ามาต้อนรับ ผู้ติดตามนั้นยังคงเป็นจ้าวมามา หยางมามาและแม่นมหลาน แม่นมหลานมองเห็นคุณหนูของตนเดินเคียงคู่มากับท่านเขยรอยยิ้มภาคภูมิปรากฏขึ้นเต็มใบหน้า แม้ท่านเขยผู้นี้จะเย็นชาไปบ้างแต่ไม่เหมือนหนานกงไหวอย่างแน่นอน คุณหนูผู้จากไปแล้วหากได้เห็นบุตรเขยผู้นี้คงจะดีใจใช่หรือไม่
“คารวะซื่อจื่อ คารวะพระชายาเจ้าค่ะ” ทุกคนเอ่ยขึ้นโดยพร้อมเพรียง
เดิมเรือนซูอวิ๋นนั้นถูกจัดเตรียมไว้ให้ผู้สืบทอดจวิ้นอ๋อง แน่นอนว่าย่อมมีพื้นที่ไม่น้อย ถนนหวังฝู่ทิศตะวันออกอยู่ใกล้เรือนทั้งสาม ตรงกลางมีสวนดอกไม้เล็กๆ แม้จะเทียบกับเรือนจี้ชั่งของจวนฉู่กั๋วกงไม่ได้แต่สำหรับจวนที่มีผู้คนจำนวนมาก มีแม่เฒ่า จวิ้นอ๋องและองค์หญิงถูกแยกออกไปเป็นส่วนตัว ที่นี่ก็นับว่าไม่เลวนัก
องค์หญิงฉังผิงทุ่มเทให้กับบุตรชายของตนไม่น้อย เว่ยจวินมั่วมีนิสัยเย็นชาไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ ในเรือนมีบ่าวคอยรับใช้เพียงไม่กี่คน เมื่อเปลี่ยนมาอยู่เรือนซูอวิ๋น องค์หญิงฉังผิงจึงคัดสาวใช้ที่สะอาดใสซื่อเป็นที่สุด แม้แต่สาวใช้ทั่วไปยังให้คนของตนสืบสาวตั้งแต่ถูกซื้อมาจากด้านนอก เฝิงซื่อและอนุทั้งหลายที่เดิมทีได้พยายามส่งคนของตนเองเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเรือนซูอวิ๋นจึงถูกคัดออกไปจนหมด ดังนั้นเรือนซูอวิ๋นย่อมที่จะสะอาดเอี่ยมอย่างหาได้ยากยิ่ง สำหรับการดูแลมิให้คนพวกนี้นั้นมีใจทรยศคงต้องเป็นความสามารถของหนานกงมั่วแล้ว
ทั้งสองเดินเข้าไปในเรือน คนของเรือนซูอวิ๋นไม่ว่าตำแหน่งเล็กหรือใหญ่ต่างมายืนรอโดยพร้อมเพรียง หยางมามาก้าวขึ้นมาด้านหน้าแล้วเอ่ยว่า “เดิมไม่ควรรบกวนเวลาของซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อที่พึ่งแต่งงาน เพียงแต่คนเหล่านี้จำเป็นต้องคารวะพระชายาซื่อจื่อก่อนเจ้าค่ะ”