ตอนที่ 297 น้ำของราชวงศ์ลึกเกินไป (1)
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของนายท่านลิ่นจึงทะมึนขึ้น “ใครกัน ไยจึงไม่ออกมาคุยกัน หลบๆซ่อนๆ ไม่กล้าออกมาเจอหน้ากันหรือ”
“ที่ไหนเล่า ไม่ใช่เพราะว่าตกใจคำขู่ของนายท่านลิ่นหรอกหรือ” หนานกงมั่วเดินออกมาจากประตู กวาดตามองผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อนจะเดินไปหาลิ่นฉังเฟิง “มีคนมาก่อเรื่องไยจึงไม่บอกข้าสักนิด คงมิใช่เพราะเป็นคนในครอบครัวของเจ้าจึงคิดปิดบังหรอกหนา สำหรับข้ามิตรก็ส่วนมิตร แต่การค้าก็ส่วนการค้านะ”
ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้ว ยิ้มพลางตอบ “แม่นางมั่วมาได้เยี่ยงไร”
หนานกงมั่วชี้ไปด้านนอก “ไม่เพียงข้าเท่านั้น ข้ามากับชิงสิง”
ลิ่นฉังเฟิงชะงัก ไม่เพียงหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วสองคนอย่างนั้นหรือ ยังมีใครอีกที่ไม่สามารถเอ่ยตรงๆ แต่ต้องบอกเป็นนัยเช่นนี้ เมื่อลองคิดดูว่าช่วงนี้หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ววันๆ ใช้ชีวิตอยู่ที่ใด สีหน้าของลิ่นฉังเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยถาม “ข้าต้อง…เอ่อ ไปทักทายหรือไม่”
หนานกงมั่วส่ายหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยว่ากัน มาคุยเรื่องผู้นี้กันก่อนเถิด” หนานกงมั่วไล่สายตามองก้อนตำลึงเงินที่กระจัดกระจายเกลื่อนไปทั่วพื้น เอ่ยต่อ “ฉังเฟิง นี่เจ้า…ช่วงนี้ใช้เงินไม่หมดจึงเอามาเล่นแบบนี้หรือ” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “เป็นเยี่ยงไร ของเล่นที่ข้าคิดมาใหม่ จะเล่นด้วยกันหรือไม่”
หนานกงมั่วส่ายหน้า เอ่ย “สิ้นเปลืองเกินไป มิสู้เปลี่ยนเป็นซาลาเปาเนื้อดีหรือไม่ ไม่ทำให้บาดเจ็บ เงินไม่กี่ร้อยของเจ้าจะพอทำอันใดได้ เปลี่ยนเป็นซาลาเปาเนื้อถ้าทำให้คนจุกจนตายก็ฝังเขาได้เลย”
“นั่นไม่ได้” ลิ่นฉังเฟิงรีบปฏิเสธ “ก้อนตำลึงเงินปาเสร็จแล้วยังเก็บคืนมาได้ ซาลาเปาเนื้อหากปาออกไปแล้ว…มีประโยคหนึ่งเอ่ยว่าเยี่ยงไรนะ…”
เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ซาลาเปาเนื้อตีหมา…ไปแล้วไม่กลับมา”
“ใช่ ขว้างออกไปแล้วไม่กลับคืนมา” ลิ่นฉังเฟิงดีดนิ้ว มองไปยังหนานกงมั่วพลางส่ายศีรษะด้วยความเจ็บปวด “แม่นางมั่ว หาเงินไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องประหยัด”
หนานกงมั่วจนคำพูด
“เจ้าเป็นใครกันแน่” นายท่านลิ่นใบหน้าดำทะมึนราวกับหมึก เอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ ลิ่นฮูหยินรีบคว้าเขาเอาไว้ “ท่านนี้คือพระชายาผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง” นายท่านลิ่นไม่เคยเจอตัวจริงของหนานกงมั่ว ทว่าลิ่นฮูหยินนั้นเคยเห็นตามงานเลี้ยงอยู่บ้านครั้งสองครั้ง
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “มิกล้า ท่านซื่อจื่อของเรายังไม่ทันขึ้นรับตำแหน่งจวิ้นอ๋องเลย คงรับเกียรติที่ลิ่นฮูหยินมอบให้มิได้ เจ้าดูท่านซื่อจื่อของเราสิ นี่ก็ไม่กล้าเข้ามาแล้ว” ลิ่นฮูหยินรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าคำพูดของนายท่านเมื่อสักครู่หนานกงมั่วได้ยินอย่างชัดเจนและเก็บใส่ใจเอาไว้เรียบร้อย
นายท่านลิ่นเองรู้ว่าตนเองพลาดไป แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่ยอมขายหน้าเอ่ยขอโทษหนานกงมั่ว จึงทำราวกับไม่ได้ยินแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ข้ากำลังคุยกับสุนัข เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายาซื่อจื่อมิใช่หรือ” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “นายท่านลิ่นจะสั่งสอนบุตรชายแน่นอนไม่เกี่ยวอันใดกับข้า แต่เรื่องที่ทุกท่านสามวันโผล่มาหอเทียนอีสองหัว กินข้าวไม่จ่ายเงินนั่นเกี่ยวกับข้าแล้ว ขอถาม…นายท่านลิ่นมีความขัดแย้งต่อข้าและซื่อจื่อหรือไม่ ถ้าเช่นนั้น ไยจึงต้องมาก่อเรื่องที่หอเทียนอีเล่า”
“หอเทียนอีเป็นกิจการของพระชายาซื่อจื่อหรือ” นายท่านลิ่นเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าทำร่วมกับคุณชายฉังเฟิง นายท่านลิ่นมีปัญหาใดหรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยถาม นางไม่ได้โกหกจริงๆ ก่อนหน้านี้ทำสัญญากับลิ่นฉังเฟิง กิจการที่ยกหน้าที่ดูแลจัดการให้ลิ่นฉังเฟิง ล้วนมีส่วนของเขาด้วย นายท่านลิ่นส่งเสียงหยัน เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะบอกพระชายาซื่อจื่อตรงนี้ ต่อไปลิ่นฉังเฟิงจะไม่ทำกิจการร่วมกับท่านแล้ว พระชายาซื่อจื่อหาคนเก่งคนอื่นมาทำแทนเถิด”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว มองไปยังลิ่นฉังเฟิง ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ “คำพูดของข้าเชื่อถือได้”
นายท่านลิ่นยิ้มเย็น “ทำไมหรือ บิดาเช่นข้าตัดสินใจแทนเจ้ามิได้หรือ”
หนานกงมั่วยิ้มหวาน “ในเมื่อนายท่านลิ่นต้องการตัดสินใจแทนคุณชายฉังเฟิง เช่นนั้น พวกเรามาคำนวณค่าผิดสัญญาดีหรือไม่”
“ค่าผิดสัญญาหรือ” นายท่านลิ่นขมวดคิ้ว หนานกงมั่วเอ่ย “ข้าควักเงินจำนวนมากลงทุนร่วมกับคุณชายฉังเฟิง จะไม่ป้องกันหากเกิดเรื่องหน่อยหรือ หากคุณชายฉังเฟิงถอนตัวออกไปด้วยเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล จำต้องชดเชยค่าเสียหายในทุกๆ กิจการสิบเท่า เงินจำนวนนี้ นายท่านลิ่นท่านจะจ่ายหรือ”
“เหลวไหล” นายท่านลิ่นโกรธเกรี้ยว “บนโลกใบนี้มีวิธีเช่นนี้ด้วยหรือ”
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอเพียงเป็นสัญญาที่ข้าและคุณชายฉังเฟิงยินยอม แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว ในเมื่อนายท่านลิ่นรักบุตรชายเพียงนี้ มิสู้เรามาคำนวณจำนวนเงินดูหรือไม่ ข้าเองก็จะไม่ต้องการพูดให้มากความ กิจการข้าที่อยู่ในมือคุณชายฉังเฟิงราคาต่ำสุดประมาณสี่แสนตำลึง นายท่านลิ่นโปรดเตรียมเงินสี่ล้านตำลึงมาไถ่คนเถิด”
“เจ้า!”
ลิ่นฉังเฟิงยิ้มจนตาหยี “ท่านพ่อ แม่นางมั่วกล่าวไม่ผิดเลย บอกความจริงแก่ท่าน ข้าได้ขายตนเองให้ซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อแล้ว ดังนั้นจึงได้มีเงินจำนวนมากมาร่วมลงทุนกิจการร่วมกับพระชายาซื่อจื่อ ท่านพ่อ ลูกรอท่านมาช่วยข้าออกจากกองไฟนะขอรับ”
“เจ้า…เจ้า…”
สี่ล้านตำลึง ต่อให้ตระกูลลิ่นถึงขั้นทุบหม้อขายเหล็กเกรงว่าคงไม่อาจรวบรวมเงินได้มากถึงเพียงนั้น อย่าว่าแต่ตระกูลลิ่น กระทั่งหนานกงมั่วรวมกับวังจื่อเซียวของเว่ยจวินมั่ว กระทั่งสมบัติขององค์หญิงฉังผิง ระยะเวลาสั้นๆ คงไม่มีทางหาเงินมากมายเพียงนี้ได้ บนโลกใบนี้ คนเดียวที่สามารถควักเงินจำนวนนี้ออกมาได้…มีเพียงฮ่องเต้ หากนายท่านลิ่นสามารถนำเงินจำนวนนี้ออกมาไถ่ตัวลิ่นฉังเฟิงได้จริงๆ ละก็ หนานกงมั่วคิดว่าตนเองคงขายเขาโดยไม่ลังเล
“นายท่าน…นายท่านอย่าได้โกรธ…” ลิ่นฮูหยินนวดหน้าอกคลายความโกรธของนายท่านลิ่น เกรงว่าหากโมโหมากๆ เข้าเขาจะเผลอตอบรับออกไป ความจริงเป็นนางที่กังวลมากเกินไป อย่าว่าแต่ลิ่นฉังเฟิงคนเดียว ต่อให้มีลิ่นฉังอานเพิ่มมาด้วยเขาก็ไม่มีเงินมากมายไปไถ่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านลิ่นเองก็ไม่คิดจะเชื่อคำพูดของหนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิง แต่เรื่องมาถึงตรงนี้ นายท่านลิ่นไม่รับปากแสดงว่าไม่รักบุตรชาย คุณชายฉังเฟิงถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า “ที่แท้ในสายตายของท่านพ่อ ลูกชายคนนี้ก็ไม่ได้มีค่าแต่อย่างใด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านพ่อก็ไม่ต้องสนใจข้าแล้ว ข้าจะเป็นวัวเป็นม้าให้เว่ยซื่อจื่อและแม่นางมั่ว พยายามเก็บเงินมาไถ่ตนเองก็ได้”
เอ่ยจบ คุณชายฉังเฟิงจึงโบกมือส่ายศีรษะเดินหนีไป ท่าทางราวกับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง
ชั่วครู่ เสียงคุณชายฉังเฟิงก็ดังลอดประตูเข้ามา “อย่าลืมเก็บก้อนตำลึงเงินด้วย แล้วก็ จัดการเก็บเงินค่าอาหารของคนตระกูลลิ่นให้เรียบร้อย”
มองใบหน้าบิดเบี้ยวทะมึนของคุณตระกูลลิ่น หนานกงมั่วเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย หันกลับไปออกคำสั่งกับเสี่ยวเอ้อร์ “ทำตามที่คุณชายฉังเฟิงบอก เชิญนายท่านลิ่นจ่ายเงินค่าอาหารให้เรียบร้อยด้วย”
“ขอรับ พระชายาซื่อจื่อ” เสี่ยวเอ้อร์ตอบรับเสียงดังด้วยความดีใจ เครือญาติตระกูลลิ่นอาศัยที่คุณชายฉังเฟิงเป็นเจ้าของหอเทียนอีมักมากินข้าวที่หอเทียนอีราวกับเป็นเจ้าของ ซ้ำยังไม่เคยจ่ายเงิน บางครั้งคุณชายฉังเฟิงอยู่ก็สั่งคนจับตัวโยนออกไป แต่บางครั้งคุณชายฉังเฟิงไม่อยู่พวกเขาที่เป็นผู้น้อยย่อมไม่กล้าล่วงเกินคนตระกูลลิ่น ยิ่งไปกว่านั้น อย่างไรตระกูลลิ่นก็เป็นตระกูลชนชั้นสูงในจินหลิง ต่อให้ไม่มีความสัมพันธ์กับคุณชายฉังเฟิงก็ไม่ใช่ว่าผู้น้อยเช่นพวกเขาจะไปหาเรื่องได้ เพียงแต่ตระกูลมีชื่อเสียงล้วนรักหน้าตา มีไม่กี่คนหรอกที่จะมากินดื่มแล้วไม่จ่ายเงินเช่นพวกเขาเหล่านี้