หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 377 เป้าหมายคือยั่วโมโหฮ่องเต้ (2)

ตอนที่ 377 เป้าหมายคือยั่วโมโหฮ่องเต้ (2)

ตอนที่ 377 เป้าหมายคือยั่วโมโหฮ่องเต้! (2)
นายท่านตระกูลฉินวางถ้วยน้ำชาลง กวาดตามองคนรอบๆ แล้วจึงเอ่ย “ทุกคนมารวมตัวกันครั้งนี้ ข้าเองก็อยากถามเช่นกันว่าพวกท่านคิดเห็นเช่นไร”

ท่ามกลางหมู่คน ใครบางคนเอ่ยวาจาแปลกประหลาดขึ้นว่า “คุณชายคุณหนูตระกูลฉินมีความสัมพันธ์อันดีกับบุตรชายอันเป็นที่รักขององค์หญิงฉังผิงและซิงเฉิงจวิ้นจู่ ฉะนั้นตระกูลฉินไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอกขอรับ”

นายท่านตระกูลฉินเงยหน้าขึ้นมอง เขาผู้นั้นคือนายน้อยตระกูลเหลียน ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหลียนและตระกูลฉินไม่ดีนัก ไม่น่าแปลกใจที่นายน้อยตระกูลเหลียนเอ่ยทำนองนี้ในเวลาเช่นนี้ ถึงขั้นมีบางคนคิดแบบนี้ได้ นายท่านตระกูลฉินยังคงสีหน้าเรียบเฉย เพียงเหลือบมองเขาเล็กน้อย หากสั่งสอนคุณชายตระกูลเหลียนในสถานการณ์เช่นนี้จะกลายเป็นว่าเขาไม่มีความอดทนมากพอ อาศัยฐานะนายท่านตระกูลฉินและความอาวุโสรังแกผู้ต่ำต้อยกว่า

ฉินจื่อซวี่เงยหน้าขึ้น ยิ้มแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ในแง่ของความสัมพันธ์ มิใช่ว่าตระกูลเหลียนใกล้ชิดกับฝ่าบาทยิ่งกว่าหรือ ไยไม่เข้าเฝ้าไปร้องขอชีวิตต่อฝ่าบาทเล่า”

สีหน้าทุกคนดูแปลกไปเล็กน้อย แต่สายตาที่มองไปยังบิดาและบุตรตระกูลฉินนั้นน้อยลงมาก มิใช่ว่าในบรรดาตระกูลขุนนางไม่เคยพยายามเจราจากับฮ่องเต้ ตอนที่เพิ่งก่อตั้งอาณาจักรเซี่ยอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ขึ้น ตระกูลเหลียนแทบรอไม่ไหวรีบส่งบุตรีคนโตผู้สง่างามที่สุดของตระกูลเข้าวัง หากเป็นฮ่องเต้องค์อื่น วิธีนี้ก็น่าจะได้ผล แต่ความเป็นจริงอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่เพิ่งก่อตั้งขึ้น การดึงพวกตระกูลขุนนางชั้นสูงมาเป็นพวกเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้พึงกระทำ ทว่าฮ่องเต้องค์นี้กลับทำตรงกันข้าม นางสนมจากตระกูลเหลียนเข้าวังไปสามปีก็ยังไม่ได้เห็นแม้แต่พระพักตร์ฮ่องเต้ด้วยซ้ำ ห้าปีต่อมานางก็ตายในวังอย่างน่าสมเพชโดยไม่มีแม้แต่ตำแหน่งใดๆ เลย หลังจากนั้นตระกูลเหลียนก็ถูกฮ่องเต้ปราบปรามอย่างหนัก ทำให้ตระกูลเหลียนซึ่งเดิมอยู่ในแนวหน้าของสิบตระกูลขุนนางชั้นสูงกลายเป็นเพียงตระกูลระดับกลางเท่านั้น

ด้วยเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้เหล่าตระกูลขุนนางตระหนักถึงความขัดแย้งระหว่างอำนาจฮ่องเต้และตระกูลขุนนางที่ไม่สามารถประนีประนอมได้ ที่ราบภาคกลางเกิดความโกลาหลมานานกว่าร้อยปีกว่าจะสงบลงก็มิใช่เรื่องง่ายจึงไม่มีใครต้องการก่อสงครามขึ้นอีก ในอีกด้านหนึ่งหลังจากราชวงศ์ก่อนหน้าล่มสลายแล้ว พวกป่าเถื่อนเป่ยหยวนก็บุกรุกเข้ามาในที่ราบภาคกลาง ลูกหลานตระกูลขุนนางอย่างพวกเขาซึ่งอาศัยอยู่แถบเจียงหนานมานานกว่าร้อยปีไม่สามารถขับไล่ชาวเป่ยหยวนออกไปได้ แต่เซียวเทียนอวี้สามารถทำสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว พวกเขาก็ไม่มีหน้าจะทำอันใดแล้ว หากเกิดสงครามขึ้นอีก อย่าว่าแต่ทอดทิ้งประชาชนเลย แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็คงเอาตัวไม่รอดเช่นกัน

ฮ่องเต้ผู้เกิดในครอบครัวยากจนและมีนิสัยแข็งกร้าว กับตระกูลขุนนางที่ครองความมั่งคั่งและอำนาจอันยิ่งใหญ่ในอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่นั้นถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่สามารถเข้ากันได้ มิใช่ว่าพวกเขามีความคิดกบฏ เพียงแต่ฮ่องเต้ไม่สามารถยอมรับการมีอยู่ของพวกเขาได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาสบายใจได้ในยามนี้คือพระชนมายุของฮ่องเต้นั้นไม่น้อยแล้ว มิเช่นนั้น หากปล่อยนานไป พวกเขาคงรับมือไม่ไหวแน่ ดังคำกล่าวที่ว่าอำนาจฮ่องเต้ยิ่งใหญ่กว่าสวรรค์ ถ้อยคำนี้มิใช่เรื่องล้อเล่นแต่อย่างใด

เมื่อถูกฉินจื่อซวี่โต้กลับอย่างไม่เกรงใจ นายน้อยตระกูลเหลียนก็หน้าดำคร่ำเคร่ง จ้องมองมาที่ฉินจื่อซวี่ ฉินจื่อซวี่เลิกคิ้วเล็กน้อย ความสัมพันธ์ระหว่างบุตรีของอนุตระกูลเหลียนกับหร่วนอวี้จือนั้นเขาก็สืบมาแล้ว ยามนี้ซีเอ๋อร์ยังคงถูกคุมตัวอยู่ภายในวัดต้ากวงหมิง ไม่สามารถออกมาได้ คุณชายใหญ่ตระกูลฉินจึงรู้สึกใจคอไม่ดีนัก

เมื่อเห็นว่านายน้อยตระกูลเหลียนยืนขึ้นทำท่าจะเอ่ยบางอย่าง นายท่านตระกูลเหลียนก็เหลือบมองมาเพื่อให้เขาหยุดการกระทำ หากเป็นยามที่ไม่มีความขัดแย้งภายใน โดยทั่วไปแล้วแต่ละตระกูลจะวางอุบายเช่นไรก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ยามนี้ต้องรับมือกับศึกภายนอกร่วมกัน ยังไม่เข้าใจเรื่องน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่ากันอีกหรือ หากพวกเขาไม่เข้าใจ ตระกูลของพวกเขาก็คงล่มสลายเหลือเพียงชื่อในประวัติศาสตร์ไปพร้อมกับตระกูลอื่นอีกนับไม่ถ้วนนานแล้ว หลังจากกระแอมไอขึ้นก็หันกลับมาเอ่ย “ยามนี้เราอย่าเพิ่งสร้างปัญหากันเลย ท่านพี่ฉิน รวมถึงทุกท่าน เรามาปรึกษากันเถิดว่ามีแผนการอย่างไรบ้าง” ทุกคนต่างพยักหน้ารับ แน่นอนว่าพวกเขามาที่นี่มิใช่เพื่อมาดูพวกเด็กน้อยทะเลาะกัน

เพียงไม่นาน ก็มีใครบางคนเอ่ยเบาๆ ว่า “อยู่ๆ ฝ่าบาทก็ลงมือกับพวกเรา เกรงว่า…พระวรกายคงไม่สู้ดีแล้วหรือไม่” หากฮ่องเต้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสิบปีก็ไม่แน่ว่าตระกูลชั้นสูงเหล่านี้อาจถอนตัวจากราชสำนักไปเงียบๆ เอง แม้ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ยังไม่พร้อมจะแตกหักกับพวกตระกูลขุนนาง ทว่ากลับเริ่มเล่นงานพวกเขา เห็นได้ชัดว่าคงไม่มีทางเลือก มีเพียงเหตุผลเดียวที่ฮ่องเต้ยอมเสี่ยงเช่นนี้ นั่นคือเวลาของพระองค์ใกล้หมดลงเต็มที และองค์รัชทายาทก็ไร้ซึ่งความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวมากพอที่จะต่อสู้กับตระกูลขุนนางได้ ฮ่องเต้กังวลว่าหลังจากที่พระองค์สวรรคตแล้ว ตระกูลขุนนางเหล่านี้จะขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็วแข่งขันกับอำนาจของฮ่องเต้ จนกระทั่งครองอำนาจของฮ่องเต้ได้ ตัวอย่างเช่นนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์

แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังไม่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้น แต่หากเวลา โอกาส และกำลังคนเหมาะสม คงไม่มีใครที่นี่กล้าเอ่ยว่าพวกเขาไม่มีเจตนาเช่นนั้น เพียงแต่ยามนี้ยังบรรลุเงื่อนไขไม่ได้เท่านั้นเอง ยิ่งไปกว่านั้นความเชื่อมั่นเช่นนี้เป็นเพียงสิ่งเกินจริงทั้งสำหรับทั้งพวกเขาและองค์ฮ่องเต้ด้วย ต่อให้พวกเขาควักเอาหัวใจออกมาสาบานกับฮ่องเต้ว่าไม่มีความคิดกบฏ ฮ่องเต้จะทรงเชื่อหรือ

ในห้องโถงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงมีคนเอ่ยว่า “แล้วอย่างไร ต่อให้ฮ่องเต้จะมีพระวรกายไม่แข็งแรง ดูเหมือนอีกไม่นานก็คง… แต่เราก็รอต่อไปเช่นนี้ไม่ได้แล้ว พวกท่านใครกล้าบอกได้บ้างเล่าว่าพรุ่งนี้ฮ่องเต้จะไม่ออกราชโองการให้บุกเรือนและยึดทรัพย์พวกเรา หากฮ่องเต้บุ่มบ่ามไร้เหตุผลขึ้นมา พวกเราก็คงรับไม่ไหวแน่ แม้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่เมื่อครั้งคดีของเหลียงกั๋วกง เกี่ยวโยงไปถึงท่านกงหนึ่งท่านและท่านโหวสิบสองท่าน ภายในเวลาเพียงสองสามวัน ตระกูลชั้นสูงในจินหลิงกว่าสิบตระกูลก็ถูกบุกรุกและปราบปราม เลือดที่นองเต็มลานประหารหน้าตลาดล้างทั้งเดือนก็ยังล้างออกไม่หมดด้วยซ้ำ แม้ตระกูลขุนนางเหล่านี้จะไม่ถูกกำจัดไปง่ายดายเช่นเดียวกับพวกตระกูลที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ก็ตาม ซึ่งต่อให้กำจัดเพียงพวกเขาที่อยู่ในจินหลิง แต่ย่อมจะเสียหายไปถึงกองกำลังโดยรวมด้วย หากไม่ระวังก็ไม่แน่ว่าจะล่มสลายลงไปพร้อมกัน

“ฝ่าบาทไม่ถูกชะตาพวกเรา องค์รัชทายาทก็พระวรกายไม่แข็งแรง แล้วพวกท่านคิดว่าเหล่าหลานในองค์ฮ่องเต้ล่ะเป็นเยี่ยงไรเล่า?” นายท่านตระกูลหยางซึ่งเงียบมาโดยตลอดเอ่ยถามขึ้น

ทุกคนต่างหันไปมองเขา นายท่านตระกูลหยางลูบเคราพลางเอ่ย “จากที่ข้าเห็น หลานในองค์ฮ่องเต้หลายองค์ ไม่ว่าจะเป็นเย่ว์จวิ้นอ๋อง เฉิงจวิ้นอ๋อง หรืออันจวิ้นอ๋อง นั้นมีนิสัยแตกต่างจากฝ่าบาทราวฟ้ากับเหว หากเป็นฝ่าบาท พระองค์ย่อมจงใจจะทำลายเรา แต่หากเราเริ่มต้นลงมือจากหลานในองค์ฮ่องเต้ทั้งสาม ไม่แน่ว่าอาจจะหาทางออกได้”

นัยน์ตาของฉินจื่อซวี่ฉายแวว เอ่ยถาม “ท่านลุงหยางหมายความว่า…เราต้องยอมก้มหัวให้เย่ว์จวิ้นอ๋องไปก่อนเช่นนั้นหรือ”

นายท่านตระกูลหยางส่ายหัวแล้วเอ่ย “มิใช่ มิใช่เย่ว์จวิ้นอ๋อง แต่เป็นจวิ้นอ๋องทั้งสามต่างหาก หากเราทุกคนยอมต่อเย่ว์จวิ้นอ๋อง อย่าว่าแต่ฝ่าบาทเลย เกรงว่าแม้แต่เย่ว์จวิ้นอ๋องเองก็คงจะมองออกว่าเรามีเหตุผลใดแอบแฝง ยิ่งกว่านั้นอาจเป็นการยั่วให้ฝ่าบาทพิโรธได้ หากแต่…”

ฉินจื่อซวี่ตาเป็นประกาย เอ่ย “หากพวกเราแบ่งกำลังสนับสนุนจวิ้นอ๋องทั้งสาม ก็มีโอกาสที่จวิ้นอ๋องทั้งสามจะปกป้องเราเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ในสายตาของฝ่าบาทก็คงคิดว่าตระกูลขุนนางทั้งสิบแตกแยกและโจมตีกันเองเท่านั้น แม้วิธีนี้จะไม่สามารถแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็พอแก้ปัญหาเร่งด่วนและยับยั้งพระประสงค์ที่ฝ่าบาทจะสังหารพวกเราไว้ได้”

นายท่านตระกูลหยางเหลือบมองฉินจื่อซวี่ด้วยความชื่นชมและพยักหน้าเบาๆ คุณชายใหญ่ตระกูลฉินสมควรแล้วที่เป็นผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาผู้สืบทอดรุ่นนี้

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับ ณ ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว กล่าวได้ว่าตระกูลขุนนางเหล่านี้มีอำนาจมาก แต่การต่อสู้ทัดทานกับราชวงศ์นั้นมิใช่เรื่องง่าย ท้ายที่สุดแล้วกองทัพ ภาษี และขุนนางส่วนใหญ่ก็ยังคงตกอยู่ในเงื้อมมือของราชวงศ์ทั้งสิ้น ความสบายอย่างเดียวที่พวกเขามีคือไม่ต้องคิดและเป็นกังวลเทียบเท่าราชวงศ์

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท