หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 289 ลูกคนอื่นดีกว่า (3)

ตอนที่ 289 ลูกคนอื่นดีกว่า (3)

ตอนที่ 289 ลูกคนอื่นดีกว่า (3)
เซียวเย่ว์อู่ลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจภายใต้สายตาให้กำลังใจของหนานกงไหว “ข้าเพียงอยากถามท่านลุงหนานกง สามารถเปลี่ยนเรือนให้พี่ชายข้าได้หรือไม่เจ้าคะ ข้า…ข้ามิได้รังเกียจว่าเรือนมันไม่ดีนะเจ้าคะ เพียงแต่ ปีหน้าพี่ชายต้องเข้าร่วมการสอบจอหงวนแล้ว ต้องตั้งใจเล่าเรียน อีกทั้งยังต้องไปศึกษาที่สำนักศึกษา เรือนในตอนนี้…เข้าออกไม่สะดวกเท่าใดนัก”

หนานกงไหวเองก็รู้ว่าสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ตอนนี้นั้นค่อนข้างทรุดโทรม ทว่าเนื่องจากเป็นสถานที่ที่หนานกงชวี่จัดเตรียมให้จึงพูดอะไรไม่ได้มากนัก ในตอนที่รับเด็กทั้งสองมา หนานกงไหวรู้สึกขาดความมั่นใจอยู่บ้าง แต่การขาดความมั่นใจนี้เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อผ่านไปได้ไม่กี่วันก็ไม่มีความคิดเช่นนั้นแล้ว ยามนี้ได้ยินเซียวเย่ว์อู่กล่าวเช่นนี้ ไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ หนานกงไหวจึงพยักหน้าเอ่ยตอบว่า “ช่างเถิด เรือนแห่งนั้นเดิมทีก็ไม่เหมาะจะเป็นที่พัก เจ้าย้ายเข้าไปอยู่ที่หอหนิงซวงเถิด นั่นเป็นที่อยู่เดิมของซูเอ๋อร์ มีของครบครัน ส่วนเชียนหนิง…ให้เขาไปอยู่เรือนข้างๆ ฮุยเอ๋อร์เถิด”

เซียวเย่ว์อู่ดีใจ แม้จะเสียดายที่ไม่ได้อยู่เรือนจี้ชั่งอยู่บ้าง แต่นางรู้ดีว่าด้วยฐานะของพวกนางในตอนนี้นั้นไม่อาจปะทะกับหนานกงมั่วได้ ยิ่งไปกว่านั้นหอหนิงซวงเป็นเรือนที่หนานกงซูเคยอยู่ ตลอดหลายปีที่หนานกงมั่วไม่อยู่นั้นหนานกงซูได้รับความรักความเอ็นดูอย่างมาก สถานที่อยู่อาศัยของนางก็คงไม่เลว ที่สำคัญที่สุดก็คือการจัดการเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าหนานกงไหวคิดว่าพวกตนเป็นครอบครัวจริงๆ ไม่ใช่แขกที่เข้ามาพักอาศัย คิดมาถึงตรงนี้ เซียวเย่ว์อู่รับรู้ถึงความสำคัญของมารดาขึ้นมา “ขอบคุณท่านลุงหนานกงมากเจ้าค่ะ ท่านลุงหนานกง…ท่านแม่ของข้าสบายดีหรือไม่เจ้าคะ”

หนานกงไหวยิ้มบางๆ กล่าว “มารดาของเจ้าสบายดี ไม่ต้องกังวล”

“ข้าอยากไปเยี่ยมนาง นางอยู่ที่นั่นผู้เดียวคงจะเหงา…ข้ากลับมาอยู่สุขสบายกินอาหารดีๆ มีเสื้อผ้าดีๆในเรือนฉู่กั๋วกง ช่างไร้ซึ่งกตัญญูจริงๆ”

“เจ้าเป็นเด็กดี” หนานกงไหวเอ่ย “เจ้ากับเชียนหนิงอายุไม่น้อยแล้ว อยู่ในจวนจะดีกว่า ทำอันใดจะได้สะดวกขึ้น”

เซียวเย่ว์อู่ถอนหายใจอย่างเสียดายอยู่ในใจ ดูเหมือนตอนนี้ฉู่กั๋วกงไม่มีความคิดจะรับมารดาเข้ามาอยู่ที่จวนฉู่กั๋วกง นึกถึงการเจอกับหนานกงมั่วอยู่กลางถนนก่อนหน้านี้ เซียวเย่ว์อู่รู้สึกทั้งโกรธทั้งเสียใจขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะพวกเขาใจร้อนเพียงชั่วขณะ ก็คงไม่ต้องมาลำบากถึงเพียงนี้

“นายท่าน แย่แล้วเจ้าค่ะ” ทางด้านนอก บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนพลางร้องตะโกน หนานกงไหวขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยเสียงเข้ม “เกิดเรื่องอันใด”

“คุณชายรอง…คุณชายรองกับคุณชายเซียวทะเลาะกันขอรับ”

“อะไรนะ”

ณ เรือนส่วนหน้าจวนฉู่กั๋วกง หนานกงฮุยแล้วเซียวเชียนหนิงกำลังลงมือใส่กันอย่างสับสนอลหม่าน คนที่ล้อมรอบอยู่ด้านข้างอยากเข้าไปห้ามทว่ากลับโดนลูกหลงไปแล้วไม่น้อย ทำได้เพียงหลบออกมาไม่กล้าเข้าไปห้ามอีก เซียวเชียนหนิงแม้จะดูผอมบางสุภาพแต่ฝีมือกลับไม่เลว หนานกงฮุยที่ไม่เคยฝึกการต่อสู้อย่างจริงจังมาก่อนจึงมีฝีมือด้อยกว่าเซียวเชียนหนิงอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เขาเคยผ่านสนามรบมา ประสบการณ์จึงแข็งแกร่งกว่าเซียวเชียนหนิงที่เอาแต่ฝึกกับผู้ใต้บัญชา เวลาเพียงชั่วครู่เดียวพวกเขาทั้งสองต่างก็ต่อสู้กันตาต่อตาฟันต่อฟัน

ต่อมาเมื่อหนานกงชวี่ทราบเรื่องจึงรีบตามมา เมื่อเห็นภาพนี้ใบหน้าก็ยิ่งทะมึนมากขึ้นไปอีก ยื่นมือไปคว้าตัวบ่าวรับใช้คนหนึ่งและเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

“ราย…รายงานคุณชายใหญ่ คุณชายรองเอ่ยกับคุณชายเซียวอยู่ไม่กี่ประโยค…ไม่รู้ว่าทำไมถึงคุยๆ กันอยู่แล้วก็ลงมือขึ้นมาขอรับ…” พวกเขาอยู่ห่างจึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกันบ้าง หนานกงชวี่กำลังจะปรากฏตัว ด้านหลังกลับได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของหนานกงไหวดังขึ้น “ยังไม่หยุดอีก” ทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันหยุดชะงัก ไม่รู้เหมือนกันว่าใครลงมือก่อนแต่ลงมือกันหนักมาก ทั้งสองต่างล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น แรงกำลังนั้นแทบจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายได้

“สารเลว” หนานกงไหวโมโห รีบสาวเท้าเดินเข้าไปคว้าหนานกงฮุยที่เป็นฝ่ายได้เปรียบโยนออกไปอีกฝั่ง เอ่ยด้วยความโกรธ “พวกเจ้าทำอันใดกัน”

เซียวเชียนหนิงสีหน้าเย็นชาไม่เอ่ยสิ่งใด หนานกงฮุยยกมือชึ้นปัดเศษดินบนใบหน้า ส่งเสียงหยัน “มองแล้วไม่ถูกชะตา เลยสั่งสอนเขาสักหน่อย”

“สารเลว” หนานกงไหวต่อว่าด้วยความโกรธ “เจ้าปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือ ไม่ถูกชะตาก็ลงมือหรือ” หนานกงฮุยกลอกตา เบ้ปากเอ่ย “ข้าไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน เข้ามาอาศัยเขาอยู่ยังไม่รู้สำนึก โลภมากอยากได้เรือนของมั่วเอ๋อร์ ไม่ตีเขาแล้วจะไปตีใคร” เดิมทีเพราะหนานกงฮุยไม่อยู่จึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนจี้ชั่งเมื่อวาน แต่วันนี้ได้รู้จากบ่าวรับใช้เข้า หนานกงฮุยได้ยินแล้วโมโหจึงไปหาเซียวเชียนหนิงสองพี่น้อง พอดีเห็นเซียวเชียนหนิงอยู่ที่หน้าประตู ทั้งสองเอ่ยวาจารุนแรงไม่ลงรอยกันสุดท้ายจึงต่อยตีกันขึ้นมา

“หุบปาก” หนานกงไหวสูดหายใจเข้าลึกไปหนึ่งครั้ง กัดฟันเอ่ย “มารดาของเชียนหนิงคือฮูหยินจวนฉู่กั๋วกงในอนาคต พวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน รู้หรือไม่”

หนานกงฮุยหัวเราะหยัน “ข้าคงไม่อาจเอื้อม”

เซียวเชียนหนิงเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “ไม่อาจเอื้อมจวนฉู่กั๋วกง”

หนานกงฮุยเลิกคิ้ว มองเซียวเชียนหนิงอย่างดูถูก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โอ้ เช่นนั้นก็ดี เชิญสิ เด็กๆ ไปช่วยคุณชายเซียวและแม่นางเซียวเก็บเสื้อผ้าออกมา ข้าออกไปข้างนอกคนจะได้ไม่มานินทาลับหลัง” หลายวันมานี้หนานกงฮุยคิดว่าตนเองนั้นได้รับมันมามากพอแล้ว เพียงเดินออกประตูไปก็มีคนคอยซุบซิบนินทาลับหลัง คนที่ไม่รู้จะคิดว่าเขาหนานกงฮุยไปทำเรื่องน่าอายเอาไว้

เซียวเชียนหนิงโกรธจนใบหน้าเขียวปั๊ดร่างกายสั่นไปทั่วทั้งตัว หมุนตัวสะบัดแขนเสื้อกำลังจะเดินมุ่งหน้าออกไปด้านนอก

หนานกงไหวรีบคว้าจับเขาเอาไว้ หันกลับมาตะคอกใส่หนานกงฮุย “ลูกชั่ว ยังไม่ขอโทษเชียนหนิงอีก”

ใบหน้าของหนานกงฮุยพลันแดงก่ำ กัดฟันเอ่ย “ไม่มีทาง” เขาทำอะไรผิด ถึงต้องไปขอโทษบุตรชายของสตรีนางนั้น

“บังอาจ” หนานกงไหวเกรี้ยวกราด วาจาเช่นนี้ของหนานกงฮุยไม่เพียงเสียมารยาทต่อเซียวเชียนหนิง ยิ่งกว่านั้นยังเป็นการยั่วยุบิดาเช่นเขาอีกด้วย “ขอโทษเดี๋ยวนี้”

หนานกงฮุยเชิดปลายคางขึ้น เอ่ยด้วยท่าทีทะนงตน “ขอโทษอันใด ขอท่านพ่อได้โปรดชี้แนะ คุณชายเซียว ท่านต้องการให้ข้าขอโทษท่านเรื่องอันใดหรือ เอ่ยมาให้ข้าฟังสักหน่อย” เซียวเชียนหนิงหน้าตึง เอ่ยเสียงแข็ง “ไม่กล้าให้คุณชายหนานกงขอโทษหรอก เป็นพวกข้าสองพี่น้องที่ไม่ควรอยู่ที่นี่”

“รู้ก็ดี”

“บังอาจ เด็กๆ ลากลูกสารเลวผู้นี้ออกไปโบยยี่สิบไม้” หนานกงไหวเอ่ยเสียงเกรี้ยวกราด

ชั่วขณะนั้นบ่าวรับใช้ที่อยู่ในสถานการณ์ต่างลังเลอยู่ชั่วครู่ แม้ว่าคุณชายรองต่อยกับแขกจะไม่ถูกต้อง แต่เรื่องเช่นนี้ตบมือข้างเดียวคงไม่ดัง จะโทษคุณชายรองฝ่ายเดียวได้เยี่ยงไร ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายเซียวผู้นี้พึ่งเข้ามาอยู่เพียงสองสามวันก็ทำให้คุณชายรองโดนโบยแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวหายนะ

“ท่านพ่อ” หนานกงชวี่ดึงหนานกงฮุยไปอยู่ด้านหลังของตน เอ่ยเสียงเข้ม หนานกงไหวจ้องเขาเขม็ง เอ่ยถาม “ทำไม เจ้าก็คิดกระด้างกระเดื่องหรือ”

หนานกงชวี่หลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพ่อจะโบยลูกของตนเพราะคนนอกเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือขอรับ”

หนานกงไหวชะงัก ใบหน้าอ่อนลง “เชียนหนิงเป็นแขก เขามีความเป็นเจ้าบ้านสักนิดหรือไม่ ขอโทษเชียนหนิงซะ ยี่สิบไม้นี้จดเอาไว้ก่อน”

“ไม่มีทาง” ใบหน้าของหนานกงฮุยแดงขึ้น กัดฟันไม่มีทางยอมรับผิด “ก็แค่ยี่สิบไม้มิใช่หรือ ถ้ากล้า ท่านก็ตีข้าให้ตายเสียสิ”

“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ” หนานกงไหวเอ่ยด้วยความโกรธ

หนานกงฮุยยิ้มเย็น ปรายตามองเซียวเชียนหนิงเล็กน้อย “ท่านกล้าอยู่แล้ว ตีข้าให้ตายก่อนค่อยทำให้พี่ใหญ่ตายจะได้หมดๆ ไปสักที”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท