หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 337 งดงามมากกว่าซีจือ (1)

ตอนที่ 337 งดงามมากกว่าซีจือ (1)

ตอนที่ 337 งดงามมากกว่าซีจือ (1)
ได้ยินองค์หญิงฉังผิงเอ่ยเช่นนี้ พลันรู้สึกไม่ได้ดั่งใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่าความคิดของฮ่องเต้และองค์หญิงฉังผิงนั้นแตกต่าง ในความคิดของพระองค์ขอเพียงองค์หญิงฉังผิงและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยังเป็นสามีภรรยา ไม่ว่าองค์หญิงฉังผิงจะทรมานคนในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอย่างไรก็ย่อมได้ ทางที่ดีคือจัดการคนในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องให้อยู่หมัด เช่นนี้แล้วก็จะไม่สูญเสียอำนาจของราชวงศ์ ทั้งยังไม่ทำให้เชื้อพระวงศ์เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ความคิดขององค์หญิงฉังผิงคือไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก นั่นก็คือการอยู่ให้ห่างยิ่งไกลยิ่งดี ต่อไปอย่าได้พบเจอกันอีก และเพราะสถานการณ์ในช่วงนี้ ฮ่องเต้จึงมิได้ตอบตกลงคำร้องขอขององค์หญิงฉังผิงในทันที

องค์หญิงฉังผิงหลุบตาลง เอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม “ลูกไม่อยากให้จวินเอ๋อร์และอู๋สยาต้องลำบาก ขอเสด็จพ่อได้โปรดยินยอมด้วยเพคะ”

ฮ่องเต้เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ลำบากหรือ หากเป็นผู้มีความสามารถใครจะกล้าสร้างความลำบากให้พวกเขา เอ่ยมาถึงตรงนี้ก็ยังคงเป็นเพราะเจ้า แม้แต่เว่ยหงเฟยก็ยังเอาไม่อยู่”

องค์หญิงฉังผิงยิ้มขมขื่น เมื่อครั้งที่นางแต่งออกไปกับเว่ยหงเฟยเพียงอยากใช้ชีวิตกับเขาไม่ได้คิดจะเอาตำแหน่งองค์หญิงของตนไปกดเขา ใครจะรู้ว่าต่อมา…ต่อจากนั้น หัวใจนางกลับต้องมาแตกสลาย เพียงอยากเลี้ยงดูเว่ยจวินมั่วให้เติบใหญ่ ไหนเลยจะมีกะจิตกะใจไปช่วยเว่ยหงเฟยดูแลตระกูล ดูแลเชื้อสายรองพวกนั้นได้

ฮ่องเต้ปรายตามองหนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยถาม “เด็กหนานกง เจ้ามีความเห็นเช่นไร”

หนานกงมั่วเม้มริมฝีปาก เอ่ยตอบ “ทูลฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไร…พวกเราและเสด็จแม่ก็ย้ายออกมาจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแล้ว อย่างไรเสีย…คนกว่าครึ่งจินหลิงก็ได้เห็นพวกเราขนย้ายสัมภาระออกมาจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแล้ว ตอนนี้หากให้กลับไป เกรงว่า…” สีหน้าของฝ่าบาทไม่น่ามองขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาสนใจเพียงว่าหากหย่าร้างชื่อเสียงของธิดาคงไม่ดี ทว่าลืมไปว่าหากให้องค์หญิงฉังผิงกลับคืนมา เชื้อพระวงศ์คงได้เสียหน้าไม่น้อย

“เช่นนั้นเจ้าว่าทำอย่างไรดีเล่า” ฮ่องเต้เอ่ยถาม

หนานกงมั่วยิ้มบาง “ในเมื่อฝ่าบาทไม่ต้องการให้เสด็จแม่หย่าขาดจากจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เช่นนั้นฝ่าบาทก็ประทานจวนองค์หญิงให้พวกเราได้อยู่ดูแลเสด็จแม่ที่แยกออกมาจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องก็น่าจะได้เพคะ”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “นี่มันต่างกันเช่นไร”

“องค์หญิงทุกพระองค์เมื่อออกเรือนก็ต้องมีจวนองค์หญิง ยามนี้เสด็จน้าเจ็ดก็อาศัยอยู่ที่จวนของตนเองมิใช่หรือเพคะ แน่นอนว่าเสด็จแม่เองก็ทำได้ ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของเสด็จแม่และจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนั้นไม่มีมานานแล้ว จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเองก็มีชายารองเชื้อสายรอง เสด็จแม่มาอยู่ที่จวนองค์หญิงมีพวกเราคอยดูแล นี่ไม่ทำให้แต่ละฝ่ายพึงพอใจหรอกหรือเพคะ องค์หญิงแยกมาอยู่ในจวนองค์หญิงก็เป็นเรื่องเหมาะสมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือชาวบ้านธรรมดาก็ไม่อาจว่าอันใดได้ ไยฝ่าบาทต้องลังเลใจเล่าเพคะ”

ฮ่องเต้มองไปยังองค์หญิงฉังผิง “ฉังผิง เจ้าว่าเยี่ยงไร”

องค์หญิงฉังผิงเอ่ย “อู๋สยากล่าวถูกแล้วเพคะ ไม่ว่าอย่างไรลูกก็ไม่คิดกลับไปยังจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอีกแล้ว เสด็จพ่อได้โปรดเห็นใจด้วยเพคะ”

เนิ่นนาน ฮ่องเต้จึงถอนหายใจออกมาพลางโบกมือ “ช่างเถิด ในเมื่อเป็นเช่นนี้งั้นข้าจะประทานจวนองค์หญิงให้กับเจ้า อยู่ที่…อยู่ข้างจวนเยี่ยนอ๋องเถิด”

“ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อ” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยด้วยความยินดี รีบกล่าวขอบคุณ แม้เสด็จพ่อไม่ได้ยินยอมให้นางหย่าร้างกับเว่ยหงเฟย แต่ว่าความจริงเรื่องนี้ไม่มีผลแต่อย่างใด จวนองค์หญิงอย่าว่าแต่เป็นสถานที่ที่ทำให้ชื่อเสียงของนางและเว่ยหงเฟยยังอยู่ ต่อให้เป็นราชบุตรเขยก็ไม่อาจเข้าออกได้ตามใจชอบ ขอเพียงนางไม่ต้องการ ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่ต้องเจอเว่ยหงเฟยและคนจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอีกแล้ว

“ทูลฝ่าบาท จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอก ขันทีเอ่ยรายงานด้วยท่าทางนอบน้อม ฮ่องเต้ใบหน้าหนักอึ้ง เอ่ยเสียงเย็น “เขายังกล้ามา” แม้ไม่ยินยอมให้หย่าร้าง แต่มิได้หมายความว่าฮ่องเต้จะโปรดราชบุตรเขยผู้นี้ “ให้เขาเข้ามา”

ชั่วครู่หนึ่ง เว่ยหงเฟยก็เดินเข้ามา มองเห็นองค์หญิงฉังผิงและหนานกงมั่วยืนอยู่อีกฝั่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “กระหม่อมถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรองค์หญิง”

ภายในห้องใหญ่กลับได้ยินเสียงหึเบาๆ “ถวายพระพรองค์หญิงหรือ เว่ยหงเฟยเจ้าช่างกล้านัก ในสายตาเจ้ายังมีองค์หญิง ยังมีฮ่องเต้เช่นข้าอยู่อีกหรือ”

เว่ยหงเฟยรีบคุกเข่าลงบนพื้น เอ่ย “ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย กระหม่อมไร้ความสามารถ ปล่อยให้เชื้อสายรองล่วงเกินเบื้องสูง เสียมารยาทต่อองค์หญิง กระหม่อมมาขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ยิ้มเย็น เอ่ย “ในเมื่อเจ้ามาขอรับโทษด้วยตนเอง ข้าก็จะไม่ทำโทษเจ้า เชื้อสายรองในจวนของเจ้าห้ามจ้างงานอีก ลูกหลานสามช่วงอายุห้ามเข้ารับราชการในราชสำนัก อีกทั้งชายารองของเจ้า เสียมารยาทต่อองค์หญิง ถอดขั้นให้เป็นอนุ โทษหนักสามสิบไม้”

“ฝ่าบาท…” เว่ยหงเฟยอดทนแทบไม่ได้ เงยหน้าขึ้นมองสบประสานกับสายตาคมมีอายุของฮ่องเต้ ราวกับจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มจับจ้องมาที่ตน “ทำไมหรือ ไม่พอใจกับการลงโทษของข้าหรือ”

“กระหม่อมมิกล้า ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา” เว่ยหงเฟยรีบเอ่ยตอบ

ฮ่องเต้พยักหน้าก่อนจะเอ่ย “ฉังผิงแต่งงานและอยู่ที่จวนกับเจ้ามาหลายปีก็ไม่มีเรื่องใดดี ข้าประทานจวนองค์หญิงให้หนึ่งหลัง มีซื่อจื่อเว่ยจวินมั่วและพระชายาซื่อจื่อหนานกงมั่วคอยอยู่เคียงข้าง”

เว่ยหงเฟยหัวใจหนักอึ้ง มององค์หญิงฉังผิงที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าเฉยชาชั่วครู่ไม่รู้ในใจรู้สึกอย่างไร สิ่งเดียวที่ยังคงดีใจคือฝ่าบาทยังมิได้ให้เขาและองค์หญิงหย่าร้างกัน เพียงแต่ย้ายออกไปอยู่จวนองค์หญิง เว่ยหงเฟยรู้จักนิสัยขององค์หญิงฉังผิงเป็นอย่างดีนี่เป็นการตัดสินใจตัดขาดจากเขาแล้วจริงๆ ต่อไปเกรงว่าหากต้องการพบองค์หญิงคงมิใช่เรื่องง่ายอีกแล้ว

แม้ในใจจะไม่ยินยอม แต่เมื่อมองเห็นสายตาข่มขู่ของฮ่องเต้ตรงหน้า เว่ยหงเฟยจำต้องเอ่ยตอบ “กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา”

กลับออกมาจากวังหลวงเพียงหนานกงมั่วและองค์หญิงฉังผิงสองคน ส่วนเว่ยจวินมั่วนั้นมีธุระต้องสะสาง ไม่สามารถวิ่งแจ้นไปทั่วได้ตลอดทั้งวัน หนานกงมั่วกำลังจะประคององค์หญิงฉังผิงขึ้นรถม้า เสียงเว่ยหงเฟยพลันดังขึ้นด้านหลัง “ฉังผิง…”

องค์หญิงฉังผิงหันกลับมา สายตาราบเรียบมองไปยังเว่ยหงเฟย เอ่ยว่า “จิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เรียกข้าว่าองค์หญิง”

เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาตึงขึ้น สองมือทิ้งลงข้างกายกำแน่น กัดฟันเอ่ย “องค์หญิง ท่านจะตัดความสัมพันธ์เราเช่นนี้จริงๆ หรือ”

องค์หญิงฉังผิงราวกับได้ยินเรื่องน่าขัน เลิกคิ้วพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตัดความสัมพันธ์หรือ ข้าทำสิ่งใดให้ท่านคิดว่าข้าตัดความสัมพันธ์หรือ หลายปีมานี้…เรื่องที่ท่านทำไม่เรียกว่าตัดความสัมพันธ์หรอกหรือ”

เว่ยหงเฟยกัดฟัน เอ่ยเสียงดัง “ข้าให้โอกาสท่านอธิบาย ไยท่านจึงไม่เคยเอ่ย ท่านก็บอกมาสิ ขอเพียงท่านบอกมาข้าก็จะเชื่อ” องค์หญิงฉังผิงยังคงนิ่ง “ข้าพูดสิ่งใดไปท่านก็จะเชื่ออย่างนั้นหรือ” เว่ยหงเฟยเงียบ องค์หญิงฉังผิงเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี่ ยังมีเรื่องใดต้องพูดกันอีก หากท่านเชื่อข้าสักนิด…ยามนั้นทำไมไม่ฟังทว่าทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต เกือบทำลายชีวิตของจวินเอ๋อร์ เอ่ยมาถึงตรงนี้ เจ้าก็ยังคิดว่าข้าไร้ซึ่งคุณธรรม อีกทั้งยังอาศัยตำแหน่งองค์หญิงมากดขี่ท่าน ดังนั้นท่านจึงต้องแข็งแกร่งกว่า ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ใช่หรือไม่ เรื่องนี้…ทำลายชื่อเสียงของข้า ทำให้ตระกูลของเจ้ามีตำแหน่งจวิ้นอ๋อง เว่ยหงเฟย เจ้ายังใช้อำนาจราชบุตรเขยรับชายารอง ใช้ชีวิตมีความสุขมาตลอดยี่สิบกว่าปี กระทั่งตอนนี้เจ้าก็ยังคงคิดว่าเจ้าตัดสินใจถูกแล้วใช่หรือไม่”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท