หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 384 ตัวตลกที่เต้นแร้งเต้นกา (2)

ตอนที่ 384 ตัวตลกที่เต้นแร้งเต้นกา (2)

ตอนที่ 384 ตัวตลกที่เต้นแร้งเต้นกา (2)
เมื่อมองเห็นทั้งสามคนเดินเข้ามา สายตาของชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนตำแหน่งเหนือสุดตวัดมองมายังหนานกงมั่ว ผลักสตรีที่นั่งพิงตนเองออกไปพลางลุกขึ้นนั่งตัวตรง คนอื่นเห็นท่าทางเช่นนั้นของเขาจึงค่อยๆ หยุดและหันมามองทั้งสามคนที่ยืนอยู่หน้าประตู

“สองคนนี้เป็นใครกัน”

ชายแซ่หวังเดินก้าวขึ้นไปด้านหน้าสองก้าวด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “ตอบท่านหัวหน้า สามีภรรยาคู่นี้เป็นแขกที่เมืองชิงสุ่ยของเราขอรับ ข้าน้อยจึงเชิญพวกเขามานั่งที่นี่”

สายตาของหญิงชุดแดงผู้นั้นมองไปยังใบหน้าของเว่ยจวินมั่ว จากนั้นหันมามองหนานกงมั่วที่ยืนอยู่ด้านข้าง “พี่ใหญ่ พ่อหนุ่มผู้นี้ยกให้ข้าได้หรือไม่”

ชายวัยกลางคนมองสังเกตเว่ยจวินมั่วอยู่ชั่วครู่ เลิกคิ้วเอ่ย “ข้าว่าเจ้าหน้าคุ้นๆ”

“ข้าไม่เคยเจอเจ้ามาก่อน” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ

ชายวัยกลางคนเอ่ย “เจ้าเป็นใคร มาทำอันใดที่เมืองชิงสุ่ย”

“พ่อค้า เดินทางผ่านมา” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ

“พ่อค้าหรือ” ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วเอ่ยถาม “พ่อค้าที่มีความกล้าเพียงนี้ข้ายังไม่เคยเห็นมาก่อน ได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก ทิ้งเด็กสาวผู้นี้ไว้ที่นี่แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”

“พี่ใหญ่” หญิงสาวชุดแดงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เว่ยจวินมั่วไม่ไหวติง บุรุษหล่อเหลาเพียงนี้ อย่าว่าแต่เมืองเล็กๆ อย่างชิงสุ่ยเลย ทั่วทั้งใต้หล้าก็มิรู้ว่าจะเห็นได้สักกี่คน หนานกงมั่วยืนบังอยู่ตรงหน้าเว่ยจวินมั่ว มองหญิงสาวชุดแดงผู้นั้นอย่างไม่พอใจ เอ่ย “ข้าไม่ชอบดวงตาของเจ้า”

สตรีชุดแดงผู้นั้นรู้สึกสนุกขึ้นมา หัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าไม่ชอบหรือ แล้วเยี่ยงไรเล่า”

หนานกงมั่วเอ่ยจริงจัง “หากเจ้ายังมองเขาอีก ข้ารับรองว่าชาตินี้ทั้งชาติเจ้าจะมองไม่เห็นชายใดอีกแม้แต่คนเดียว”

“ฮ่าๆ” หญิงสาวชุดแดงผลักชายด้านข้างออกพร้อมลุกขึ้น จ้องมองหนานกงมั่วทว่าเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนตำแหน่งเหนือสุด “พี่ใหญ่ ดูเหมือนหญิงงามคนใหม่ของท่านจะเป็นดอกไม้มีหนามเสียแล้ว” พึ่งเอ่ยจบก็มีเงาวูบหนึ่งมาตรงหน้า เสียงหัวเราะของหญิงสาวชุดแดงพลันหายไป นางถูกคนบีบคอแน่นจนไม่สามารถหัวเราะออกมาได้

หญิงสาวชุดแดงเบิกตากว้างมองชายในอาภรณ์สีครามตรงหน้าและดวงตาสีม่วงคู่นั้นของเขา เมื่อสักครู่ให้ความสนใจไปที่ใบหน้าของเขา เพราะเว่ยจวินมั่วหลุบตาต่ำอยู่ตลอดเวลาจึงไม่มีใครสังเกตเห็นดวงตาของเขา แต่ตอนนี้อยู่ใกล้เพียงนี้ อีกทั้งหญิงสาวชุดแดงยังเตี้ยกว่าเว่ยจวินมั่วมาก เพียงเงยหน้าก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่นางพูดอันใดไม่ออก เมื่อดวงตาคู่นั้นมองมายังนางทั่วทั่งร่างราวกับถูกแช่แข็ง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงมือที่กำลังบีบคอของนางอยู่ ทำให้นางหายใจได้ยากลำบากขึ้น

“นางเป็นของข้า เข้าใจหรือไม่” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง

หนานกงมั่วเงยหน้ามองบนพลางกลอกตาไปมา ไม่นานก็ขยับมายืนอยู่ด้านข้างหญิงสาวชุดแดงที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอย่างอารมณ์ดี

“เจ้าเป็นใครกันแน่” ในที่สุดผู้คนด้านข้างก็พากันได้สติกลับมา

“ปล่อยน้องสี่” ชายดวงตาน่ารังเกียจเอ่ยเสียงดัง ไม่พูดมากพุ่งตัวเข้าหาเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วแค่นเสียงหยัน ยกเท้าถีบคนผู้นั้นลอยออกไป ในสี่คนนี้นอกจากชายวัยกลางคนผู้นั้นแล้วที่วรยุทธยังพอดูได้ อีกสามคนที่เหลือยังไม่อาจเรียกว่าเป็นแม้แต่ยอดฝีมือขั้นสองได้ อย่างมากก็อยู่ขั้นสามเท่านั้น

“ทั้งสองท่านเป็นผู้ใดกันหรือ ค่อยพูดค่อยจากันเถิด” ชายวัยกลางคนลุกขึ้นมา มองทั้งสองอย่างระแวดระวัง

เว่ยจวินมั่วหันกลับมามองเขาพลางขมวดคิ้วขึ้น เอ่ย “ข้านึกออกแล้วว่าพวกเจ้าเป็นใคร”

“เอ๋” หนานกงมั่วตกใจ หรือว่าคนพวกนี้ยังเป็นคนมีชื่อเสียงอะไรอีกหรือ

“สี่พี่น้องแห่งยุทธภพ ลู่เหอตง เคอหลิน เถาจิ้นซง หลิ่วหงกู” เว่ยจวินมั่วเอ่ยขึ้น สายตากวาดไปยังทั้งสี่คน “พวกเจ้าเข้ากับสำนักกลเจ็ดดาวแล้วมิใช่หรือ จินผิงอี้ตายแล้ว ไยพวกเจ้าจึงยังไม่ตายเล่า”

ได้ยินเช่นนั้น ทั้งสี่คนที่อยู่ตรงนั้นใบหน้าไม่น่ามองขึ้นมา อะไรที่เรียกว่าจินผิงอี้ตายแล้วพวกเขาไม่ตาย จะว่าไปเรียกทั้งสี่คนว่าสี่พี่น้องแห่งยุทธภพนั้นช่างแลดูยิ่งใหญ่นัก เพียงแต่คนในยุทธภพมักจะตั้งชื่อเกินจริง ความจริงแล้วในยุทธภพทั้งสี่คนนี้ไม่นับประสาอะไร เป็นเพียงตัวตลกไม่กี่ตัวเท่านั้น

ทั้งสี่คนนี้เป็นพี่น้องร่วมสามบาน แรกเริ่มเป็นโจรทางน้ำ ฆ่าคนปล้นระดมไม่เหี้ยมโหดไม่ทำ ต่อมาถูกยุทธภพและราชสำนักตามล่าตัว ถูกบีบจนไม่มีที่ไปต้องเข้าร่วมกับสำนักกลเจ็ดดาว สำนักกลเจ็ดดาวยิ่งใหญ่ในลุ่มน้ำ แน่นอนไม่มีใครคิดมีปัญหากับจินผิงอี้เพราะสี่คนนี้เป็นแน่ เพียงแต่ไม่กี่เดือนก่อน จินผิงอี้ตายไปกะทันหัน ศีรษะนั้นหายไปไม่แน่ชัด ร่างศพถูกส่งกลับไปยังสำนักกลเจ็ดดาวโดยแขวนอยู่หน้าประตูใหญ่ของสำนักกลเจ็ดดาว แม้จะหาศีรษะไม่เจอ แต่ทุกคนได้ยืนยันแล้วว่าเป็นศพของจินผิงอี้ สำนักกลเจ็ดดาวไร้ผู้นำ ทุกคนแย่งชิงอำนาจ ผู้มีอำนาจต่างๆ ใช้โอกาสนี้ในการแบ่งปันผลประโยชน์ ทว่าสถานะของพวกเขานั้นยังไม่สูงพอ ตรงกันข้ามยิ่งถูกคนใช้เป็นตัวรับกระสุนได้เป็นอย่างดี จึงอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนของสำนักกลเจ็ดดาวหนีออกมา

“ท่านเคยได้ยินชื่อเสียงของพวกเราพี่น้องหรือ” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม

หนานกงมั่วเองก็แปลกใจ ตีมือเว่ยจวินมั่วเบาๆ บอกใบ้ให้เขาปล่อยหลิ่วหงกู เว่ยจวินมั่วโยนทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ หลิ่วหงกูถูกโยนออกไป ศีรษะกระแทกเข้ากับเก้าอี้ไม่อาจลุกขึ้นมาได้ เมื่อมองสบกับสายตาประหลาดใจของหนานกงมั่ว เว่ยจวินมั่วจึงเอ่ย “สามปีก่อนลิ่นฉังเฟิงคิดจะสังหารพวกเขาโดยไม่รับเงิน น่าเสียดายพวกเขาหนีไปได้อย่างรวดเร็ว” ฆ่าคนโดยไม่รับเงิน แน่นอนว่าคงมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากกว่า หากเพียงสังหารไปเรื่อยเช่นนั้นคงไม่เป็นไร คนเหล่านี้ไปซ่อนตัวอยู่ในสำนักกลเจ็ดดาว หากคิดจะสังหารพวกเขาคงต้องมีปัญหากับสำนักกลเจ็ดดาวอย่างแน่นอน หากไม่มีรางวัลลิ่นฉังเฟิงไม่มีทางทำการค้าที่เสียเปรียบเช่นนี้ แน่นอนหากทั้งสี่คนนี้ไม่มีตาแล้วตกมาอยู่ในมือของเขา ลิ่นฉังเฟิงคงไม่เกรงใจ แต่เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้โชคดีใช่เล่น หลายปีมานี้อาศัยซ่อนตัวอยู่ในสำนักกลเจ็ดดาวไม่ออกมาก่อนเรื่องใด

“ทั้งสองท่านเป็นใครหรือ ได้โปรดบอกชื่อเสียงเรียงนาม วันนี้เป็นคนของข้าที่ไม่มีตาล่วงเกินทั้งสองท่าน ได้โปรดอภัยด้วย” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงทุ้ม ส่วนชายแซ่หวังผู้นั้นที่เดิมรอรับรางวัลยามนี้กลับตกใจจนแข้งขาอ่อนไปเสียแล้ว ในเมื่อพามือสังหารเข้ามาแล้ว ต่อให้เขาไม่ถูกสองคนนี้ฆ่า ต่อไปหัวหน้าไม่กี่คนในนี้คงไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเย็น “พวกเราเป็นใครเจ้าไม่จำเป็นต้องรับรู้ เพียงบอกข้า พวกเจ้ามาทำอันใดน่าสงสัยที่นี่”

“น่ารังเกียจ ไอ้เด็กนี่อย่าได้คิดจองหอง” ด้านข้างชายที่ดูมีอายุน้อยที่สุดตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้

เว่ยจวินมั่วใบหน้าเย็นชา สะบัดมือเบาๆ ฝ่ามือในอากาศตวัดเข้าใบหน้าชายผู้นั้นเต็มแรง ร่างของชายผู้นั้นปลิวออกไป กระแทกเข้ากับเสาที่อยู่ด้านหลัง เมื่อร่วงลงบนพื้นจึงยกมือขึ้นมากุมใบหน้าไว้ กระอักเลือดออกมา อีกทั้งยังมีฟันอีกสองซี่หลุดร่วงมาด้วย เห็นดังนั้นผู้คนที่อยู่ในสถานการณ์นอกจากหนานกงมั่วแล้วล้วนแต่ใบหน้าเปลี่ยนสีกันทั้งนั้น ชายหญิงที่คอยปรนนิบัติยิ่งกรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจ

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ข้าถาม อย่ายื่นปากเข้ามายุ่ง” จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองไปยังชายวัยกลางคนผู้นั้น เอ่ยถาม “เจ้าจะพูดหรือไม่”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท